xs
xsm
sm
md
lg

จีนขอฟื้นงานวัฒนธรรม 4ชาติ-ทำรูธทัวร์ร่วม เสนอใช้บอเดอร์พาส“ไทย-จีน”หนุนท่องเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าฯเชียงราย พร้อมคณะเข้าพบ นางเตา หลิง อิง ผู้ว่าการเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา
เชียงราย – เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เสนอผู้ว่าฯเชียงราย ฟื้นงานวัฒนธรรม 4 ชาติ – ทำรูธทัวร์ร่วม 4 ประเทศภาคีลุ่มน้ำโขงตอนบน พร้อมเปิดช่องนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยโดยใช้บอเดอร์พาสตด้ ยืนยันไชน่าแอร์ไลน์พร้อมบินลงเชียงราย

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้แถลงข่าวการนำคณะหัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตามถนน R3a ไทย-สปป.ลาว ไปยังเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ เป็นระยะเวลา 3 วันตั้งแต่วันที่ 23-25 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า ได้รับการต้อนรับจากนางเตา หลิง อิง ผู้ว่าการเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาเป็นอย่างดีส่วนการหารือเพื่อความร่วมมือกัน ก็พบว่า ผู้ว่าการฯสิบสองปันนา ได้เสนอมายังฝั่งไทย 3 เรื่องคือ

ผู้ว่าการฯสิบสองปันนา ได้ขอให้มีการรื้อฟื้นการจัดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มแม่น้ำโขง 4 ชาติ ไทย จีน สปป.ลาว และพม่าขึ้นมาใหม่เนื่องจากขาดหายไปนานหลายปี ซึ่งตนก็รับปากว่าจะรื้อฟื้นให้ได้ โดยในอดีตมีองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เป็นเจ้าภาพหลัก ต่อมาเป็นเทศบาลนครเชียงราย ดังนั้นจึงจะกลับมาหารือกันภายในจังหวัด เพื่อจัดงานขึ้นเดือน พฤศจิกายน –ธันวาคม นี้ นอกจากนี้ยังแจ้งฝ่ายจีนว่าราวเดือน มีนาคม-เมษายน 2553 จ.เชียงราย มีกำหนดจัดงานแสดงสินค้านานาชาติและเปิดบูทขายกว่า 700 ร้าน ซึ่งก็จะแบ่งให้แก่จีนตอนใต้โดยไม่คิดมูลค่าจำนวน 40 บูทด้วย

ในด้านการท่องเที่ยวทาง ผู้ว่าการฯสิบสองปันนา เสนอให้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวร่วมกัน 4 ประเทศคือไทย จีน สปป.ลาว และพม่า เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันโดยเฉพาะไทยกับจีน เนื่องจากในปัจจุบันมีการเปิดสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ จากเมืองคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลหยุนหนัน ไปยังเมืองเชียงรุ้งหรือจิ่งหงเมืองเอกของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาแล้ว รวมทั้งรัฐบาลกลางที่กรุงปักกิ่งก็อนุมัติให้สามารถเปิดสายการบินจากเมืองจิ่งหง มายังสนามบิน จ.เชียงราย ได้อีกด้วย ดังนั้นหากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกันก็จะช่วยสนับสนุนเส้นทางการบินดังกล่าว ขณะเดียวกันก็ขอให้ประเทศไทยผลักดันเส้นทางบินเชียงราย-จิ่งหง รวมทั้งพานักท่องเที่ยวไปยังประเทศจีนได้อีกด้วย

