ธุรกิจทัวร์จีนเดือด ที.ซี.ที.เอ.ร่อนหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ใช้โอกาสเยือนจีน เป็นเวทีจี้รัฐบาลจีนปลดล็อกยกเลิกประกาศ “ทราเวล วอร์นนิ่ง” หลัง 5 เดือนแรกตลาดนักเที่ยวจีนทรุดวูบแล้วกว่า 50% คาดสิ้นปีทำได้แค่ 6 แสนคน จากเป้าเดิม 1.2 ล้านคน “วีระชัย” ยอมรับจีนเครียดการเมืองไทยไม่สงบ สั่งห้ามคณะทัวร์ท่องเที่ยวไทย
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทยจีน (ที.ซี.ที.เอ) เปิดเผยว่า สมาคมฯจะส่งหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ใช้โอกาสที่คณะผู้นำของประเทศไทยจะเดินทางไปพบปะกับนายหูจิ่นเทา ประธานาธิบดีของประเทศสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ในวันที่ 24 มิถุนายนศกนี้ ขอให้รัฐบาลจีนยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยว(ทราเวล วอร์นนิ่ง) เพื่อให้ชาวจีนสามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้ตามปกติ โดยขอให้รัฐบาลจีนเห็นใจประเทศไทย และสายสัมพันธ์ทีมีต่อกันมายาวนาน ประกอบกับชี้แจงให้รัฐบาลจีนเข้าใจได้ว่าประเทศไทยขณะนี้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติแล้ว
ทั้งนี้ หากรัฐบาลจีนยกเลิกประกาศ ทราเวล วอร์นนิ่ง เชื่อว่าจะทำให้จำนวนนัก่ทองเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยช่วงเดือนกรกฎาคมนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน หรือมียอดจองล่วงหน้าเป็น 30-40% จากปัจจุบันมียอดจองล่วงหน้าต่ำกว่า 10% คิดเป็นจำนวนราว 2-3 พันคนต่อเดือน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 90% ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 5 เดือนแรก(ม.ค.-20 พ.ค.) ทีเดินทางมาประเทศไทยยังไม่ถึง 200,000 คน ลดจากช่วงเดียวกันของปีก่อน กว่า 50%
นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า ความจริงไทยยังเป็นเดสติเนชั่นที่ชาวจีนต้องการเดินทางมาเที่ยว แต่ขณะนี้มี 2 ปัจจัยลบที่ทำให้ตลาดชะลอตัว กล่าวคือ 1.คำประกาศเตือน (ทราเวล วอร์นนิ่ง) ของรัฐบาลจีน ทำให้บริษัทนำเที่ยวของจีนไม่กล้าที่จะขายโรงแรมและสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทย และ 2. การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายสัมพันธ์ใหม่ 2009 ทำให้ชาวจีนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกชะลอที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ โดยหันมาเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของตัวเองกันมากขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับประเทศจีนไดรับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจไม่มาก จึงทำให้กำลังซื้อยังมีอยู่มาก แต่เมื่อมีการห้ามของรัฐบาล ประชาชนเขาก็จะเชื่อฟัง
ออย่างไรก็ตามจีนถือเป็นตลาดสำคัญ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยต่อปี ติด 1 ใน 5 ของจำนวนที่สูงที่สุด หากปล่อยให้สถานการณ์มีแต่ทรงกับทรุดเช่นนี้ เชื่อว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจและรายได้ของประเทศแน่นอน ซึ่งขณะนี้บริษัทนำเที่ยวที่ทำทัวร์จากประเทศจีนก็เริ่มปิดกิจการลงบ้างแล้วกว่า 10 บริษัท บ้าง ก็ลดวันทำงาน ยังไม่นับโรงแรมในประเทศไทยที่เริ่มมีประกาศขายกิจการบ้างแล้ว สายการบินจากประเทศจีนก็เริ่มลดเที่ยวบินลงเกือบ 50% เช่นการบินไทยลดจาก 2 เที่ยวบินมาเหลือ 1 เที่ยวบินต่อวัน ดังนั้นหากให้ประเมินนักท่องเที่ยวทั้งหมดปี 2552 คาดว่าจะได้เพียง 10 ล้านคน ต่ำกว่าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะได้ 14 ล้านคน ส่วนรายได้ คงเหลือเพียง 3 แสนล้านบาท หากเป้าหมายที่ตั้งว้กว่า 5 แสนล้านบาท สำหรับตลาดจีน ปีนี้เชื่อว่าทำได้อย่างดีที่สุดก็เพียง 6 แสนคน รายได้ 2.1 หมื่นล้านบาท ลดลงกว่า 50% จากที่ตั้งเป้าว่าตลาดจีนจะได้กว่า 1.2 ล้านคน
