นายฮิโรทากะ มุราคามิ ซีอีโอของกลุ่มพานาโซนิคในประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มจอภาพแบบจอแบน ทั้งในส่วนของแอลซีดีทีวี และพลาสม่าทีวี ว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกราว 238% หรือเกือบ3 เท่าเทียบกับปีก่อน คิดเป็นจำนวนที่ 1 แสนยูนิต แบ่งเป็น พลาสม่าทีวีที่ 36,000 เครื่อง และอีก 64,000เครื่องเป็น แอลซีดีทีวี โดยสัดส่วนรายได้จากกลุ่มจอภาพนี้ อยู่ที่ 25% ของรายได้รวมบริษัท
ทั้งนี้ ในส่วนของกลยุทธ์ทางการตลาด จะเน้นในเรื่องของการออกสินค้าใหม่ที่หลากหลาย ล่าสุด เปิดตัว พลาสม่าทีวี จำนวน 9 รุ่น และ แอลซีดี ทีวี จำนวน 6 รุ่น และเรื่องของกิจกรรมทางการตลาด และภายใต้งบ 10% ของเป้ายอดขาย ซึ่งปีนี้จะเน้นบิโลว์เดอะไลน์ มากกว่าอะโบพเดอะไลน์ มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของพลาสม่าทีวี จากเดิมอยู่ที่ 25% เพิ่มเป็น 48%ในสิ้นปี พร้อมขึ้นเป็นผู้นำแทนซัมซุง ส่วนแอลซีดีทีวี จากเดิมมีแชร์ที่ 5% สิ้นปีคาดขยับเพิ่มเป็น 10% เช่นเดียวกัน
นายอิโรทากะ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ครึ่งปีหลังเชื่อว่า จะดีขึ้น อีกทั้งยังจะมีอีเว้นท์ใหญ่เกิดขึ้น เช่น เวิล์ดคัพ ที่จะมีขึ้นกลางปี 2553 ดังนั้นช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทางบริษัทมีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับการแข่งขันครั้งนี้ด้วย แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดถึงรูปแบบแคมเปญ และเม็ดเงินที่จะนำมาใช้ แต่เชื่อว่าน่าจะมียอดขายที่สูงมาก ถึง 20%
นอกจากนี้พานาโซนิค ยังได้เดินหน้าลงทุนเพิ่มโรงงานฐานการผลิตจอภาพพลาสม่าทีวี และแอลซีดีทีวี ที่โอซาก้าประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเป็นโรงงานแห่งที่ 5ด้วย เนื่องจากต้องการผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด รวมถึงส่วนหนึ่งเพื่อรองรับความต้องการในช่วงฟุตบอลโลกด้วย โดยในระยะอันใกล้นี้ จะเริ่มรันกำลังการผลิตได้
อย่างไรก็ตามทางพานาโซนิค ยังมีแผนพิจารณาผลิตภัณฑ์ ในส่วนของแอลอีดีทีวี และ ทีวี 3 มิติด้วย ว่าจะวางจำหน่ายด้วยหรือไม่ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาสินค้าดังกล่าวอยู่ร่วมกับทางฮอลลีวู้ด
ทั้งนี้ ในส่วนของกลยุทธ์ทางการตลาด จะเน้นในเรื่องของการออกสินค้าใหม่ที่หลากหลาย ล่าสุด เปิดตัว พลาสม่าทีวี จำนวน 9 รุ่น และ แอลซีดี ทีวี จำนวน 6 รุ่น และเรื่องของกิจกรรมทางการตลาด และภายใต้งบ 10% ของเป้ายอดขาย ซึ่งปีนี้จะเน้นบิโลว์เดอะไลน์ มากกว่าอะโบพเดอะไลน์ มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของพลาสม่าทีวี จากเดิมอยู่ที่ 25% เพิ่มเป็น 48%ในสิ้นปี พร้อมขึ้นเป็นผู้นำแทนซัมซุง ส่วนแอลซีดีทีวี จากเดิมมีแชร์ที่ 5% สิ้นปีคาดขยับเพิ่มเป็น 10% เช่นเดียวกัน
นายอิโรทากะ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ครึ่งปีหลังเชื่อว่า จะดีขึ้น อีกทั้งยังจะมีอีเว้นท์ใหญ่เกิดขึ้น เช่น เวิล์ดคัพ ที่จะมีขึ้นกลางปี 2553 ดังนั้นช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทางบริษัทมีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับการแข่งขันครั้งนี้ด้วย แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดถึงรูปแบบแคมเปญ และเม็ดเงินที่จะนำมาใช้ แต่เชื่อว่าน่าจะมียอดขายที่สูงมาก ถึง 20%
นอกจากนี้พานาโซนิค ยังได้เดินหน้าลงทุนเพิ่มโรงงานฐานการผลิตจอภาพพลาสม่าทีวี และแอลซีดีทีวี ที่โอซาก้าประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเป็นโรงงานแห่งที่ 5ด้วย เนื่องจากต้องการผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด รวมถึงส่วนหนึ่งเพื่อรองรับความต้องการในช่วงฟุตบอลโลกด้วย โดยในระยะอันใกล้นี้ จะเริ่มรันกำลังการผลิตได้
อย่างไรก็ตามทางพานาโซนิค ยังมีแผนพิจารณาผลิตภัณฑ์ ในส่วนของแอลอีดีทีวี และ ทีวี 3 มิติด้วย ว่าจะวางจำหน่ายด้วยหรือไม่ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาสินค้าดังกล่าวอยู่ร่วมกับทางฮอลลีวู้ด
