เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้เขียนถึงสินค้า ยางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ที่เป็นพระเอกในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) ไปแล้ว สำหรับในสัปดาห์นี้ผู้เขียนจะขอแนะนำ ข้อกำหนดของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสินค้าข้าวใน AFET บ้าง เนื่องจาก ข้อกำหนดของข้าวในตลาดล่วงหน้านั้น อาจจะไปเกี่ยวข้องกับผู้อ่านบางท่านที่สนใจ โครงการระบายข้าวผ่าน AFET ของรัฐบาลที่เราได้ยินกันมาก็ได้ค่ะ
สินค้าข้าวที่มีการซื้อขายใน AFET นั้น แบ่งเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ ข้าวขาว 5% มีสัญลักษณ์ คือ BWR5 และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 มีสัญลักษณ์ คือ BHMR โดยมูลค่าของสินค้าทั้ง 2 ตัวจะอ้างอิงอยู่กับมาตรฐานข้าวของกระทรวงพาณิชย์ที่ซื้อขายกันอยู่ในเขต กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ อยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครนายก ฉะเชิงเทรา นนทบุรี และปทุมธานี
สำหรับสัญญาซื้อขายข้าวขาว 5% AFET ได้เปิดให้มีเดือนซื้อขายติดต่อกันทั้งหมด 6 เดือนล่วงหน้า และข้าวหอมมะลิที่ปัจจุบันเปิดซื้อขายเพียง 5 เดือนล่วงหน้าตามที่ AFET ได้กำหนดไว้ (ในวันที่ 2 ก.ค. นี้ ตลาดจะมีการเพิ่มเดือนซื้อขายของข้าวหอมมะลิ 100% เป็น 8 เดือนล่วงหน้า โดยจะเพิ่มเดือน สิงหาคม กันยายน และตุลาคม)
โดยข้าวทั้ง 2 ชนิด AFET ได้กำหนดวันซื้อขายสุดท้าย (Last Trading Day) คือ วันทำการที่ 10 ของเดือนที่ครบกำหนดส่งมอบ ตัวอย่างเช่น สัญญาข้าวขาว 5% ส่งมอบเดือน ก.ค. 52 ก็จะหมดอายุวันที่ 17 ก.ค. 52 เป็นต้น ทั้งนี้ในการซื้อขายสินค้าข้าวทั้ง 2 ประเภทใน AFET จะซื้อขายเป็นจำนวนสัญญา โดย1 สัญญาของข้าวขาว 5% จะเท่ากับปริมาณข้าว 15 ตัน
ข้อกำหนดในเรื่องการส่งมอบรับมอบสินค้าของสัญญาข้าวขาว 5% และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 นั้น จะแตกต่างจากยางแผ่นรมควันชั้น 3 เนื่องจาก ยางแผ่นรมควันชั้น 3 เป็นสัญญาแบบ Physical Delivery หมายความว่า หากผู้ซื้อผู้ขายถือสัญญาไปจนถึงวันซื้อขายสุดท้าย จะต้องส่งมอบสินค้าผ่านตลาดเท่านั้น แต่สำหรับสัญญาข้าว จะเป็นลักษณะ BOTH OPTIONS ผู้ซื้อผู้ขายจะมี 2 ทางเลือก ดังนี้
1. ถ้าหากว่าผู้ซื้อผู้ขายถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้จนถึงวันซื้อขายสุดท้าย และไม่ต้องการที่จะส่งมอบหรือรับมอบสินค้าผ่านตลาด ตลาดก็จะคำนวณผลกำไรขาดทุน และชำระส่วนต่างราคาด้วยเงิน (Cash Settlement) ให้กับผู้ซื้อผู้ขาย
2. ถ้าหากว่าผู้ซื้อผู้ขายถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้จนถึงวันซื้อขายสุดท้าย และต้องการส่งมอบ และรับมอบสินค้าผ่าน AFET ผู้ซื้อผู้ขายก็สามารถยื่นความประสงค์เพื่อให้ตลาดทำการจับคู่ หากสามารถจับคู่ได้ ผู้ซื้อผู้ขายต้องทำการส่งมอบรับมอบสินค้า ซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขการส่งมอบรับมอบสินค้าตามที่ตลาดกำหนด โดยผู้ขายจะต้องทำการส่งมอบสินค้าตาม คุณภาพ ราคา และสถานที่ส่งมอบที่กำหนดไว้ ส่วนผู้ซื้อก็มีหน้าที่ ชำระราคาสินค้าและรับมอบสินค้า โดยการส่งมอบรับมอบดังกล่าวจะต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่ตลาดกำหนด