*** 5 เดือนวูบเฉียด 3 แสนคน**
ทางด้านนายสุรพล ศรตระกูล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้( 1 ม.ค. – 20 พ.ค.52) เฉพาะที่ผ่านสมาชิกของแอตต้ามีทั้งสิ้นรวม 667,851 คน ลดลงจากปีก่อน 291,068 คน หรือลดลง 32.5% โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวที่เดนทางเข้ามาสูงสุดดังกล่าว ได้แก่ จีน 101,975 คน ลดลง 29.59% ,ญี่ปุ่น 67,701 คน ลดลง 46.87% รัสเซีย 55,392 คน ลดลง 23.54% อินเดีย 46,788 คน ลดลง 4.47% และเกาหลี 42,714 คน ลดลง41.52%
**จีนไม่ไว้ใจสถานการณ์ในไทย
นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลการท่องเที่ยวจีน กล่าวถึงกรณีที่จีนยังไม่ยกเลิกเตือนประชาชนชาวจีนห้ามเดินทางมาท่องเที่ยวไทย ว่า ยอมรับว่า ทางจีนยังไม่ไว้ใจในสถานการณ์ทางการเมืองของบ้านเรา ซึ่งเขาห่วงว่าจะมีผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ เราได้เคยยืนยันกับเขาว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการชุมนุมแต่การชุมนุมไม่เคยมีผลกระทบถึงขั้นให้นักท่องเที่ยวต้องบาดเจ็บล้มตาย เพราะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย
นายวีระชัย กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมเลิกปดสนามบินสุวรรณภูมิ ทางจีนได้ยกเลิกประกาศเตือนไปแล้ว ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยก็เดินทางมาเที่ยวตามปกติๆและดีขึ้นเรื่อยๆ โดยต้นเดือนก.พ. ตัวเลขถือว่าอยู่ในขั้นดี เดือนมี.ค. ดีมาก แต่เมื่อเกิดเหตุเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ประเด็นสำคัญคือนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของจีนถูกล้อมที่โรงแรมที่พักระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ตรงนี้มีผลกระทบมากทำให้ทางการจีนต้องประกาศเตือนภัยจนกระทั่งมาถึงวันนี้
นายวีระชัยกล่าวว่า สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาของไทย นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กำลังพยายามที่จะต่อสายกับนายกรัฐมนตรีของจีน เพื่อเดินทางเข้าพบและหารือชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ในช่วงเดือนพ.ค. นี้นายชุมพล ได้ให้ตนเดินทางไปเจรจากับจีน และตนก็ได้คุยกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวของจีน และได้เดินทางไปยังมณฑลกวางตุ้ง และเซี่ยงไฮ้ ทั้งนี้ที่มลฑลกวางตุ้งถือเป็นเมืองอันดับหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวไทย และเมืองเซี่ยงไฮ้เป็นอันดับ 2 และ 3 สลับกัน ที่มณฑลเซี่ยงไฮ้ตนได้พบว่ากับผู้ว่าการท่องเที่ยวฯ ส่วนมณฑลกวางตุ้งได้พบกับรองผู้ว่าฯการท่องเที่ยว เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น
“เวลานี้สถานการณ์นักท่องเที่ยวของจีนที่มาไทยยอมรับว่ามีการยกเลิกทัวร์กว่า 50 % เพราะการประกาศเตือนภัยของจีนครั้งนี้ถือว่ารุนแรง แต่จากการที่ตนไปพูดคุยในความรู้สึกคิดว่าน่าจะดีขึ้นเปรียบคล้ายกับใบเหลืองแก่เป็นใบเหลืองอ่อน คือ ก่อนหน้านี้ทางการจีนได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ของเขาไปยืนดักที่สนามบินหากพบว่า คนของเขาจะเดินทางมาท่องเที่ยวไทย เขาจะล็อกตัวห้ามไม่ให้มาทันที ยกเว้นแต่การเดินทางมาเยี่ยมญาติหรือมาเที่ยวเพียงลำพัง แต่ถ้าเป็นคณะทัวร์ถือว่าหมดสิทธิ ล่าสุดพบว่าทางการจีนไม่มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมผู้เดินทางออกนอกประเทศเช่นนั้นแล้ว แต่ก็ยอมรับยังไม่ปกติ เพราะจีนยังไม่ยกเลิกประกาศ” นายวีระชัยกล่าว
นายวีระชัย กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องทำต่อไปคือ ต้องทำให้สถานการณ์บ้านเมืองของเรากลับคืนสู่ภาวะปกติให้ได้ และในระหว่างนี้รัฐบาลพยายามส่งคนไปเจรจา ปลายเดือนมิ.ย. นายกฯจะเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ วาระสำคัญที่จะเจรจาเน้นเรื่องการท่องเที่ยว เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อครั้งที่ตนเดินทางไปเจรจา ยอมรับกับทางจีนว่า ทางไทยยังมีการชุมนุมอยู่บ้าง เป็นจุดๆ แต่ไม่เหมือนการชุมนุมใหญ่ในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ที่สำคัญคนไทยไม่ต้องการเห็นความวุ่นวาย สิ่งที่เห็นในโทรทัศน์ไม่ได้เกิดขึ้นในกรุงเทพเท่านั้น
