xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าคณะใหญ่หนใต้ชี้รัฐบาลสอบตกแก้ไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระธรรมรัตนากร เจ้าคณะใหญ่หนใต้ และเจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่-เจ้าคณะใหญ่หนใต้ห่วงสถานการณ์ชายแดนใต้ที่ยังรุนแรง ระบุเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลจะต้องพยายามแก้ให้สำเร็จ โดยน้อมนำพระราชดำรัส เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาปฎิบัติให้เกิดผล ชี้สำหรับใครก็ตามที่เข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศชาติเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ถือได้ว่าเป็นตัวแม่บทแต่หากเหตุการณ์ยังไม่สงบ ถือว่ารัฐบาลยังสอบไม่ผ่าน ด้าน จนท.ตรวจเข้มเส้นทางรถไฟในเขตรอยต่อจังหวัดสงขลากับพื้นที่ 3 จชต.ขณะที่ประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดเป็นจำนวนมากในช่วงวันหยุดยาว

วานนี้ (5 ก.ค.) พระธรรมรัตนากร เจ้าคณะใหญ่หนใต้ และเจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์ (พระอารามหลวง) จังหวัดตรัง อดีตเจ้าคณะภาค 18 ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่สงฆ์ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สัมภาษณ์ว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีต โดยเฉพาะตั้งแต่เมื่อปี 2547 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ความรุนแรงจะมีลักษณะเกิดขึ้นบ้าง เป็นบางครั้งบางคราว แต่ปัจจุบันนี้ความรุนแรงกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบมูลเหตุที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร เพราะแม้กระทั่งพระสงฆ์ ครู หรือหญิงตั้งครรภ์ ก็ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต

พระธรรมรัตนากร กล่าวว่า แม้สถานการณ์จะมีความรุนแรงขึ้นสักแค่ไหน แต่พระสงฆ์ที่อยู่ตามวัดวาอารามต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างก็มิได้รู้หวาดกลัวถึงกับไม่กล้าออกไปบิณฑบาตนอกวัด เพียงแต่ข่าวที่ถูกนำเสนอออกไปนั้น อาจจะทำให้เกิดความสับสน ซึ่งจริงๆ แล้วถือเป็นธรรมเนียมของชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาต่อพุทธศาสนา และได้ร่วมปฏิบัติกันมาตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ

โดยเฉพาะวัดที่ตั้งอยู่ชานเมืองหรือในชนบท ซึ่งจะมีพระสงฆ์เพียงไม่กี่รูปและการเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยจะสะดวก ดังนั้น ชาวบ้านจึงได้ขอร้องให้พระสงฆ์ไม่ต้องออกไปบิณฑบาตนอกวัด และจัดหน้าที่รับผิดชอบทำอาหารมาถวายวันละ 2 - 3 ครัวเรือน แต่สำหรับพระสงฆ์ที่มีวัดตั้งอยู่ในตัวเมืองนั้น ยังคงต้องออกไปบิณฑบาตตามปกติและยึดถือว่าเป็นกิจ หรือเป็นหน้าที่ที่พระสงฆ์ต้องปฏิบัติ ไม่ว่าจะมีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นเพียงใดก็ตาม

ส่วนข้อเสนอต่อทางรัฐบาลโดยความเห็นส่วนตัวนั้น เจ้าคณะใหญ่หนใต้มองว่า ตามพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ที่พระราชทานให้นำมาปฏิบัติกันนั้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนก็ยังไม่สามารถเข้าถึงตัวผู้ก่อการร้ายตัวจริงได้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะยิงกัน ฟันแทงกัน หรือช่วงหลังๆ มาก็มีการกระทำแบบสงครามซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น จะต้องมีหัวหน้า ต้องมีการสั่งการ และต้องมีอุดมการณ์ในการทำ เพียงแต่การปราบปรามยังเข้าไม่ถึงต้นตอที่แท้จริง ทำกันได้แค่ปลายๆ เหมือนกับการขี่ช้างไล่จับตั๊กแตน แต่ถ้าหากได้เจอกับต้นเหตุที่แท้จริงหรือผู้บงการ ก็ควรที่จะได้พูดคุย หรือแลกเปลี่ยนข้อตกลงกัน

พระธรรมรัตนากร ยังกล่าวอีกว่า ในอดีตชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิม ต่างพึ่งพาอาศัยกันเหมือนพี่เหมือนน้อง แต่ล่าสุดจากการที่ตนเองลงไปพบปะกับชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก พี่น้องชาวไทยทั้ง 2 ศาสนาบอกว่า เขาห้ามไม่ให้พูดกัน พอเจ้าหน้าที่ไปถามอะไรก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ตนเองจึงมีคำย้อนกลับไปว่า ทำไม และเขาในที่นี้คือใคร ถึงแม้ว่าขณะนี้การพัฒนาในด้านอื่นๆ จะอยู่ในระดับที่ดี ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง หรือความเป็นอยู่ของประชาชน ส่วนงบประมาณก็ได้มีการทุ่มเทลงไปมากพอสมควร แต่ควรจะมีการพัฒนาในด้านอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย

เจ้าคณะใหญ่หนใต้ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น สำหรับใครก็ตามที่เข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศชาติ เรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือได้ว่าเป็นตัวแม่บท หรือเป็นข้อสอบ แต่หากเหตุการณ์ยังไม่สงบ ถือว่ารัฐบาลยังสอบไม่ผ่าน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทารุณทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ ครู หรือหญิงตั้งครรภ์ จนแทบจะกล่าวได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดกำลังกลายเป็นสงครามแล้ว ซึ่งคำว่าสงครามย่อมไม่มีกติกา เหมือนดั่งที่หลวงวิจิตรวาทการ เคยกล่าวเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสามารถเข้าถึงตัวเขาได้ เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ก็น่าจะสงบลงได้ เพราะมีเพียงแค่ 3-4 จังหวัดเท่านั้น ยังไม่ลุกลามไปจังหวัดอื่นๆ

จนท.ดูแลเข้มเส้นทางรถไฟสายใต้

ด้านมาตรการดูแลความปลอดภัยการเดินรถไฟในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่สถานีหาดใหญ่ จ.สงขลา ถึงสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นไปอย่างเข้มข้นหลังจากที่เกิดเหตุคนร้ายซุ่มยิงขบวนรถท้องถิ่น 454 สุไหงโก-ลก-ยะลา ในพื้นที่ จ.ยะลาเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมาทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 คน

โดยกองกำลังเจ้าหน้าที่ใน จ.สงขลา ได้ออกลาดตระเวนเส้นทางรถไฟในพื้นที่เขตรอยต่อระหว่าง จ.สงขลากับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเน้นในพื้นที่เสี่ยงที่เป็นป่าทึบ และสะพาน ในขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งซึ่งประกอบด้วยตำรวจรถไฟ อส.ประจำอยู่บนขบวนรถไฟทุกขบวนทั้งขาขึ้นและขาล่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อดูแลความเรียบร้อย และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รถไฟและประชาชนและตลอดเส้นทางจะมีการติดต่อประสานงานกับกำลังเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทั้ง 4 จังหวัดที่รถไฟวิ่งผ่าน เพื่อรับทราบสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ภาคใต้การรถไฟแห่งประเทศไทย ยังคงยืนยันว่ารถไฟในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงให้บริการตามปกติทุกขบวนและจะไม่มีการหยุดวิ่งเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาว

ส่วนบรรยากาศการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลเข้าพรรษา ประชาชนใน จ.สงขลา และจังหวัดใกล้เคียงยังคงออกเดินทางอย่างต่อเนื่องส่งผลให้สถานีขนส่งเนืองแน่นไปด้วยผู้โดยสารทั้งสถานีรถไฟหาดใหญ่ และสถานีขนส่งหาดใหญ่ โดยในส่วนของสถานีรถไฟหาดใหญ่วันที่สองของการเดินทางมีการใช้บริการเต็มทุกขบวนทั้งขบวนรถทางไกลหาดใหญ่-กรุงเทพฯ และขบวนรถท้องถิ่นเส้นทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดภาคใต้ตอนบนโดยศูนย์ภาคใต้การรถไฟเผยยอดการจองตั๋วเดินทางเส้นทางสายใต้ประมาณ 4 แสนบาทต่อวันพร้อมกับได้มีการเสริมรถเต็มพิกัดการลากจูงทุกขบวนและตั๋วโดยสารรถไฟชั้น 1 ยังคงถูกจองเต็มไปจนถึงวันที่8 กรกฎาคม

เช่นเดียวกับที่สถานีขนส่งหาดใหญ่การเดินทางเส้นทางกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวในภาคใต้เช่นภูเก็ตเต็มทุกเที่ยว ซึ่งทางสถานีขนส่งหาดใหญ่ได้เตรียมรถเสริม เพื่อระบายผู้โดยสารไม่ให้ตกค้างตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับเตือนให้ประชาชนใช้บริการรถโดยสารของ บขส.หรือรถร่วมเท่านั้นหลีกเลี่ยงรถทัวร์ผีที่มาชักจูงอยู่ภายในสถานีขนส่งเพราะจะไม่ได้รับความสะดวกและไม่ปลอดภัยจากสภาพรถที่ไม่พร้อม
กำลังโหลดความคิดเห็น