นายสุรพล ศรีตระกูล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า แอตต้ามีความกังวลกับเหตุความเคลื่อนไหวทางการเมือง ล่าสุดการนัดชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่มีขึ้นในวันนี้(27มิ.ย.52) จะทำให้ความพยายามที่จะฟื้นฟูการท่องเที่ยวให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติด้วยงบประมาณจำนวนมากคงจะสูญเปล่า และหากมีภาพความวุ่นวายเกิดขึ้นซ้ำอีกจะทำให้ช่วงปลายปีนี้ประเทศไทยคงหมดหวังที่จะเข้าสู่ฤดูไฮซีซั่นเหมือนทุกๆปี ทั้งที่เป็นช่วงเวลาที่ภาคเอกชนต่างรอคอย
“ วันนี้ทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยน่าจะฉวยโอกาสนี้ นำเสนอความคุ้มค่าเงินหากนักท่องเที่ยวเลือกที่จะมาประเทศไทย แต่เรากลับมีความวุ่นวายทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ที่ร้ายแรงที่สุด คือภาพของผู้นำแต่ละประเทศต้องบินกลับอย่างฉุกเฉิน จากการเข้าล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียที่พัทยาเมื่อเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยด้านความปลอดภัยหมดสิ้น ซึ่งหากการเมืองของประเทศยังไม่นิ่งแบบนี้ เชื่อว่า ประเทศไทยคงต้องอยู่แบบโลว์ซีซั่นแบบนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้าอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้แอตต้ามั่นใจว่าประเทศไทยเป็นเดสติเนชั่นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการเดินทางเข้ามา แต่เขาก็ต้องพิจารณาด้วยว่า มีความสงบเรียบร้อย เพียงพอที่เขาจะมาท่องเที่ยวหาความสุขหรือเปล่า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ยังไม่รู้จักประเทศไทยมากนักจะมีความกังวลสูง
ท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เป็นเงินตราเข้าประเทศได้จำนวนมาก จึงอยากขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือช่วยพลิกฟื้นวิกฤตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในครั้งนี้ มิฉะนั้นแล้ว เชื่อว่าถึงสิ้นปี อาจมีผู้ประกอบการต้องเลิกกิจการจำนวนมาก เพราะทนแบกรับภาระหนี้สินไมไหว ถึงตอนนั้นจะเกิดคนตกงานจำนวนมาก
ซึ่งขณะนี้มีหลายผู้ประกอบการใช้วิธีลดต้นทุน เช่น ลดวันทำงาน ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น บางรายถึงขั้นปรับองค์กรด้วยการปรับลดพนักงานไปบ้างแล้ว เพราะปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยเหลือเพียง 30% ของช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ความหวังนักท่องเที่ยวรวมทั้งปี ที่ททท.จะปรับลดลงมาเหลือ 12ล้านคนนั้นตอนนี้ยังริบหรี่ไม่เห็นความหวังที่จะไปถึงได้ โดยการเมืองจะเป็นตัวแปรสำคัญ ส่วนการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ 2009 และ วิกฤตเศรษฐกิจเป็นเรื่องปกติที่ทุกประเทศก็ได้รับผลกระทบจึงเป็นเรื่องธรรมดา
สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการมากที่สุด คือ เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่ขณะนี้ยังไม่มีสมาชิกของแอตต้าที่ยื่นกู้รายใดได้รับการติดต่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอีแบงก์)เลย ซึ่งตรงนี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้กู้ด้วย เพราะเป็นโครงการเงินกู้พิเศษที่ตั้งบนพื้นฐานสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
ส่วนเรื่องความไม่ต่อเนื่องของมาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า แทนที่จะต่อโครงการตั้งแต่ 4 มิ.ย.52ที่หมดเวลาในเฟสแรก แต่ต้องมาเกิดช่องว่างกว่า 14 วัน ที่เพิ่งต่ออายุโครงการได้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.52 ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเกิดความไม่พอใจ ซึ่งแอตต้าได้หารือกับคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว พบว่าไม่สามารถคืนเงินให้แก่นักท่องเที่ยวที่เสียค่าวีซ่าไปได้ จึงต้องการให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสที่เดินทางพบปะผู้นำจีน กล่าวขอโทษคนจีนทั้งประเทศ ซึ่งหากทำได้ เชื่อว่าชาวจีนและชาวเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จะให้อภัย และยินดีที่จะกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกอย่างแน่นอน