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทยจีน (ที.ซี.ที.เอ) เปิดเผยว่า สมาคมฯจะส่งหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ใช้โอกาสที่คณะผู้นำของประเทศไทยจะเดินทางไปพบปะกับนายหูจิ่นเทา ประธานาธิบดีของประเทศสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ในวันที่ 24 มิถุนายนศกนี้ ขอให้รัฐบาลจีนยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยว(ทราเวล วอร์นนิ่ง) เพื่อให้ชาวจีนสามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้ตามปกติ โดยขอให้รัฐบาลจีนเห็นใจประเทศไทย และสายสัมพันธ์ทีมีต่อกันมายาวนาน ประกอบกับชี้แจงให้รัฐบาลจีนเข้าใจได้ว่าประเทศไทยขณะนี้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติแล้ว
ทั้งนี้ หากรัฐบาลจีนยกเลิกประกาศ ทราเวล วอร์นนิ่ง เชื่อว่าจะทำให้จำนวนนัก่ทองเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยช่วงเดือนกรกฎาคมนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน หรือมียอดจองล่วงหน้าเป็น 30-40% จากปัจจุบันมียอดจองล่วงหน้าต่ำกว่า 10% คิดเป็นจำนวนราว 2-3 พันคนต่อเดือน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 90% ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 5 เดือนแรก(ม.ค.-20 พ.ค.) ทีเดินทางมาประเทศไทยยังไม่ถึง 200,000 คน ลดจากช่วงเดียวกันของปีก่อน กว่า 50%
นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า ความจริงไทยยังเป็นเดสติเนชั่นที่ชาวจีนต้องการเดินทางมาเที่ยว แต่ขณะนี้มี 2 ปัจจัยลบที่ทำให้ตลาดชะลอตัว กล่าวคือ 1.คำประกาศเตือน (ทราเวล วอร์นนิ่ง) ของรัฐบาลจีน ทำให้บริษัทนำเที่ยวของจีนไม่กล้าที่จะขายโรงแรมและสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทย และ 2. การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายสัมพันธ์ใหม่ 2009 ทำให้ชาวจีนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกชะลอที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ โดยหันมาเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของตัวเองกันมากขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับประเทศจีนไดรับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจไม่มาก จึงทำให้กำลังซื้อยังมีอยู่มาก แต่เมื่อมีการห้ามของรัฐบาล ประชาชนเขาก็จะเชื่อฟัง
ออย่างไรก็ตามจีนถือเป็นตลาดสำคัญ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยต่อปี ติด 1 ใน 5 ของจำนวนที่สูงที่สุด หากปล่อยให้สถานการณ์มีแต่ทรงกับทรุดเช่นนี้ เชื่อว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจและรายได้ของประเทศแน่นอน ซึ่งขณะนี้บริษัทนำเที่ยวที่ทำทัวร์จากประเทศจีนก็เริ่มปิดกิจการลงบ้างแล้วกว่า 10 บริษัท บ้าง ก็ลดวันทำงาน ยังไม่นับโรงแรมในประเทศไทยที่เริ่มมีประกาศขายกิจการบ้างแล้ว สายการบินจากประเทศจีนก็เริ่มลดเที่ยวบินลงเกือบ 50% เช่นการบินไทยลดจาก 2 เที่ยวบินมาเหลือ 1 เที่ยวบินต่อวัน ดังนั้นหากให้ประเมินนักท่องเที่ยวทั้งหมดปี 2552 คาดว่าจะได้เพียง 10 ล้านคน ต่ำกว่าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะได้ 14 ล้านคน ส่วนรายได้ คงเหลือเพียง 3 แสนล้านบาท หากเป้าหมายที่ตั้งว้กว่า 5 แสนล้านบาท สำหรับตลาดจีน ปีนี้เชื่อว่าทำได้อย่างดีที่สุดก็เพียง 6 แสนคน รายได้ 2.1 หมื่นล้านบาท ลดลงกว่า 50% จากที่ตั้งเป้าว่าตลาดจีนจะได้กว่า 1.2 ล้านคน
*** 5 เดือนวูบเฉียด 3 แสนคน**
ทางด้านนายสุรพล ศรตระกูล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้( 1 ม.ค. – 20 พ.ค.52) เฉพาะที่ผ่านสมาชิกของแอตต้ามีทั้งสิ้นรวม 667,851 คน ลดลงจากปีก่อน 291,068 คน หรือลดลง 32.5% โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวที่เดนทางเข้ามาสูงสุดดังกล่าว ได้แก่ จีน 101,975 คน ลดลง 29.59% ,ญี่ปุ่น 67,701 คน ลดลง 46.87% รัสเซีย 55,392 คน ลดลง 23.54% อินเดีย 46,788 คน ลดลง 4.47% และเกาหลี 42,714 คน ลดลง41.52%
