xs
xsm
sm
md
lg

หุ่นกระบอก “ตะเลงพ่าย”

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

ประมาณ 60 ปีมาแล้ว ปู่ผมพาไปดูละครเวทีที่ศาลาเฉลิมไทย เรื่อง “ดรรชนีนาง” ผมชอบมากเพราะในเรื่องมีลิงเล่นด้วย หากจำไม่ผิดผู้ที่แสดงเป็นกัปตันเรือ คือ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร

ละครเวทีหายไปนานเพราะการเข้ามาของหนัง โรงหนังใหม่ๆ เช่น คิงส์ ควีน และแกรนด์ เป็นโรงหนังที่ทันสมัยที่สุด ราคาตั๋วแพงสุดก็ 20 บาท ถูกสุดแถวหน้า 7 บาท ใกล้ๆ โรงหนังมักจะมีร้านไอศกรีมอร่อยๆ ตามสูตรก็คือก่อนหรือหลังดูหนังก็ต้องไปกินไอศกรีมกัน

นอกจากละครเวทีแล้ว ทางกรมศิลปากรก็ยังจัดแสดงโขนอีกด้วย โรงเรียนพาผมไปดูละครพันทางเรื่อง อิเหนา ตอนประสันตาต่อนก มีฉากอลังการมาก

การดูโขนและละครเวทีนี้ มีความรู้สึกแตกต่างไปจากการดูหนัง เพราะผู้แสดงสดๆ ต้องมีการฝึกซ้อมเป็นอย่างดี รวมถึงการซ้อมใหญ่อย่างที่เรียกกันว่า Full Dress Rehearsal ด้วย

การเล่นที่หายไปอย่างหนึ่งก็คือ หุ่นกระบอก เมื่อผมยังเด็กอยู่มีหุ่นกระบอกหลายคณะที่มีชื่อมากก็คือ คณะนายเปียก ประเสริฐกุล หุ่นกระบอกมักแสดงในงานวัด เมื่องานวัดหายไป หุ่นกระบอกก็พลอยหายไปด้วย

ในฉาก “เตลงพ่าย” มีจระเข้ที่ทำเหมือนจริง และตอนพระนเรศวรทรงพระสุบินว่าสู้กับจระเข้ก็เป็นฉากที่น่าดูพอๆ กับฉากชนไก่

การซ้อมหุ่นกระบอกต้องใช้เวลานาน แต่ก็ยังไม่จบ ทั้งๆ ที่เริ่มแสดงเที่ยงครึ่ง มีพักสักสิบห้านาที แล้วแสดงต่อถึงห้าโมงเย็น ยังมีฉากยุทธหัตถีอีก แต่การทำช้างยังไม่เสร็จ เห็นว่าอีกสองปีจึงจะเสร็จ ดังนั้นกว่าจะจัดแสดงได้จริงก็คงอีกสามปี

จักรพันธุ์ ดีใจมากที่เพื่อนไปดู ถึงกับเอ่ยว่าเพื่อนๆ คบกันมาตั้งแต่ 6 ขวบ คบกันมาหกสิบปีแล้ว เพื่อนๆ เองก็ชมว่า จักรพันธุ์นี่เล่นอะไรอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ

ผมเคยเขียนเรื่องการเรียนผ่านการเล่น จักรพันธุ์เป็นตัวอย่างที่ดี จักรพันธุ์ชอบเล่น และเพลิดเพลินกับการเล่น การเล่นคือ การลงมือทำด้วยความสนุกสนาน การทำหุ่น และการแสดงต้องมีการค้นคว้าอย่างมาก การเรียนรู้ผ่านการเล่นจึงเป็นวิธีการเรียนที่ผู้เรียนได้ลงมือทำเอง และหาความรู้ด้วยตนเอง

หุ่นกระบอกของชาวบ้านไม่วิลิศมาหราเท่ากับหุ่นกระบอกชาววัง ซึ่งมีเครื่องประดับ และผ้าสวยงามมาก หุ่นกระบอกชาววังที่มีชื่อเสียงมากก็คือ หุ่นกระบอกวังหน้าในสมัยต้นรัตนโกสินทร์

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ผมกับเพื่อนๆ ได้ไปดูการซ้อมหุ่นกระบอกเรื่อง “เตลงพ่าย” ของจักรพันธุ์ โปษยกฤต ซึ่งซ้อมกันทุกอาทิตย์สิ้นเดือน มีคนไปดูประมาณร้อยกว่าคน จัดที่บ้านจักรพันธุ์เอง ก่อนแสดงมีอาหารหลายอย่าง รวมทั้งขนมนมเนยด้วย

หุ่นของจักรพันธุ์สวยงามมาก และสามารถเคลื่อนไหวได้ดี ขยับมือได้ ชักดาบได้ หุ่นเหล่านี้มีเครื่องประดับ และเสื้อผ้า อาวุธ ร่ม ที่งดงามมาก ไก่ชนก็เหมือนไก่ และการชนกัน ไก่จิกตีกันเหมือนจริง

ที่สำคัญก็คือ บทที่วัลลภิศ สุดประเสริฐ เป็นผู้แต่ง วัลลภิศใส่ภาษาพม่าเข้าไปด้วย เครื่องสายไทยที่เล่นมีการเพิ่มเติมกลอง และทรอมโบนเข้าไปด้วย วัลลภิศ เป็นผู้ตีกลองได้เร้าใจยิ่ง นอกจากนักดนตรีไทยแล้ว ก็ยังมีนักร้องชาย-หญิงสักสิบคนเห็นจะได้ร้องประชันกัน

ผู้เชิดหุ่นเป็นหนุ่ม-สาวส่วนใหญ่ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะคนหนุ่ม-สาวเหล่านี้จะเป็นผู้สืบสานการแสดงอันเก่าแก่ของไทยเรา

การแสดงหุ่นนี้ ใครๆ ก็ไปชมได้โดยโทรศัพท์ไปจองที่นั่งได้ที่ มูลนิธิจักรพันธุ์ ผมนั่งดูเพลินจนเวลาเกือบสี่ชั่วโมงผ่านไปเร็วมาก ปกติเวลาเพื่อนๆ ไปดูจักรพันธุ์จะให้แยกกันนั่ง เพราะกลัวจะคุยกัน แต่ครั้งนี้ให้นั่งรวมกัน พวกเราสามคนไม่ได้คุยกัน และไม่ได้หลับเลย

หุ่นกระบอกที่จักรพันธุ์ และคณะจัดทำขึ้นนี้ ย่อมเป็นมรดกสำคัญของชาติ มูลนิธิจักรพันธุ์ได้จัดสร้างพระพุทธรูปบูชาให้คนเช่าเพื่อหารายได้ด้วย ผมเองก็ได้จองไว้องค์หนึ่ง เป็นฝีมือปั้นของจักรพันธุ์เอง

วชิราวุธวิทยาลัยจะมีอายุครบ 100 ปี ในปี 2553 นี้ ในรอบร้อยปี คงไม่มีนักเรียนเก่าคนใดที่ได้สร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมไทยมากเท่าจักรพันธุ์ผู้นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น