ASTVผู้จัดการรายวัน – "เซ็นทรัลพัฒนา" ทุ่มงบ 17,000 ล้านบาท ลงทุนต่อเนื่องปี 2552-2553 รีโนเวตครั้งใหญ่ สาขาลาดพร้าวและปิ่นเกล้า พร้อมขยายตลาดสู่ภูมิภาค หลังเทกโอเวอร์ศูนย์การค้าของกลุ่มอุดรเจริญศรีเรียบร้อย ลุยเพิ่มพื้นที่เป็น 2 แสนตร.ม. ส่วนที่เชียงใหม่มั่นใจไม่ซ้ำซ้อนกับสาขาแรกที่แอร์พอร์ทพลาซ่า
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าวว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของไทยในขณะนี้ ด้านการเมืองเริ่มนิ่งและอยู่ตัวมากขึ้นแล้ว ส่วนภาวะเศรษฐกิจก็น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากที่พ.ร.ก.เงินกู้ 400,000 ล้านบาท ผ่านสภาไปแล้ว ซึ่งในระยะยาวเศรษฐกิจไทยก็ยังแข็แกร่งอยู่
ทั้งนี้บริษัทฯยังคงมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังคงยืนยันตามเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ว่า ภายในปี 2553 จะมีสาขาไม่ต่ำกว่า 18 แห่ง จากขณะนี้มีแล้ว 16 แห่ง รวมทั้ที่อุดรธานีและเชียงใหม่ด้วย ส่วนโครงการใหม่ที่เหลือนั้นยังอยู่ระหว่างเตรียมการยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการ เช่น พระรามเก้า พระรามสี่ เป็นต้น โดยในช่วงไตรมาสแรกปี 2552 บริษัทฯมีรายได้รวม 2,700 ล้านบาท เติบโต 23%
ขณะที่แผนการลงทุนในต่างประเทศนั้น ที่ผ่านมาก็มีการศึกษาบ้างเช่นกัน รวมทั้งได้รับการติดต่อจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศเชิญชวนให้เข้าไปลงทุนด้วยหลายราย ซึ่งประเทศที่น่าสนใจเช่น เวียดนามและจีน แต่เนื่องจากยังมีโครงการใหญ่ๆในไทยมากจึงยังไม่พร้อมจะไปลงทุนต่างประเทศในเวลานี้
สำหรับแผนการลงทุนในประเทศไทย ในปีนี้และปีหน้ามีแผนใช้งบประมาณมากกว่า 17,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่คือ เซ็นทรัลพลาซ่าอุดรธานีและเซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่ รวมทั้งการรีโนเวตครั้งใหญ่ของ 2 สาขา คือ เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าวและเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า
นายกอบชัยกล่าวว่า ที่อุดรธานี จะใช้งบรวม 5,300 ล้านบาท รีโนเวตและสร้างใหม่เพิ่มเติมภายหลังจากที่บริษัทฯได้เทคโอเวอร์ศูนย์การค้าและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์และโรงแรมมาจาก กลุ่มอุดรเจริญศรีก่อนหน้านี้ โดยจะพัฒนาให้เป็น ไลฟ์สไตล์ฮับและเกตุเวย์สู่อินโดจีน บนพื้นที่ 54 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่โครงการ 200,000 ตารางเมตร เป็นการเพิ่มพื้นที่ขึ้นเท่าตัวจากเดิมมีเพียง 100,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดบริการเต็มรูปแบบไตรมาสที่สี่ ปี 2554
“ที่อุดรธานีเป็นหัวเมืองใหญ่เป็นประตูเชื่อมสู่อินโดจีน มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อครัวเรือน 17,273 บาท มีจำนวนครัวเรือนมากกว่า 413,693 ครัวเรือน ซึ่งเรามองไปถึงลูกค้าและกำลังซื้อของกลุ่มประเทศอินโดจีนด้วย”
ส่วนโครงการที่เชียงใหม่ จะเป็นสาขาที่ 2 ในเชียงใหม่ของบริษัทฯ ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท พื้นที่ 70 ไร่ พื้นที่โครงการ 250,000 ตร.ม. จะพัฒนาให้เป็นไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ที่ครบวงจรที่สุดในเชียงใหม่ และเป็นฮับของภาคเหนือ ตอบสนองประชากรมากกว่า 2.5 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ย 12,586 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน และมีนักท่องเที่ยวกว่า 5.7 ล้านคนในปี 2553 คาดว่าจะเปิดบริการปลายปี 2554
สาขาที่สองนี้มีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างจากสาขาแรกที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ทพลาซ่า อีกทั้งเป็นศูนย์การค้าคนละคอนเซ็ปท์กัน
ขณะที่แผนปรับปรุงสาขาเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวม 2,500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าเดิมที่ซีพีเอ็นเคยนำเสนอให้กับ การรถไฟแห่งประเทศทไทย เจ้าองสัมปทานพื้นที่ว่าจะต้องใช้งบปรับปรุงไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งมากขึ้นถึง 1,100 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาสาขาลาดพร้าวเป็นประตูสู่กรุงเทพตอนเหนือ และปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้เป็น Transformation of the Legend หลังจากที่เปิดมานาน 30 ปี
สาขานี้มีพื้นที่ 47 ไร่ พื้นที่โครงการ 3 แสนตร.ม. คาดว่าจะเปิดบริการได้เต็มรูปแบบ กลางปี 2554 โดยจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่หมด และจะมีแฟชั่นอินเตอร์แบรนดเข้ามาเพิ่มขึ้นเช่น ZARA Topshop Gap XXI Forever