จากการที่ AFET ได้เปิดให้มีทางเลือกในการส่งมอบรับมอบนั้น อาจจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับบรรดานักลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในภาคการเกษตรสามารถเข้ามาลงทุนได้อย่างสบายใจมากขึ้น พร้อมทั้งผู้ที่อยู่ในภาคเกษตรอยู่แล้วก็จะสามารถเข้ามาลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของตลาดได้ ซึ่งหากผู้อ่านท่านใดต้องการทราบรายละเอียดสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.afet.or.th ค่ะ
สินค้าข้าวที่มีการซื้อขายใน AFET นั้น แบ่งเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ ข้าวขาว 5% มีสัญลักษณ์ คือ BWR5 และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 มีสัญลักษณ์ คือ BHMR โดยมูลค่าของสินค้าทั้ง 2 ตัวจะอ้างอิงอยู่กับมาตรฐานข้าวของกระทรวงพาณิชย์ที่ซื้อขายกันอยู่ในเขต กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ อยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครนายก ฉะเชิงเทรา นนทบุรี และปทุมธานี
สำหรับสัญญาซื้อขายข้าวขาว 5% AFET ได้เปิดให้มีเดือนซื้อขายติดต่อกันทั้งหมด 6 เดือนล่วงหน้า และข้าวหอมมะลิที่ปัจจุบันเปิดซื้อขายเพียง 5 เดือนล่วงหน้าตามที่ AFET ได้กำหนดไว้ (ในวันที่ 2 ก.ค. นี้ ตลาดจะมีการเพิ่มเดือนซื้อขายของข้าวหอมมะลิ 100% เป็น 8 เดือนล่วงหน้า โดยจะเพิ่มเดือน สิงหาคม กันยายน และตุลาคม)
โดยข้าวทั้ง 2 ชนิด AFET ได้กำหนดวันซื้อขายสุดท้าย (Last Trading Day) คือ วันทำการที่ 10 ของเดือนที่ครบกำหนดส่งมอบ ตัวอย่างเช่น สัญญาข้าวขาว 5% ส่งมอบเดือน ก.ค. 52 ก็จะหมดอายุวันที่ 17 ก.ค. 52 เป็นต้น ทั้งนี้ในการซื้อขายสินค้าข้าวทั้ง 2 ประเภทใน AFET จะซื้อขายเป็นจำนวนสัญญา โดย1 สัญญาของข้าวขาว 5% จะเท่ากับปริมาณข้าว 15 ตัน
ข้อกำหนดในเรื่องการส่งมอบรับมอบสินค้าของสัญญาข้าวขาว 5% และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 นั้น จะแตกต่างจากยางแผ่นรมควันชั้น 3 เนื่องจาก ยางแผ่นรมควันชั้น 3 เป็นสัญญาแบบ Physical Delivery หมายความว่า หากผู้ซื้อผู้ขายถือสัญญาไปจนถึงวันซื้อขายสุดท้าย จะต้องส่งมอบสินค้าผ่านตลาดเท่านั้น แต่สำหรับสัญญาข้าว จะเป็นลักษณะ BOTH OPTIONS ผู้ซื้อผู้ขายจะมี 2 ทางเลือก ดังนี้
1. ถ้าหากว่าผู้ซื้อผู้ขายถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้จนถึงวันซื้อขายสุดท้าย และไม่ต้องการที่จะส่งมอบหรือรับมอบสินค้าผ่านตลาด ตลาดก็จะคำนวณผลกำไรขาดทุน และชำระส่วนต่างราคาด้วยเงิน (Cash Settlement) ให้กับผู้ซื้อผู้ขาย
2. ถ้าหากว่าผู้ซื้อผู้ขายถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้จนถึงวันซื้อขายสุดท้าย และต้องการส่งมอบ และรับมอบสินค้าผ่าน AFET ผู้ซื้อผู้ขายก็สามารถยื่นความประสงค์เพื่อให้ตลาดทำการจับคู่ หากสามารถจับคู่ได้ ผู้ซื้อผู้ขายต้องทำการส่งมอบรับมอบสินค้า ซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขการส่งมอบรับมอบสินค้าตามที่ตลาดกำหนด โดยผู้ขายจะต้องทำการส่งมอบสินค้าตาม คุณภาพ ราคา และสถานที่ส่งมอบที่กำหนดไว้ ส่วนผู้ซื้อก็มีหน้าที่ ชำระราคาสินค้าและรับมอบสินค้า โดยการส่งมอบรับมอบดังกล่าวจะต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่ตลาดกำหนด
จากการที่ AFET ได้เปิดให้มีทางเลือกในการส่งมอบรับมอบนั้น อาจจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับบรรดานักลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในภาคการเกษตรสามารถเข้ามาลงทุนได้อย่างสบายใจมากขึ้น พร้อมทั้งผู้ที่อยู่ในภาคเกษตรอยู่แล้วก็จะสามารถเข้ามาลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของตลาดได้ ซึ่งหากผู้อ่านท่านใดต้องการทราบรายละเอียดสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.afet.or.th ค่ะ