เอเอฟพี - จนถึงตอนนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังไม่ทะยานขึ้นมากนัก แม้จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงภายหลังการเลือกตั้งในอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายสำคัญ อย่างไรก็ตาม ราคาอาจขยับขึ้นพราดพราดกว่านี้ หากสถานการณ์ในรัฐอิสลามแห่งนั้นเริ่มบานปลายและเลวร้ายลง นักวิเคราะห์หลายรายเตือน
ทางการอิหร่านปฏิเสธไม่ยอมยกเลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งจุดชนวนความขัดแย้งจนลุกลามสู่เหตุนองเลือด ขณะที่ประชาคมโลกส่งเสียงเตือนดังกระหึ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่าอย่าใช้ความรุนแรงสลายกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้าน
สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ผลิตน้ำมันดิบราว 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถือเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย
นักวิเคราะห์หลายคนหวั่นเกรงว่า วิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นคราวนี้ซึ่งถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามในปี 1979 อาจทำให้รัฐบาลอิหร่านตัดลดการผลิตน้ำมันหรือปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นทางสัญจรสายสำคัญที่เรือบรรทุกน้ำมันร้อยละ 40 ของทั่วโลกแล่นผ่านในแต่ละวัน
แต่แม้จะเกิดเหตุความรุนแรงในอิหร่าน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกลับร่วงลงอย่างหนัก โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากทิศทางเศรษฐกิจโลกยังคงมัวมน ประกอบกับเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
เมื่อวันอังคาร(23) น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของตลาดนิวยอร์กงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ซื้อขายกันในราคาราว ๆ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เปรียบเทียบกับอาทิตย์ก่อนซึ่งอยู่ที่ 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
"จนถึงตอนนี้แม้ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในอิหร่านจะยังไม่ส่งผลต่อตลาด แต่อย่ามองข้ามความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ (ในอิหร่าน) อาจกลับมาส่งผลกระทบมากยิ่งขึ้นต่อราคาน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากผู้ชุมนุมฝ่ายค้านงัดกลเม็ดเด็ดขึ้นมาต่อสู้ ด้วยการนัดหยุดงานประท้วงทั่วประเทศ ซึ่งอาจลุกลามสู่ภาคการผลิตน้ำมัน" เอ็ดเวิร์ด แมร์ นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอลกล่าว
"สถานการณ์ในอิหร่านยังคงผันผวนอยู่ และอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ณ ขณะนี้"
อย่างไรก็ตาม ฟรานซิส เพอร์ริน ผู้อำนวยการนิตยสารอาหรับออยล์แอนด์แก๊ส มองต่างมุมโดยกล่าวว่า เวลานี้"ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมัน (ของอิหร่าน) จะได้รับผลกระทบ"
เพอร์รินบอกด้วยว่า พวกนักลงทุนคาดกันว่า ประเทศสมาชิกโอเปกรายอื่น ๆ คงจะผลิตน้ำมันชดเชยความเสียหายใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับการผลิตน้ำมันของอิหร่าน
นิมิต กุมาร์ นักวิเคราะห์อีกรายจากสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจซัคเดน กล่าวย้ำว่า ยังไม่มีการชะงักงันใด ๆ ทั้งสิ้น
"การชุมนุมประท้วงภายหลังการเลือกตั้ง ยังเดินหน้าต่อ แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรขัดขวางการผลิตน้ำมัน"
"อย่างไรก็ตาม ในตลาดพากันโจษจันว่า ชาวอิหร่านพยายามจะนัดหยุดงานประท้วงทั่วประเทศ รวมทั้งภาคการผลิตน้ำมันด้วย เพื่อตอบโต้การครองตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ของอะห์มาดิเนจัด"
ปัจจุบันประเทศโอเปกยังเหลือกำลังการผลิตน้ำมันสำรองอยู่ราว 6 ล้านดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้จากการประเมินล่าสุดของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีส
ขณะที่ เดวิด ฮาร์ต นักวิเคราะห์จากแฮนซัน เวสต์เฮาส์ก็ชี้ว่า ตลาดยังได้อานิสงส์จากการที่คลังเก็บต่างๆ ได้เก็บสะสมน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก และทั้งเรื่องคลังเก็บมีน้ำมันอยู่เยอะ บวกกับโอเปกยังกำลังการผลิตเหลือ จะทำให้โลกอยู่ในฐานะรับมือกับภาวะการผลิตหยุดชะงักได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์รายนี้บอกว่า หากเกิดการชะงักการผลิตเป็นบางส่วน ก็อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันอาจกลับขึ้นไปอยู่เหนือ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และถ้าเกิดความชะงักงันแบบเต็มรูปแบบ ราคาก็อาจทะยานขึ้นกว่านี้อีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยืดเยื้อของการชะงักงัน และระยะเวลาที่ต้องใช้ในการนำกำลังการผลิตส่วนที่ยังเหลืออยู่มาดำเนินการผลิต
