ASTVผู้จัดการรายวัน – “สาทิตย์” ฟันธง บีอีซีเวิลด์ ต้องเพิ่มค่าสัมปทานช่อง3ไม่น้อยกว่าที่ทรูวิชั่นส์จ่ายให้อสมทในแต่ละปี พร้อมยันรัฐไม่แทรกแซงเรื่องดังกล่าวแน่นอน บอร์ด อสมท มีสิทธิ์เต็มที่ในการพิทักษ์ผลประโยชน์ของ อสมท ปัดสัญญาแก้ไขได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการฯตีความ ส่วนทรูวิชั่นส์ ทุกอย่างลงตัว อสมท ได้ประโยชน์เพิ่มจากค่าตอบแทน 6.5% ของรายได้
นายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการต่ออายุสัมปทานช่อง 3 ว่า การพิจารณาสัญญาสัมปทานของทางช่อง 3 ที่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ทำเรื่องเสนอขอต่อสัญญาออกไปอัตโนมัติไปอีก 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 นั้น เรื่องดังกล่าวนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาตรวจสอบตามมาตรา 13 ไปแล้ว (คณะกรรมการดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามาตรา 13) ซึ่งผลการพิจารณาของคณะกรรมการชุดนี้ เชื่อว่าจะยึดเอาผลประโยชน์ของ อสมท เป็นหลักไว้มากที่สุด
ดังนั้น การจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และควรทำ เนื่องจากมองว่าสัญญานี้ควรมีการพิจารณาให้รอบคอบ เพราะจะมีเรื่องของ พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ เข้ามาเกี่ยวข้องในอนาคตด้วย ดังนั้นสัญญาสัมปทาน 10 ปีครั้งนี้ จึงควรมีการพิจาณาให้ดี
โดยมองว่าเหตุสัญญาที่ทางช่อง 3 ทำไว้เมื่อ 10 ปีก่อนนั้น เชื่อว่า มีการนำเรื่องสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้นเข้ามาเป็นปัจจัยหลัก ทำให้เกิดการตกลงค่าตอบแทนจำนวนนั้นขึ้นมา อีกทั้งเชื่อว่ามีเรื่องของผลประโยชน์ทางการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน รวมไปถึงเรื่องของทางหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการรายวัน ที่ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องของการที่ ช่อง 3 มีการทำผิดสัญญาด้วยนั้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่ทางคณะกรรมการชุดนี้จะต้องเข้าไปตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ถือเป็น เรื่องที่ทางบอร์ด อสมท มีสิทธิ์เต็มที่ในการตัดสินใจ เพื่อประโยชน์สูงสุดของอสมท ที่ควรจะได้รับ โดยทางรัฐบาลไม่ได้มีการแทรกแซง
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแก้สัญญาครั้งนี้ ตามที่นายประวิทย์ มาลีนนท์ ผู้บริหารของ บีอีซี เวิลด์ เชื่อมั่นและเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ไม่สามารถแก้ไขสัญญาได้นั้น ตนมองว่า เป็นเรื่องที่คณะกรรมการชุดนี้จะตีความออกมามากกว่า ว่าจะแก้ได้หรือไม่ได้ ขณะที่สถานการณ์และปัจจัยในการทำสัญญาดูจะแตกต่างกัน
ส่วนค่าตอบแทนที่ทาง ช่อง 3 เสนอให้ อสมท ไว้ที่ 2,002 ล้านบาท สำหรับการต่อสัญญาออกไปอีก 10 ปีครั้งนี้ มองว่าอย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ควรที่จะจ่ายต่ำกว่าที่ทรูวิชั่นส์ จ่ายค่าตอบแทนให้ทาง อสมท ต่อปีที่ 650 ล้านบาท เพราะเฉลี่ยแล้วต่อปี ช่อง 3 จ่ายเพียงปีละประมาณ 200 ล้านบาทนั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับทรูวิชั่นส์
เพราะทรูวิชั่นส์เองมีฐานสมาชิกรับชมน้อยกว่าฟรีทีวีอยู่แล้ว ขณะที่ช่อง3เข้าถึงผู้ชมได้ทั่วประเทศมากกว่า รวมถึงรายได้ที่เข้ามาก็มีมากกว่า
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสัญญาโฆษณาที่ทางทรูวิชั่นส์ เสนอให้ทาง อสมท ที่ 6.5% ของรายได้นั้น เรื่องดังกล่าว มีการพิจารณาจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตัวเลขค่าตอบแทนยังคงไว้ที่ 6.5% แต่ประโยชน์ที่ทางอสมท จะได้รับมากกว่าเม็ดเงินนั้น ได้มีการนำมาเป็นข้อตกลงเพิ่มเข้ามาในสัญญาครั้งนี้อีกส่วนหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่บอร์ด อสมท ควรดำเนินการต่อไป คือ การแก้ข้อสังเกต และตอบคำถามที่ทางสหภาพแรงงาน อสมท ตั้งข้อสังเกตไว้เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การประชุมคณะกรรมการดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามาตรา 13 นัดแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่มีผลอะไรที่เป็นเรื่องราว เพราะเป็นการประชุมครั้งแรก เพียงแนะนำตัวและมอบหมายเอกสารให้กรรมการแต่ละท่านนำกลับไปศึกษาทำความเข้าใจก่อน
นายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการต่ออายุสัมปทานช่อง 3 ว่า การพิจารณาสัญญาสัมปทานของทางช่อง 3 ที่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ทำเรื่องเสนอขอต่อสัญญาออกไปอัตโนมัติไปอีก 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 นั้น เรื่องดังกล่าวนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาตรวจสอบตามมาตรา 13 ไปแล้ว (คณะกรรมการดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามาตรา 13) ซึ่งผลการพิจารณาของคณะกรรมการชุดนี้ เชื่อว่าจะยึดเอาผลประโยชน์ของ อสมท เป็นหลักไว้มากที่สุด
ดังนั้น การจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และควรทำ เนื่องจากมองว่าสัญญานี้ควรมีการพิจารณาให้รอบคอบ เพราะจะมีเรื่องของ พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ เข้ามาเกี่ยวข้องในอนาคตด้วย ดังนั้นสัญญาสัมปทาน 10 ปีครั้งนี้ จึงควรมีการพิจาณาให้ดี
โดยมองว่าเหตุสัญญาที่ทางช่อง 3 ทำไว้เมื่อ 10 ปีก่อนนั้น เชื่อว่า มีการนำเรื่องสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้นเข้ามาเป็นปัจจัยหลัก ทำให้เกิดการตกลงค่าตอบแทนจำนวนนั้นขึ้นมา อีกทั้งเชื่อว่ามีเรื่องของผลประโยชน์ทางการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน รวมไปถึงเรื่องของทางหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการรายวัน ที่ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องของการที่ ช่อง 3 มีการทำผิดสัญญาด้วยนั้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่ทางคณะกรรมการชุดนี้จะต้องเข้าไปตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ถือเป็น เรื่องที่ทางบอร์ด อสมท มีสิทธิ์เต็มที่ในการตัดสินใจ เพื่อประโยชน์สูงสุดของอสมท ที่ควรจะได้รับ โดยทางรัฐบาลไม่ได้มีการแทรกแซง
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแก้สัญญาครั้งนี้ ตามที่นายประวิทย์ มาลีนนท์ ผู้บริหารของ บีอีซี เวิลด์ เชื่อมั่นและเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ไม่สามารถแก้ไขสัญญาได้นั้น ตนมองว่า เป็นเรื่องที่คณะกรรมการชุดนี้จะตีความออกมามากกว่า ว่าจะแก้ได้หรือไม่ได้ ขณะที่สถานการณ์และปัจจัยในการทำสัญญาดูจะแตกต่างกัน
ส่วนค่าตอบแทนที่ทาง ช่อง 3 เสนอให้ อสมท ไว้ที่ 2,002 ล้านบาท สำหรับการต่อสัญญาออกไปอีก 10 ปีครั้งนี้ มองว่าอย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ควรที่จะจ่ายต่ำกว่าที่ทรูวิชั่นส์ จ่ายค่าตอบแทนให้ทาง อสมท ต่อปีที่ 650 ล้านบาท เพราะเฉลี่ยแล้วต่อปี ช่อง 3 จ่ายเพียงปีละประมาณ 200 ล้านบาทนั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับทรูวิชั่นส์
เพราะทรูวิชั่นส์เองมีฐานสมาชิกรับชมน้อยกว่าฟรีทีวีอยู่แล้ว ขณะที่ช่อง3เข้าถึงผู้ชมได้ทั่วประเทศมากกว่า รวมถึงรายได้ที่เข้ามาก็มีมากกว่า
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสัญญาโฆษณาที่ทางทรูวิชั่นส์ เสนอให้ทาง อสมท ที่ 6.5% ของรายได้นั้น เรื่องดังกล่าว มีการพิจารณาจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตัวเลขค่าตอบแทนยังคงไว้ที่ 6.5% แต่ประโยชน์ที่ทางอสมท จะได้รับมากกว่าเม็ดเงินนั้น ได้มีการนำมาเป็นข้อตกลงเพิ่มเข้ามาในสัญญาครั้งนี้อีกส่วนหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่บอร์ด อสมท ควรดำเนินการต่อไป คือ การแก้ข้อสังเกต และตอบคำถามที่ทางสหภาพแรงงาน อสมท ตั้งข้อสังเกตไว้เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การประชุมคณะกรรมการดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามาตรา 13 นัดแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่มีผลอะไรที่เป็นเรื่องราว เพราะเป็นการประชุมครั้งแรก เพียงแนะนำตัวและมอบหมายเอกสารให้กรรมการแต่ละท่านนำกลับไปศึกษาทำความเข้าใจก่อน