ส่วนสาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้านั้นเปิดมาประมาณ 15 ปี แล้ว คาดว่าจะใช้งบ 500 ล้านบาท ปรับครั้งใหญ่ บนที่ดิน 30 ไร่ พื้นที่โครงการ 336,000 ตารางเมตร คาดเสร็จไตรมาสสี่ปี 2553
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าวว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของไทยในขณะนี้ ด้านการเมืองเริ่มนิ่งและอยู่ตัวมากขึ้นแล้ว ส่วนภาวะเศรษฐกิจก็น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากที่พ.ร.ก.เงินกู้ 400,000 ล้านบาท ผ่านสภาไปแล้ว ซึ่งในระยะยาวเศรษฐกิจไทยก็ยังแข็แกร่งอยู่
ทั้งนี้บริษัทฯยังคงมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังคงยืนยันตามเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ว่า ภายในปี 2553 จะมีสาขาไม่ต่ำกว่า 18 แห่ง จากขณะนี้มีแล้ว 16 แห่ง รวมทั้ที่อุดรธานีและเชียงใหม่ด้วย ส่วนโครงการใหม่ที่เหลือนั้นยังอยู่ระหว่างเตรียมการยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการ เช่น พระรามเก้า พระรามสี่ เป็นต้น โดยในช่วงไตรมาสแรกปี 2552 บริษัทฯมีรายได้รวม 2,700 ล้านบาท เติบโต 23%
ขณะที่แผนการลงทุนในต่างประเทศนั้น ที่ผ่านมาก็มีการศึกษาบ้างเช่นกัน รวมทั้งได้รับการติดต่อจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศเชิญชวนให้เข้าไปลงทุนด้วยหลายราย ซึ่งประเทศที่น่าสนใจเช่น เวียดนามและจีน แต่เนื่องจากยังมีโครงการใหญ่ๆในไทยมากจึงยังไม่พร้อมจะไปลงทุนต่างประเทศในเวลานี้
สำหรับแผนการลงทุนในประเทศไทย ในปีนี้และปีหน้ามีแผนใช้งบประมาณมากกว่า 17,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่คือ เซ็นทรัลพลาซ่าอุดรธานีและเซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่ รวมทั้งการรีโนเวตครั้งใหญ่ของ 2 สาขา คือ เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าวและเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า
นายกอบชัยกล่าวว่า ที่อุดรธานี จะใช้งบรวม 5,300 ล้านบาท รีโนเวตและสร้างใหม่เพิ่มเติมภายหลังจากที่บริษัทฯได้เทคโอเวอร์ศูนย์การค้าและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์และโรงแรมมาจาก กลุ่มอุดรเจริญศรีก่อนหน้านี้ โดยจะพัฒนาให้เป็น ไลฟ์สไตล์ฮับและเกตุเวย์สู่อินโดจีน บนพื้นที่ 54 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่โครงการ 200,000 ตารางเมตร เป็นการเพิ่มพื้นที่ขึ้นเท่าตัวจากเดิมมีเพียง 100,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดบริการเต็มรูปแบบไตรมาสที่สี่ ปี 2554
“ที่อุดรธานีเป็นหัวเมืองใหญ่เป็นประตูเชื่อมสู่อินโดจีน มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อครัวเรือน 17,273 บาท มีจำนวนครัวเรือนมากกว่า 413,693 ครัวเรือน ซึ่งเรามองไปถึงลูกค้าและกำลังซื้อของกลุ่มประเทศอินโดจีนด้วย”
ส่วนโครงการที่เชียงใหม่ จะเป็นสาขาที่ 2 ในเชียงใหม่ของบริษัทฯ ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท พื้นที่ 70 ไร่ พื้นที่โครงการ 250,000 ตร.ม. จะพัฒนาให้เป็นไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ที่ครบวงจรที่สุดในเชียงใหม่ และเป็นฮับของภาคเหนือ ตอบสนองประชากรมากกว่า 2.5 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ย 12,586 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน และมีนักท่องเที่ยวกว่า 5.7 ล้านคนในปี 2553 คาดว่าจะเปิดบริการปลายปี 2554
สาขาที่สองนี้มีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างจากสาขาแรกที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ทพลาซ่า อีกทั้งเป็นศูนย์การค้าคนละคอนเซ็ปท์กัน
ขณะที่แผนปรับปรุงสาขาเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวม 2,500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าเดิมที่ซีพีเอ็นเคยนำเสนอให้กับ การรถไฟแห่งประเทศทไทย เจ้าองสัมปทานพื้นที่ว่าจะต้องใช้งบปรับปรุงไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งมากขึ้นถึง 1,100 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาสาขาลาดพร้าวเป็นประตูสู่กรุงเทพตอนเหนือ และปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้เป็น Transformation of the Legend หลังจากที่เปิดมานาน 30 ปี
สาขานี้มีพื้นที่ 47 ไร่ พื้นที่โครงการ 3 แสนตร.ม. คาดว่าจะเปิดบริการได้เต็มรูปแบบ กลางปี 2554 โดยจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่หมด และจะมีแฟชั่นอินเตอร์แบรนดเข้ามาเพิ่มขึ้นเช่น ZARA Topshop Gap XXI Forever
ส่วนสาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้านั้นเปิดมาประมาณ 15 ปี แล้ว คาดว่าจะใช้งบ 500 ล้านบาท ปรับครั้งใหญ่ บนที่ดิน 30 ไร่ พื้นที่โครงการ 336,000 ตารางเมตร คาดเสร็จไตรมาสสี่ปี 2553