“จตุพร” แถลงโต้แผนตากสิน 2 อ้างไม่ใช่ควายคิดแผนตื้นๆ เชื่อวางยาดิสเครดิต อ้าง “พ่อแม้ว” ร้อนก้น ยันไม่มีเอี่ยว แต่กลับเป็นจำเลยใหญ่ ได้ทีซัดคนจิตทราม กุข่าว ลั่นหากรัฐบาลใช้ความรุนแรงปราบชุมนุม ไม่รับรอง 27 มิ.ย.จะเกิดอะไรขึ้น ด้าน “ณัฐวุฒิ” ท้าเดิมพันชีวิต ขอพบ “เทพเทือก” เปิดแผนตากสิน
วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า ได้รับการรายงานถึงการที่กลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมใช้แผนตากสิน 2 ในการชุมนุมในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ว่า ขอปฏิเสธว่า ไม่เป็นจริง และไม่มีจริงทั้งแผนตากสิน 1 และ 2 เป็นเรื่องของคนจิตทรามที่กุข่าวขึ้นมา โดยเอาบุคคลที่มีชื่อในส่วนต่างๆ มาเขียนนิยาย ทราบมาว่า ในวันที่ 26 มิ.ย.รัฐบาลได้สั่งการให้ทหารจำนวน 6 พันคนเข้าไปประจำการอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.00 น.และยังใช้แผนตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการสั่งไปยังผวจ.ทุกจังหวัด สกัดคนไม่ให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.
นายจตุพร กล่าวอีกว่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลให้งบกับทหาร เพื่อเตรียมรับมือกับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ภูเก็ต ในช่วงเดือน ต.ค.ถือเป็นการผลาญงบโดยไม่มีเหตุผล เพราะกลุ่มคนเสื้อได้ประกาศชัดว่าจะชุมนุมโดยสงบ สันติเพียงข้ามคืน แต่รัฐบาลใช้วิธีสกัดโดยกุข่าวแผนตากสินขึ้นมา เพื่อโยนความผิดให้กลุ่มคนเสื้อแดง นอกจากนี้ ขอปฏิเสธในเรื่องที่กล่าวหาว่ากลุ่มคนเสื้อแดงต้องการเปลี่ยนวันชาติ เพื่อลดบทบาทสถาบันให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงต่อต้านกฎหมายทุกอย่างที่มาจากเผด็จการ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า การที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุถึงการฝึกอาวุธมีหน่วยจรยุทธ์จากเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรฯ ร่วมกับการ์ด นปช.และนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อเตรียมใช้ความรุนแรงก่อการจลาจลอีกครั้งนั้น ถ้ามีจริงควรประณาม นายสุเทพ ที่เป็นรองนายกฯ แต่กลับปล่อยให้มีการฝึกอาวุธดังกล่าวได้ ดังนั้น เรื่องไม่เป็นความจริง รวมทั้งชื่อของแผนตากสิน 2 ที่ระบุว่า เป็นแผนผนึกกำลังครั้งสุดท้ายเพื่อนายใหญ่นั้น คนเป็นควายยังไม่คิดอย่างนี้เลย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 มิ.ย.หากมีการจัดกำลังทหารเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลจริง แสดงว่า นายสุเทพ มีส่วนรู้เห็นการใส่ร้ายกุข่าวแผนตากสิน 2 ด้วย เพราะคนที่ทำเรื่องนี้ถือว่าเลวทรามชั่วช้า ถ้ารัฐบาลไปร่วมด้วยก็แสดงว่ารัฐบาลชั่วช้า ถ้า ผบ.ทบ.มีมันสมองก็ต้องรู้ว่าใครอยู่เบื้องการกุข่าวดังกล่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า นายสุเทพ มีพฤติกรรมเป็นมือที่ 3 ตลอดชีวิต แต่ตนไม่กังวลเรื่องมือที่ 3 ที่จะมาป่วนการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นในวันที่ 27 มิ.ย.ทางกลุ่มนปช.จะปรับแผนการชุมนุม ซึ่งอาจจะยืดเยื้อหรือไม่ยืดเยื้อก็ได้ แต่ก็ไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากรัฐบาลเข้ามาใช้กำลังกับกลุ่มคนเสื้อแดง
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่า หลังจากมีข่าวแผนตากสิน 2 ปรากฏว่า เมื่อเวลา 13.00 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหาตน เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากข่าวดังกล่าวมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยใหญ่ ทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดยได้วิเคราะห์ว่า ข่าวนี้เผยแพร่ทางสำนักข่าวผู้จัดการ จึงไม่มีความน่าเชื่อถือ และตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลนำเรื่องนี้มากลบเกลื่อนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล และการจุดประเด็นก่อนการชุมนุมใหญ่ของ นปช.2-3 วัน อาจมีความคิดที่จะเตรียมสร้างสถานการณ์เพื่อใช้กำลังจัดการกับคนเสื้อแดงด้วยหรือไม่
“ผมไม่คนไม่ชอบสาบาน แต่ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และขอท้า นายสุเทพ เพื่อขอให้ผมเข้าไปดูแผนตากสิน 2 นี้เป็นบุญตา และอยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่รายงานมาว่าอย่างไร เพราะบอกว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวกับคนเสื้อแดง และอยากให้เตรียมแผนตากสิน 1 เอาไว้ด้วย ผมพร้อมเข้าพบนายสุเทพ ตลอดเวลา ขอให้นัดมาเมื่อไหร่ วันไหน ผมจะนำสื่อมวลชนเข้าไปร่วมตรวจสอบด้วย ทั้งไม่กังวลเรื่องมือที่ 3 จะมาป่วนการชุมนุม แต่กังวลมือที่ 1 คือ รัฐบาลมากกว่า เพราะน่ากลัวกว่า เพราะเป็นแผนสังหารที่รัฐบาลวางไว้ให้คนเสื้อแดงอยู่ในคิลลิ่งโซน แต่พวกเราก็ไม่ถอย ไม่หวั่นไหวพร้อมที่จะแสดงพลังอย่างเต็มที่ จึงถือว่าการออกมาพูดของนายสุเทพ เป็นการเชียร์แขกมากกว่า ในการชุมนุมยังยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังคงโฟนอิน หรืออาจจะวิดีโอลิงก์มาในที่ชุมนุมด้วย”
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ตนพบว่ามีการเขียนตำราให้ข้อมูลไม่ให้ความเป็นธรรมกลุ่มคนเสื้อแดงมาสอนนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ปรากฏว่า เมื่อคืนวันที่ 24 มิ.ย.ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พร้อมอาจารย์ 5 คนที่เขียนตำราดังกล่าว ได้เข้าพบ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่ม นปช.ที่บ้านพัก โดยชี้แจงว่า ไม่มีเจตนาให้กระทบฝ่ายใด แต่เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลจากสื่อมวลชนเท่านั้น แต่เพื่อความบริสุทธิ์ใจจะยกเลิกการใช้ตำราดังกล่าวประกอบการเรียนการสอน