xs
xsm
sm
md
lg

จี้สธ.สั่งกักผู้ป่วยให้อยู่บ้านอัดมาตรการไม่ “เด็ดขาด”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -ผู้เชี่ยวชาญชี้หวัดพันธุ์ใหม่ยังไม่รุนแรงถึงขั้นปิดประเทศ จี้สธ.ควรเด็ดขาด สั่งห้ามคนป่วยออกจากบ้าน อยู่ห่างอย่างน้อย 1 เมตร ยันคนปกติหรือหนุ่มสาวหากรักษาไม่ทันก็เสียชีวิตได้
นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกไวรัสสู่คน กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตรการปิดประเทศ แต่หากในอนาคตที่มีการระบาดในรอบที่ 2 ซึ่งธรรมชาติของโรคจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่คาดว่าจะทำให้อัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 60-80% ถึงเวลานั้นคงไม่มีใครกล้าที่จะออกจากบ้านอยู่แล้ว จึงมีการหยุดการทำกิจกรรมต่างๆ และใช้มาตรการปิดประเทศไปโดยปริยาย
  นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ข้อเสนอแนะในขณะนี้ คือ 1.รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขควรออกมาตรการสั่งห้ามผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วไป ออกจากบ้านหรือเดินทางไปในแหล่งชุมชนโดยให้ปฏิบัติตัวดูแลรักษาสุขภาพใช้หน้ากากอนามัย และล้างมืออยู่กับบ้าน มีการแยกเป็นสัดส่วนชัดเจนในห้องที่ปิดมิดชิด อาจมีผู้ดูแลเพียง 1 คน และหากไม่จำเป็นไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกันแต่ให้อยู่ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร จาน ชาม ของใช้ส่วนตัวมีการแยกต่างหากเป็นพิเศษ กระดาษชำระ หรือขยะติดเชื้อมีการแยกทำลาย โดยไม่ควรไปโรงพยาบาลเนื่องจากเสี่ยงรับเชื้อโรคเพิ่มมากขึ้นได้ หากมีอาการมากขึ้น เช่นเป็นไข้ต่อเนื่อง 2-3 วันไข้ไม่ลดลง มีอาการปวดศีรษะ กล้ามเนื้อ อาเจียน ท้องเสีย และมีการอาการหน้ามืด คล้ายจะเป็นลม ต้องรีบพบแพทย์ทันที
  2.ในกลุ่มเสี่ยงที่มีการแนะนำเตือนไว้ เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัว ตับ ไต หัวใจ ปอด ภูมิต้านทานต่ำ หรือบกพร่อง ไม่ว่าจะมีอาการลักษณะใดควรได้รับการรักษาทันที 3. กลุ่มแพทย์และพยาบาลในกลุ่มนี้ถือว่ามีความเสี่ยงเช่นเดียวกันเพราะอาจรับเชื้อโดยไม่รู้ตัว ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพราะอาจแพร่เชื้อได้แม้จะไม่มีอาการป่วย 4.รัฐบาลต้องบอกความจริงกับประชาชนโดยไม่ต้องกลัวเสียหน้า หากมีผู้เสียชีวิตที่เป็นกลุ่มคนปกติทั่วไป มีร่างกายแข็งแรงป่วยและเสียชีวิตลง เนื่องจากในอเมริกาและเม็กซิโกมีรายงานยืนยันตรงกันว่า ผู้ที่ป่วยมากที่สุดอยู่ในวัยหนุ่มสาว อายุระหว่าง 15-54 ปี ในจำนวนนี้ ประมาณ 50% มีโรคประจำตัว ซึ่งความรุนแรงของโรคไม่แตกต่างกันกับกลุ่มวัยอื่น และหากไปพบแพทย์ไม่ทันอาจทำให้เสียชีวิตได้
   “ถือว่าขณะนี้ทุกคนเสี่ยงเท่ากันหมดอย่าคิดว่าอยู่ในวัยหนุ่มสาวมีความแข็งแรงแล้วไม่ใส่ใจในการป้องกันตัวเองในส่วนของบุคลกรทางการแพทย์ควรเอาใจใส่คนกลุ่มนี้ด้วย รวมถึงผู้ที่มีอาการป่วยอื่นร่วมด้วย ไม่ใช่เฉพาะไอ จาม แต่ในรายที่เป็นไข้ ท้องเสีย เป็นไข้ซึม สมองอักเสบ ให้คิดว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009ด้วย หรือบางรายอาจไม่พบเชื้อทางจมูก แต่ควรตรวจหาในตำแหน่งที่มีอาการ เช่น หากมีไข้ซึม สมองอักเสบ อาจต้องเจาะตรวจเชื้อที่บริเวณไขสันหลัง ไม่เช่นนั้นอาจพลาดโอกาสช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิตได้”
   นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ข้อมูลที่มีอยู่ตรงกันกับสธ.ในระดับหนึ่งอยู่แล้วแต่สธ.ขาดการตอกย้ำมาตรการที่สำคัญให้มีความชัดเจนเช่น การให้ผู้ป่วยอยู่กับบ้านไม่ให้เดินทาง อย่างไรก็ตามขอชื่นชมการทำงานซึ่งทำได้ดีมากอยู่แล้ว เพียงแต่ขาดความเข็มแข็ง เด็ดขาด ทั้งๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลมีอำนาจสั่งห้ามหรือบังคับโดยสมัครใจให้เห็นถึงความจำเป็นในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ
กำลังโหลดความคิดเห็น