นายสุเมธ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ได้มีการหารือกับนางเตา หลิง อิง ด้วยว่ากรณีเส้นทางท่องเที่ยว(รูธทัวร์) 4 ชาตินั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องการเข้าออกเมือง โดยเฉพาะการที่คนจีนสามารถทำหนังสือเดินทางระหว่างประเทศหรือพาสปอร์ตได้ยากมาก ซึ่งทางการสิบสองปันนาก็เสนอว่าอาจจะใช้หนังสือผ่านแดนชั่วคราวหรือบอเดอร์พาส ซึ่งตนเสนอว่าเรื่องนี้อยู่เหนืออำนาจที่จะแจ้งให้ทราบได้ทันที จึงจะนำไปเสนอรัฐบาลไทยให้รับทราบเพื่อพิจารณาก่อน แต่เชื่อว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะใช้บอเดอร์พาสในระยะเวลาอันใกล้นี้ จึงเสนอให้จัดทำรูธทัวร์ร่วมกันและเขียนเป็นโปรแกรมทัวร์ไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ฯลฯ เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต้องการไปเยือน 4 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงอยู่แล้ว จากนั้นก็ร่วมกันใช้วีซ่าที่มีการขออนุญาตเพียงครั้งเดียวแต่ไปได้ทั้ง 4 ประเทศ หรือ Visa One Desk ไปก่อน
เขื่อนกั้นแม่น้ำโขงของจีน ที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว โดยจีนมีแผนที่จะสร้างเขื่อนอีก 24 แห่ง
ด้านการเกษตรนั้น ตนได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการจีนเข้าไปลงทุนด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพราะพบว่าจีนตอนใต้ประสบความสำเร็จด้านการแปรรูปการเกษตรมาก รวมทั้งมีการหารือด้านลอจิสติกส์ ซึ่งหมายถึงการนำสินค้าจากต้นทางไปถึงปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ปัจจุบันถนน R3a และ R3b ผ่านประเทศพม่าเชื่อมไทย-จีน หรือทางเรือในแม่น้ำโขงพัฒนาไปมาก แต่ก็ยังมีปัญหาด้านการขนส่งไปตลอดรายทางในทุกเส้นทาง โดยแม้แต่ถนน R3a ที่สะดวกที่สุดยังพบว่าต้องมีการเปลี่ยนรถกันหลายเที่ยวเมื่อเข้าเขตแดนของแต่ละประเทศ ดังนั้นควรใช้รูปแบบเดียวกับการท่องเที่ยวคือมีการขนส่งที่ไม่ต้องลำเลียงขึ้นลงบ่อยครั้งมากเกินไป

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากนี้คณะของผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ยังได้หารือกับสมาคมท่องเที่ยวของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ขณะที่ฝ่ายไทยได้นำภาคเอกชนนำโดยนายสมเกียรติ ชื่นธีรวงษ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย เดินทางร่วมด้วย ซึ่งก็พบว่าก่อนหน้านี้ภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือกันในการจัดทำรูธทัวร์ 4 ประเทศไปเรียบร้อยแล้ว และทางจีนตอนใต้ก็ได้เสนอรูธดังกล่าวให้ จ.เชียงราย ได้พิจารณาด้วย ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับรายละเอียดเล็กน้อย เช่น รูธทัวร์จะมีการปรับปรุงให้เพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงรายให้มากขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่น วัดพระธาตุเก้าจอม พระธาตุดอยตุง เป็นต้น

รายงานข่าวแจ้งต่อว่านอกจากการประชุมหารือดังกล่าวแล้ว ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และคณะได้ไปศึกษาดูงานที่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำของเขื่อนจิ่งหง ซึ่งเป็นเขื่อนแห่งที่ 3 ที่ประเทศจีนได้สร้างกั้นแม่น้ำโขงภายในเมืองจิ่งหงเหนือสะพานข้ามแม่น้ำโขงขึ้นไป นอกจากนี้ยังได้รับทราบจากคณะจีนพร้อมภาพประกอบอีกว่าปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงมากถึง 24 แห่ง โดยแห่งสุดท้ายจะอยู่ที่สุดเขตแดนจีน-สปป.ลาว และจีน-พม่า

ปัจจุบันประเทศจีนได้ก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงแล้วเสร็จไปแล้ว 2 จุด คือเขื่อนมานหวานและเขื่อนดาเซาชาน โดยเขื่อนมานหวานสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2539 มีความสูง 126 เมตร มีกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ เขื่อนดาเซาชาน ซึ่งมีความสูง 110 เมตร มีกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,350 เมกะวัตต์ ต่อมาต้นปี 2545 ประเทศจีนได้สร้างเขื่อนใหม่คือเขื่อนเซี่ยวหวานซึ่งออกแบบให้สูงถึง 292-300 เมตร สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 4,200 เม็กกะวัตต์ เขื่อนนัวซาดู ความสูง 254 เมตร กำลังผลิตกระแสไฟฟ้า 5,500 เมกะวัตต์ และสุดท้ายคือเขื่อนจิ่งหง สูง 118 เมตร กำลังผลิตกระแสไฟฟ้า 1,500 เมกะวัตต์ดังกล่าว ส่วนเขื่อนอื่นๆ ในอนาคตมีชื่อเรียกต่างกันไป เช่น เขื่อนกองกัวเคียว เขื่อนกันลันบา เขื่อนแมงซอง ฯลฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น