“ วันนี้ทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยน่าจะฉวยโอกาสนี้ นำเสนอความคุ้มค่าเงินหากนักท่องเที่ยวเลือกที่จะมาประเทศไทย แต่เรากลับมีความวุ่นวายทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ที่ร้ายแรงที่สุด คือภาพของผู้นำแต่ละประเทศต้องบินกลับอย่างฉุกเฉิน จากการเข้าล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียที่พัทยาเมื่อเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยด้านความปลอดภัยหมดสิ้น ซึ่งหากการเมืองของประเทศยังไม่นิ่งแบบนี้ เชื่อว่า ประเทศไทยคงต้องอยู่แบบโลว์ซีซั่นแบบนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้าอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้แอตต้ามั่นใจว่าประเทศไทยเป็นเดสติเนชั่นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการเดินทางเข้ามา แต่เขาก็ต้องพิจารณาด้วยว่า มีความสงบเรียบร้อย เพียงพอที่เขาจะมาท่องเที่ยวหาความสุขหรือเปล่า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ยังไม่รู้จักประเทศไทยมากนักจะมีความกังวลสูง
ท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เป็นเงินตราเข้าประเทศได้จำนวนมาก จึงอยากขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือช่วยพลิกฟื้นวิกฤตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในครั้งนี้ มิฉะนั้นแล้ว เชื่อว่าถึงสิ้นปี อาจมีผู้ประกอบการต้องเลิกกิจการจำนวนมาก เพราะทนแบกรับภาระหนี้สินไมไหว ถึงตอนนั้นจะเกิดคนตกงานจำนวนมาก
ซึ่งขณะนี้มีหลายผู้ประกอบการใช้วิธีลดต้นทุน เช่น ลดวันทำงาน ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น บางรายถึงขั้นปรับองค์กรด้วยการปรับลดพนักงานไปบ้างแล้ว เพราะปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยเหลือเพียง 30% ของช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ความหวังนักท่องเที่ยวรวมทั้งปี ที่ททท.จะปรับลดลงมาเหลือ 12ล้านคนนั้นตอนนี้ยังริบหรี่ไม่เห็นความหวังที่จะไปถึงได้ โดยการเมืองจะเป็นตัวแปรสำคัญ ส่วนการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ 2009 และ วิกฤตเศรษฐกิจเป็นเรื่องปกติที่ทุกประเทศก็ได้รับผลกระทบจึงเป็นเรื่องธรรมดา
สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการมากที่สุด คือ เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่ขณะนี้ยังไม่มีสมาชิกของแอตต้าที่ยื่นกู้รายใดได้รับการติดต่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอีแบงก์)เลย ซึ่งตรงนี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้กู้ด้วย เพราะเป็นโครงการเงินกู้พิเศษที่ตั้งบนพื้นฐานสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
ส่วนเรื่องความไม่ต่อเนื่องของมาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า แทนที่จะต่อโครงการตั้งแต่ 4 มิ.ย.52ที่หมดเวลาในเฟสแรก แต่ต้องมาเกิดช่องว่างกว่า 14 วัน ที่เพิ่งต่ออายุโครงการได้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.52 ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเกิดความไม่พอใจ ซึ่งแอตต้าได้หารือกับคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว พบว่าไม่สามารถคืนเงินให้แก่นักท่องเที่ยวที่เสียค่าวีซ่าไปได้ จึงต้องการให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสที่เดินทางพบปะผู้นำจีน กล่าวขอโทษคนจีนทั้งประเทศ ซึ่งหากทำได้ เชื่อว่าชาวจีนและชาวเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จะให้อภัย และยินดีที่จะกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกอย่างแน่นอน