ศูนย์สัตว์แพทย์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เรียกร้องเจ้าของพาสุนัขเข้ารับการบริจาคโลหิตเพื่อจัดเตรียมไว้สำหรับรักษาพยาบาลหมาป่วย
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่คลั่งไคล้น้องหมา โดยมีสุนัขกว่า 6 ล้านตัวขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์เลี้ยง เจ้าตูบเหล่านี้จำนวนมากได้รับมอบหมายให้เป็นเพื่อนแก้เหงาคนชรา หรือบางครั้งเป็นลูกรักขวัญใจครอบครัว เนื่องจากแดนซากุระเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก
หลายคนคาดหวังว่าสุนัขของตนจะมีอายุยืนนานเช่นเดียวกับตัวเอง ซึ่งนั่นหมายความถึงความต้องการเลือดที่เพิ่มขึ้นสำหรับการผ่าตัด โดยเฉพาะสำหรับเจ้าตูบวัยชรา
“มีความซับซ้อนทางการแพทย์มากขึ้น เนื่องจากจำนวนประชากรสัตว์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสัตว์อายุมากๆ” ฮิโรยูกิ โอกาวะ กรรมการบริหารเจแปน แอนิมอล รีเฟอร์รัล เมดิคัล เซนเตอร์ในคาวาซากิ กล่าวและว่า
“สาเหตุใหญ่ที่ต้องให้เลือดคือการเสียเลือด แต่ขณะนี้ยังมีความต้องการใช้เลือดสำหรับการรักษามะเร็งอีกด้วย”
เจ้าของสุนัขจำนวนมากในญี่ปุ่นไม่กังวลกับการใช้จ่ายเงินเพื่อดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยง แต่การบริจาคโลหิตสำหรับสุนัขยังไม่แพร่หลายนัก เนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง
อย่างแรกคือ ญี่ปุ่นไม่มีธนาคารโลหิตสุนัขเหมือนธนาคารโลหิตคน เพราะฉะนั้น โรงพยาบาลและคลินิกจึงต้องหาเลือดที่ต้องใช้ให้ได้ก่อนลงมือผ่าตัด
แต่ปัญหาก็คือเลือดสุนัขสามารถเก็บรักษาไว้ได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และสุนัขแต่ละตัวบริจาคเลือดได้ปีละแค่สองครั้ง
ศูนย์การแพทย์นิยมรับบริจาคจากหมาใหญ่มากกว่าหมาเล็ก เพราะปริมาณโลหิตที่ต้องการอยู่ที่ประมาณ 200 มิลลิลิตร
กรุ๊ปเลือดของสุนัขยังมีถึง 13 กรุ๊ป จึงต้องการการรับบริจาคจากสุนัขจำนวนมาก
“ความที่ไม่มีธนาคารโลหิตสุนัข และเราไม่สามารถเก็บรักษาเลือดสุนัขไว้ได้นานนัก โรงพยาบาลแต่ละแห่งจึงต้องหาทางรณรงค์เพื่อรับบริจาคกันเอง โดยที่เลือดเหล่านั้นไม่สามารถขายหรือแจกจ่ายต่อได้” โอกาวะเสริม
เพื่อรณรงค์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหานี้ เจแปน แอนิมอล รีเฟอร์รัล เมดิคัล เซนเตอร์จึงขอความช่วยเหลือจากร้านตัดแต่งขนสุนัขและศูนย์ฝึกสุนัขหลายแห่ง รวมถึงจัดแคมเปญส่งเสริมด้วยการให้บริการตรวจเลือดน้องหมาฟรี ซึ่งจะทำให้ตรวจพบแนวโน้มของโรคแต่เนิ่นๆ สำหรับน้องหมาที่บริจาคเลือด
สัตว์แพทย์บางคนบอกว่า คลินิกต่างๆ จำเป็นต้องให้ความรู้แก่เจ้าของสัตว์เลี้ยงเกี่ยวกับระบบการบริจาคโลหิต และอธิบายว่าขั้นตอนนี้มีความปลอดภัย ก่อนที่การรับบริจาคโลหิตสุนัขจะเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
ยูกะ โทริฮามะ ชาวโตเกียวที่ยอมจ่ายเงินปีละ 1,500 ดอลลาร์เพื่อสุขอนามัยที่ดีของสุนัขสองตัวที่เลี้ยงไว้ บอกว่าไม่เคยพาหมาไปบริจาคโลหิต เพราะไม่รู้ว่าสามารถทำได้ เช่นเดียวกับเจ้าของน้องหมามากมายที่ก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
“ฉันยินดีที่จะพาหมาไปบริจาคเลือดถ้าสามารถมั่นใจได้ว่าระบบการบริจาคมีความปลอดภัย ฉันว่าปัญหานี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่มีความรู้เกี่ยวกับการบริจาคโลหิตสุนัข จึงไม่ค่อยมั่นใจว่าจะปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง
“อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพราะคุณไม่มีวันรู้เลยว่าเมื่อไหร่น้องหมาของคุณจะต้องการเลือด”
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่คลั่งไคล้น้องหมา โดยมีสุนัขกว่า 6 ล้านตัวขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์เลี้ยง เจ้าตูบเหล่านี้จำนวนมากได้รับมอบหมายให้เป็นเพื่อนแก้เหงาคนชรา หรือบางครั้งเป็นลูกรักขวัญใจครอบครัว เนื่องจากแดนซากุระเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก
หลายคนคาดหวังว่าสุนัขของตนจะมีอายุยืนนานเช่นเดียวกับตัวเอง ซึ่งนั่นหมายความถึงความต้องการเลือดที่เพิ่มขึ้นสำหรับการผ่าตัด โดยเฉพาะสำหรับเจ้าตูบวัยชรา
“มีความซับซ้อนทางการแพทย์มากขึ้น เนื่องจากจำนวนประชากรสัตว์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสัตว์อายุมากๆ” ฮิโรยูกิ โอกาวะ กรรมการบริหารเจแปน แอนิมอล รีเฟอร์รัล เมดิคัล เซนเตอร์ในคาวาซากิ กล่าวและว่า
“สาเหตุใหญ่ที่ต้องให้เลือดคือการเสียเลือด แต่ขณะนี้ยังมีความต้องการใช้เลือดสำหรับการรักษามะเร็งอีกด้วย”
เจ้าของสุนัขจำนวนมากในญี่ปุ่นไม่กังวลกับการใช้จ่ายเงินเพื่อดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยง แต่การบริจาคโลหิตสำหรับสุนัขยังไม่แพร่หลายนัก เนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง
อย่างแรกคือ ญี่ปุ่นไม่มีธนาคารโลหิตสุนัขเหมือนธนาคารโลหิตคน เพราะฉะนั้น โรงพยาบาลและคลินิกจึงต้องหาเลือดที่ต้องใช้ให้ได้ก่อนลงมือผ่าตัด
แต่ปัญหาก็คือเลือดสุนัขสามารถเก็บรักษาไว้ได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และสุนัขแต่ละตัวบริจาคเลือดได้ปีละแค่สองครั้ง
ศูนย์การแพทย์นิยมรับบริจาคจากหมาใหญ่มากกว่าหมาเล็ก เพราะปริมาณโลหิตที่ต้องการอยู่ที่ประมาณ 200 มิลลิลิตร
กรุ๊ปเลือดของสุนัขยังมีถึง 13 กรุ๊ป จึงต้องการการรับบริจาคจากสุนัขจำนวนมาก
“ความที่ไม่มีธนาคารโลหิตสุนัข และเราไม่สามารถเก็บรักษาเลือดสุนัขไว้ได้นานนัก โรงพยาบาลแต่ละแห่งจึงต้องหาทางรณรงค์เพื่อรับบริจาคกันเอง โดยที่เลือดเหล่านั้นไม่สามารถขายหรือแจกจ่ายต่อได้” โอกาวะเสริม
เพื่อรณรงค์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหานี้ เจแปน แอนิมอล รีเฟอร์รัล เมดิคัล เซนเตอร์จึงขอความช่วยเหลือจากร้านตัดแต่งขนสุนัขและศูนย์ฝึกสุนัขหลายแห่ง รวมถึงจัดแคมเปญส่งเสริมด้วยการให้บริการตรวจเลือดน้องหมาฟรี ซึ่งจะทำให้ตรวจพบแนวโน้มของโรคแต่เนิ่นๆ สำหรับน้องหมาที่บริจาคเลือด
สัตว์แพทย์บางคนบอกว่า คลินิกต่างๆ จำเป็นต้องให้ความรู้แก่เจ้าของสัตว์เลี้ยงเกี่ยวกับระบบการบริจาคโลหิต และอธิบายว่าขั้นตอนนี้มีความปลอดภัย ก่อนที่การรับบริจาคโลหิตสุนัขจะเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
ยูกะ โทริฮามะ ชาวโตเกียวที่ยอมจ่ายเงินปีละ 1,500 ดอลลาร์เพื่อสุขอนามัยที่ดีของสุนัขสองตัวที่เลี้ยงไว้ บอกว่าไม่เคยพาหมาไปบริจาคโลหิต เพราะไม่รู้ว่าสามารถทำได้ เช่นเดียวกับเจ้าของน้องหมามากมายที่ก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
“ฉันยินดีที่จะพาหมาไปบริจาคเลือดถ้าสามารถมั่นใจได้ว่าระบบการบริจาคมีความปลอดภัย ฉันว่าปัญหานี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่มีความรู้เกี่ยวกับการบริจาคโลหิตสุนัข จึงไม่ค่อยมั่นใจว่าจะปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง
“อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพราะคุณไม่มีวันรู้เลยว่าเมื่อไหร่น้องหมาของคุณจะต้องการเลือด”