**จีนไม่ไว้ใจสถานการณ์ในไทย
นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลการท่องเที่ยวจีน กล่าวถึงกรณีที่จีนยังไม่ยกเลิกเตือนประชาชนชาวจีนห้ามเดินทางมาท่องเที่ยวไทย ว่า ยอมรับว่า ทางจีนยังไม่ไว้ใจในสถานการณ์ทางการเมืองของบ้านเรา ซึ่งเขาห่วงว่าจะมีผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ เราได้เคยยืนยันกับเขาว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการชุมนุมแต่การชุมนุมไม่เคยมีผลกระทบถึงขั้นให้นักท่องเที่ยวต้องบาดเจ็บล้มตาย เพราะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย
นายวีระชัย กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมเลิกปดสนามบินสุวรรณภูมิ ทางจีนได้ยกเลิกประกาศเตือนไปแล้ว ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยก็เดินทางมาเที่ยวตามปกติๆและดีขึ้นเรื่อยๆ โดยต้นเดือนก.พ. ตัวเลขถือว่าอยู่ในขั้นดี เดือนมี.ค. ดีมาก แต่เมื่อเกิดเหตุเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ประเด็นสำคัญคือนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของจีนถูกล้อมที่โรงแรมที่พักระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ตรงนี้มีผลกระทบมากทำให้ทางการจีนต้องประกาศเตือนภัยจนกระทั่งมาถึงวันนี้
นายวีระชัยกล่าวว่า สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาของไทย นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กำลังพยายามที่จะต่อสายกับนายกรัฐมนตรีของจีน เพื่อเดินทางเข้าพบและหารือชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ในช่วงเดือนพ.ค. นี้นายชุมพล ได้ให้ตนเดินทางไปเจรจากับจีน และตนก็ได้คุยกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวของจีน และได้เดินทางไปยังมณฑลกวางตุ้ง และเซี่ยงไฮ้ ทั้งนี้ที่มลฑลกวางตุ้งถือเป็นเมืองอันดับหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวไทย และเมืองเซี่ยงไฮ้เป็นอันดับ 2 และ 3 สลับกัน ที่มณฑลเซี่ยงไฮ้ตนได้พบว่ากับผู้ว่าการท่องเที่ยวฯ ส่วนมณฑลกวางตุ้งได้พบกับรองผู้ว่าฯการท่องเที่ยว เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น
“เวลานี้สถานการณ์นักท่องเที่ยวของจีนที่มาไทยยอมรับว่ามีการยกเลิกทัวร์กว่า 50 % เพราะการประกาศเตือนภัยของจีนครั้งนี้ถือว่ารุนแรง แต่จากการที่ตนไปพูดคุยในความรู้สึกคิดว่าน่าจะดีขึ้นเปรียบคล้ายกับใบเหลืองแก่เป็นใบเหลืองอ่อน คือ ก่อนหน้านี้ทางการจีนได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ของเขาไปยืนดักที่สนามบินหากพบว่า คนของเขาจะเดินทางมาท่องเที่ยวไทย เขาจะล็อกตัวห้ามไม่ให้มาทันที ยกเว้นแต่การเดินทางมาเยี่ยมญาติหรือมาเที่ยวเพียงลำพัง แต่ถ้าเป็นคณะทัวร์ถือว่าหมดสิทธิ ล่าสุดพบว่าทางการจีนไม่มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมผู้เดินทางออกนอกประเทศเช่นนั้นแล้ว แต่ก็ยอมรับยังไม่ปกติ เพราะจีนยังไม่ยกเลิกประกาศ” นายวีระชัยกล่าว
นายวีระชัย กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องทำต่อไปคือ ต้องทำให้สถานการณ์บ้านเมืองของเรากลับคืนสู่ภาวะปกติให้ได้ และในระหว่างนี้รัฐบาลพยายามส่งคนไปเจรจา ปลายเดือนมิ.ย. นายกฯจะเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ วาระสำคัญที่จะเจรจาเน้นเรื่องการท่องเที่ยว เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อครั้งที่ตนเดินทางไปเจรจา ยอมรับกับทางจีนว่า ทางไทยยังมีการชุมนุมอยู่บ้าง เป็นจุดๆ แต่ไม่เหมือนการชุมนุมใหญ่ในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ที่สำคัญคนไทยไม่ต้องการเห็นความวุ่นวาย สิ่งที่เห็นในโทรทัศน์ไม่ได้เกิดขึ้นในกรุงเทพเท่านั้น