ASTVผู้จัดการรายวัน – ททท.ปิ๊งไอเดีย กระแสโซเชียล เน็ตเวิร์คแรง เตรียมทำตลาดผ่านเฟซบุ๊คส์ เจาะสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ ฉวยจังหวะ "มาร์ค" ไปจีน วางแผนต่อยอดโรดโชว์ 4 เมืองเศรษฐกิจ ฝันโกยนักท่องเที่ยวตลาดจีน 2
ล้านในอีก 5 ปี สร้างรายได้ 6 หมื่นล้านบาท
นายพนม กะรีบุตร ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมใช้กระแสนิยมการสื่อสารในสังคมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต(โซเชียล เน็ตเวิร์ค) จัดทำแผนเพื่อให้ทุกส่วนงานของททท.โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศนำไปใช้ เพื่อสื่อสารกับนักท่องเที่ยว เช่น เฟซบุ๊คส์ ทวิสเตอร์ และฟลิคเกอร์ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในความนิยมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งชาวไทยและต่างชาติ
โดยวิธีการ ททท.จะเก็บข้อมูลและความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยที่เกิดขึ้นจากเว็บไซต์เหล่านี้ อีกทั้งจะใช้เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ ด้วยการนำโปรโมชั่นการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวของไทย ไปใส่ไว้และเป็นช่องทางชี้แจงอัพเดทสถานการณ์ของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นช่องทางการทำตลาดที่ใช้ต้นทุนต่ำมาก เมื่อเทียบกับการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ทีวีและป้ายโฆษณา
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีหลายสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศเริ่มใช้กลยุทธ์นี้บ้างแล้ว เช่น สำนักงานอเมริกา ลอนดอน เป็นต้น
นายสรรเสริญ เงารังษี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เร่งต่อยอดหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับจากพบผู้นำประเทศจีน ด้วยการ เดินสายจัดโรดโชว์สินค้าทางการท่องเที่ยวใน 4 เมืองเศรษฐกิจของจีนทันที่ ระหว่างวันที่ 5-10 ก.ค.52 ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ อูซี ซูโจว และหนิงโป โดยได้เชิญบริษัทนำเที่ยว กว่า
500 ราย ร่วมฟังข้อมูลรายละเอียดสินค้า และเดสติเนชั่นใหม่ๆ จากปกติชาวจีนจะรู้จักเพียง พัทยา และกาญจนบุรี
การทำตลาดเชิงรุกนี้ เชื่อจะช่วยกระตุ้นให้ชาวจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10-12% และมีเป้าหมายว่าภายใน 5 ปี นักท่องเที่ยวจากตลาดจีนจะเพิ่มเป็น 2 ล้านคน สร้างรายได้ 6 หมื่นล้านบาท ขึ้นเป็นตลาดอันดับ 1 ของประเทศไทย จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ 4 รองจาก ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลี ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การเปิดเส้นทางถนนเชื่อมระหว่างประเทศ เช่น เส้นทาง R3a กรุงเทพฯ-คุนหมิง และ R9 เชียงใหม่-กวางโจว จะเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ง่ายและมากขึ้น ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ให้ความร่วมมือกันด้วย
นางสาวเพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านบริหาร ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.ได้รับจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดตั้งสำนักงานในต่างประเทศแล้ว โดยจะเริ่มตั้งที่ มณฑลคุนหมิง ให้บริการได้ปีหน้า และ มณฑลเฉินตู ให้บริการได้ในปี 2554
ล้านในอีก 5 ปี สร้างรายได้ 6 หมื่นล้านบาท
นายพนม กะรีบุตร ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมใช้กระแสนิยมการสื่อสารในสังคมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต(โซเชียล เน็ตเวิร์ค) จัดทำแผนเพื่อให้ทุกส่วนงานของททท.โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศนำไปใช้ เพื่อสื่อสารกับนักท่องเที่ยว เช่น เฟซบุ๊คส์ ทวิสเตอร์ และฟลิคเกอร์ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในความนิยมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งชาวไทยและต่างชาติ
โดยวิธีการ ททท.จะเก็บข้อมูลและความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยที่เกิดขึ้นจากเว็บไซต์เหล่านี้ อีกทั้งจะใช้เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ ด้วยการนำโปรโมชั่นการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวของไทย ไปใส่ไว้และเป็นช่องทางชี้แจงอัพเดทสถานการณ์ของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นช่องทางการทำตลาดที่ใช้ต้นทุนต่ำมาก เมื่อเทียบกับการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ทีวีและป้ายโฆษณา
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีหลายสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศเริ่มใช้กลยุทธ์นี้บ้างแล้ว เช่น สำนักงานอเมริกา ลอนดอน เป็นต้น
นายสรรเสริญ เงารังษี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เร่งต่อยอดหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับจากพบผู้นำประเทศจีน ด้วยการ เดินสายจัดโรดโชว์สินค้าทางการท่องเที่ยวใน 4 เมืองเศรษฐกิจของจีนทันที่ ระหว่างวันที่ 5-10 ก.ค.52 ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ อูซี ซูโจว และหนิงโป โดยได้เชิญบริษัทนำเที่ยว กว่า
500 ราย ร่วมฟังข้อมูลรายละเอียดสินค้า และเดสติเนชั่นใหม่ๆ จากปกติชาวจีนจะรู้จักเพียง พัทยา และกาญจนบุรี
การทำตลาดเชิงรุกนี้ เชื่อจะช่วยกระตุ้นให้ชาวจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10-12% และมีเป้าหมายว่าภายใน 5 ปี นักท่องเที่ยวจากตลาดจีนจะเพิ่มเป็น 2 ล้านคน สร้างรายได้ 6 หมื่นล้านบาท ขึ้นเป็นตลาดอันดับ 1 ของประเทศไทย จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ 4 รองจาก ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลี ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การเปิดเส้นทางถนนเชื่อมระหว่างประเทศ เช่น เส้นทาง R3a กรุงเทพฯ-คุนหมิง และ R9 เชียงใหม่-กวางโจว จะเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ง่ายและมากขึ้น ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ให้ความร่วมมือกันด้วย
นางสาวเพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านบริหาร ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.ได้รับจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดตั้งสำนักงานในต่างประเทศแล้ว โดยจะเริ่มตั้งที่ มณฑลคุนหมิง ให้บริการได้ปีหน้า และ มณฑลเฉินตู ให้บริการได้ในปี 2554