ทางการอิหร่านปฏิเสธไม่ยอมยกเลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งจุดชนวนความขัดแย้งจนลุกลามสู่เหตุนองเลือด ขณะที่ประชาคมโลกส่งเสียงเตือนดังกระหึ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่าอย่าใช้ความรุนแรงสลายกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้าน
สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ผลิตน้ำมันดิบราว 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถือเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย
นักวิเคราะห์หลายคนหวั่นเกรงว่า วิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นคราวนี้ซึ่งถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามในปี 1979 อาจทำให้รัฐบาลอิหร่านตัดลดการผลิตน้ำมันหรือปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นทางสัญจรสายสำคัญที่เรือบรรทุกน้ำมันร้อยละ 40 ของทั่วโลกแล่นผ่านในแต่ละวัน
แต่แม้จะเกิดเหตุความรุนแรงในอิหร่าน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกลับร่วงลงอย่างหนัก โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากทิศทางเศรษฐกิจโลกยังคงมัวมน ประกอบกับเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
เมื่อวันอังคาร(23) น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของตลาดนิวยอร์กงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ซื้อขายกันในราคาราว ๆ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เปรียบเทียบกับอาทิตย์ก่อนซึ่งอยู่ที่ 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
"จนถึงตอนนี้แม้ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในอิหร่านจะยังไม่ส่งผลต่อตลาด แต่อย่ามองข้ามความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ (ในอิหร่าน) อาจกลับมาส่งผลกระทบมากยิ่งขึ้นต่อราคาน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากผู้ชุมนุมฝ่ายค้านงัดกลเม็ดเด็ดขึ้นมาต่อสู้ ด้วยการนัดหยุดงานประท้วงทั่วประเทศ ซึ่งอาจลุกลามสู่ภาคการผลิตน้ำมัน" เอ็ดเวิร์ด แมร์ นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอลกล่าว
"สถานการณ์ในอิหร่านยังคงผันผวนอยู่ และอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ณ ขณะนี้"
อย่างไรก็ตาม ฟรานซิส เพอร์ริน ผู้อำนวยการนิตยสารอาหรับออยล์แอนด์แก๊ส มองต่างมุมโดยกล่าวว่า เวลานี้"ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมัน (ของอิหร่าน) จะได้รับผลกระทบ"
เพอร์รินบอกด้วยว่า พวกนักลงทุนคาดกันว่า ประเทศสมาชิกโอเปกรายอื่น ๆ คงจะผลิตน้ำมันชดเชยความเสียหายใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับการผลิตน้ำมันของอิหร่าน
นิมิต กุมาร์ นักวิเคราะห์อีกรายจากสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจซัคเดน กล่าวย้ำว่า ยังไม่มีการชะงักงันใด ๆ ทั้งสิ้น
"การชุมนุมประท้วงภายหลังการเลือกตั้ง ยังเดินหน้าต่อ แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรขัดขวางการผลิตน้ำมัน"
"อย่างไรก็ตาม ในตลาดพากันโจษจันว่า ชาวอิหร่านพยายามจะนัดหยุดงานประท้วงทั่วประเทศ รวมทั้งภาคการผลิตน้ำมันด้วย เพื่อตอบโต้การครองตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ของอะห์มาดิเนจัด"
ปัจจุบันประเทศโอเปกยังเหลือกำลังการผลิตน้ำมันสำรองอยู่ราว 6 ล้านดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้จากการประเมินล่าสุดของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีส
ขณะที่ เดวิด ฮาร์ต นักวิเคราะห์จากแฮนซัน เวสต์เฮาส์ก็ชี้ว่า ตลาดยังได้อานิสงส์จากการที่คลังเก็บต่างๆ ได้เก็บสะสมน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก และทั้งเรื่องคลังเก็บมีน้ำมันอยู่เยอะ บวกกับโอเปกยังกำลังการผลิตเหลือ จะทำให้โลกอยู่ในฐานะรับมือกับภาวะการผลิตหยุดชะงักได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์รายนี้บอกว่า หากเกิดการชะงักการผลิตเป็นบางส่วน ก็อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันอาจกลับขึ้นไปอยู่เหนือ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และถ้าเกิดความชะงักงันแบบเต็มรูปแบบ ราคาก็อาจทะยานขึ้นกว่านี้อีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยืดเยื้อของการชะงักงัน และระยะเวลาที่ต้องใช้ในการนำกำลังการผลิตส่วนที่ยังเหลืออยู่มาดำเนินการผลิต
