xs
xsm
sm
md
lg

วงจรอุบาทว์ ประชาธิปไตย 4 วินาที และการเมืองใหม่

เผยแพร่:   โดย: สำราญ รอดเพชร

เมื่อเอ่ยคำว่า “วงจรอุบาทว์” ท่านนึกถึงอะไร?

สำหรับผมเป็นมานานแล้ว เอ่ยคำนี้ทีไรก็นึกถึงใบหน้า พ.อ.สมคิด ศรีสังคม อดีตหัวหน้าพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย อดีต ส.ส.หลายสมัย

ต้นปี 2523 เมื่อครั้งประจำอยู่กองบรรณาธิการนิตยสารสยามนิกร (อาทิตย์) รายสัปดาห์ ที่ “ท่านขุนน้อย” แห่งนสพ.ไทยโพสต์ในปัจจุบันเป็นหัวเรืออยู่ กองบรรณาธิการได้จัดเสวนาการเมือง โดยเชิญนักการเมือง นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองมาร่วมกันแสดงความเห็นถึงหนทางการพัฒนาประชาธิปไตยให้ก้าวไปข้างหน้า..

พ.อ.สมคิดได้ฉายภาพความล้มลุกคลุกคลานของการเมืองไทย สรุปว่าที่ผ่านๆ มาวนเวียนอยู่ที่การเลือกตั้งสลับด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร กล่าวคือ เลือกตั้งเสร็จแล้วจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่นานก็จะมีคณะนายทหารลากรถถังมายึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ ตั้งรัฐบาลใหม่ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จากนั้นจัดให้เลือกตั้งกันใหม่ ได้รัฐบาลใหม่ แล้วต่อมาก็เกิดรัฐประหารอีก ฉีกรัฐธรรมนูญอีก ซึ่งบางครั้งเหตุผลลึกๆ ของการรัฐประหารนั้นเกิดจากความขัดแย้งกันเองของผู้นำนายทหารในกองทัพ แต่จะอ้างเหตุผลทางด้านความมั่นคง หรือทางการเมืองแทน..

พ.อ.สมคิดบอกว่าวงจรดังกล่าวมันคือ “วงจรอุบาทว์”

ตอนนั้น “ท่านขุนน้อย” สั่งซับเอดิเตอร์พาดปกตัวเป้งว่า “การเมืองไทย –วงจรอุบาทว์”

สำหรับผม นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ยินและจดจำมาจนบัดนี้ และยังจำได้ว่าหลังการเสวนาวันนั้น ได้มีการก่อกำเนิด “คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย” หรือ ครป. โดยมีอาจารย์โคทม อารียา หนึ่งในผู้เข้าร่วมสัมมนา เป็นโต้โผ

ขณะที่นักข่าวสายการเมือง – ความมั่นคงในรุ่นราวคราวเดียวกัน เช่น บุญเลิศ ช้างใหญ่ ศุภฤกษ์ ตั้งใฝ่คุณธรรม ณรงค์ ชื่นชม ตัวผม และอีกบางคนได้ร่วมกันเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อว่า “กองทัพไทย-วงจรอุบาทว์” โดยให้สำนักพิมพ์ อาทิตย์จัดพิมพ์ เข้าใจว่ายอดขายตอนนั้นคงประมาณเศษหนึ่งส่วนห้าร้อยของยอดขาย “ลับ ลวงพราง” ของคุณวาสนา นาน่วม ที่ขายดิบขายดีในยุคสมัยนี้

ผมพยายามค้นหาพอกเก็ตบุ๊ก “กองทัพไทย : วงจรอุบาทว์” เพื่ออยากดูว่าพวกผมเขียนเอาไว้อย่างไรบ้าง แต่ก็หาไม่พบ…แต่ถึงค้นหาไม่พบก็ยังจำเค้าโครงเนื้อหาของพอกเก็ตบุ๊กที่ว่าได้ ซึ่งประเด็นหลักที่พวกเราเขียนถึงก็คือ ทำไมกองทัพต้องทำการปฏิวัติรัฐประหาร หน่วยคุมกำลังหน่วยไหนบ้างที่มีบทบาท และแน่นอนหนังสือเล่มนั้นได้แสดงความเห็นอย่างใสซื่อต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารที่เป็นส่วนสำคัญของ “วงจรอุบาทว์”

ครับ เล่าสู่กันฟังหรือบันทึกไว้ก็เพื่อกันลืมในวันหน้า...ว่าคำว่า “วงจรอุบาทว์” ในความทรงจำของผมเป็นอย่างไร

ผมแอบเข้าไปดู “วงจรอุบาทว์” ในบทสรุปของ “วิกิพีเดีย”

“วงจรอุบาทว์หมายถึง วงจร หรือวัฏจักรที่ก่อให้เกิดความเสื่อมทรามลง และหากไม่มีแทรกแซงแก้ไข วัฏจักรนี้จะดำเนินต่อไปไม่สิ้นสุด มักถูกใช้เป็นคำศัพท์ทางการเมืองการปกครองของประเทศไทยเพื่อแสดงถึงวงจรการเลือกตั้งที่เกิดจากการซื้อเสียง คือ ถ้ารัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งเป็นผลมาจากการซื้อเสียง เมื่อรัฐบาลนั้นปกครองประเทศก็มีแนวโน้มที่จะโกงกินคอร์รัปชันเพื่อให้เกิดประโยชน์ส่วนตัว จนกระทั่งหมดสมัย เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ก็มีแนวโน้มที่รัฐบาลเดิมจะได้รับเลือกตั้งเนื่องด้วยการซื้อเสียงด้วยเงินที่ได้จากการโกงกินขณะเป็นรัฐบาล ทำให้พรรคการเมืองอื่นๆ ไม่สามารถเข้าไปเป็นรัฐบาลได้ และจะเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ไป”

นั่น..วิกีพีเดีย เขาว่าไว้อย่างนั้น แล้วท่านล่ะ จะไม่ลองลับปัญญาให้นิยามคำว่า “วงจรอุบาทว์” สำหรับการเมืองไทยกันหน่อยหรือ?

ผมว่า ถ้านับถอยหลังไป 3- 4 ปี คำว่า “วงจรอุบาทว์” สำหรับการเมืองไทย มันคือฝาแฝดของคำว่า “ประชาธิปไตย 4 วินาที” ที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล บัญญัติเอาไว้ทีเดียวเชียวล่ะ

ประชาธิปไตย 4 วินาที มีความหมายไปทำนองว่า ประชาชนมีสิทธิมีเสียงส่วนร่วมทางการเมืองแค่ 4 วินาทีตอนหย่อนบัตรเลือกตั้งในคูหาเท่านั้น หลังจากนั้นเป็นเรื่องของ ส.ส.นักการเมืองที่จะใช้อำนาจวาสนาที่ได้มาบริหาร โกงกิน ถอนทุนที่จ่ายไปในการเลือกตั้ง และสะสมทุนเพื่อจะไปโกงเลือกตั้งจากประชาธิปไตย 4 วินาทีต่อไป...

“ประชาธิปไตย 4 วินาที” มันจึงเป็น..วงจรอุบาทว์พันธุ์แท้เหมือนกัน..

..........................

ครับวันนี้ 24 มิ.ย. 2552 ครบรอบ 77 ปี ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

บนเส้นทางวันเวลา 77 ปี เราผ่านสิ่งที่เรียกว่า “ปฏิวัติ รัฐประหาร กบฏ” มา 25 ครั้ง

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ให้คุณค่าวันที่ 24 มิ.ย. 2475 ที่ “คณะราษฎร”ก่อการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น ที่มีความหมายตรงกับคำว่า “ปฏิวัติ” อันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่หรือสิ่งที่ดีกว่า นอกนั้นเป็นเพียงการรัฐประหารหรือไม่ก็กบฏเท่านั้น

แต่ก็มีนักวิชาการจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่พยายามให้คุณค่าเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ว่าเป็นการ “ปฏิวัติ”

ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะถามอยู่ในใจว่าแล้ว 193 วันของการต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการพลเรือนในปี 2551 ของคนไทยภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยล่ะ พอจะยกชั้นเทียบค่าคำว่า “ปฏิวัติ” ได้ไหม?

อันนี้ก็นานาจิตตัง แต่ผมว่าอย่าไปติดยึดกับคำว่า ปฏิวัติหรือไม่ปฏิวัติเลย ปล่อยให้สังคมให้คุณค่ากับการต่อสู้ดังกล่าวไปโดยธรรมชาติ ขอเพียงแต่พี่น้องที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ 193วันจดจำมันไว้ด้วยความงดงาม ความเป็นจริง และบอกกล่าวคนรุ่นหลังให้ซึมซับรับทราบต่อๆ ไป ว่าเราต่อสู้เพื่อใคร เพื่ออะไร พร้อมๆ กับร่วมกันสร้างสิ่งที่เรียกว่า “การเมืองใหม่” ให้เป็นจริง เพื่อลบล้างคำว่า “วงจรอุบาทว์” และ “ประชาธิปไตย 4 วินาที” ไปให้หมดสิ้น

ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญกว่า ใช่ไหมครับ!?

                                                         samr_rod@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น