xs
xsm
sm
md
lg

ลดราคา “รถเมล์-ข้าว” เข้ากระเป๋าไว้ก่อน !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป็นอันว่าทั้งเรื่องเช่ารถเมล์เอ็นจีวี ที่ผลักดันโดยกระทรวงคมนาคมนำโดย โสภณ ซารัมย์ และเรื่องขายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ของ พรทิวา นาคาศัย จากพรรคภูมิใจไทย (แต่คนละกลุ่ม) ที่ยื้อกันมานานหลายสัปดาห์ เริ่มมีแนวโน้มจะยอมลดราคา ลดขนาดลงมา หรือเมื่อรับเงินไปแล้วได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น

ทำนองรวบรัดตัดความ ตัดรำคาญ เอาเงินเข้ากระเป๋าไว้ก่อน หรือ “กำอุจจาระดีกว่ากำตด” อะไรประมาณนั้น !!

ถ้าแยกแยะอธิบายออกมาเป็นสองส่วนสองกรณี เพื่อให้เห็นภาพคร่าวๆก็คือ เรื่องเช่ารถเมล์เอ็นจีวีโครงการข้ามรัฐบาลที่เดิมมีจำนวน 6 พันคัน มูลค่าร่วมแสนล้านบาทตั้งแต่ยุครัฐบาลพลังประชาชน แล้วกลายพันธุ์มาจนถึงยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ ก็ได้ลดราคาลงมาเรื่อยจนล่าสุดเหลือ 4 พันคัน วงเงินก็ลดลงมาพรวดพราดมาอยู่ที่ราคา 6.4 หมื่นล้านบาท หลังจากมีเสียงโวยวายเรื่องทุจริตดังทั่วบ้านทั่วเมือง

จนในที่สุดนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องซื้อเวลาด้วยการให้คณะกรรมการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาภายใน 1 เดือน ภายใต้กรอบสองตัวเลือกว่า จะ “เช่า” หรือ “ซื้อ” ดีกว่ากัน

แต่ระหว่างที่รวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาของสภาพัฒน์ไปเรื่อยๆ อีกด้านหนึ่งก็เริ่มมีท่าทีจากฝ่ายการเมืองออกมาให้เห็นแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ แบบคู่ขนานกันไปในทำนองจะยอม “ผ่อนปรน” หรือ “ลดแหลก” เหมือนกับสินค้าในตลาดสดไม่มีผิด

เพราะถ้าพิจารณาจากอารมณ์ของสังคมในเวลานี้นับว่าจะเดินหน้าเต็มทั้งแพ็กเกจคงทำไม่ได้ เพราะถ้าขืน “ลุยถั่ว” กันไปแบบดุ่ยๆ ดีไม่ดีอาจพังกันทั้งขบวน ดังนั้นหนทางถอยก็น่าจะออกมาในแบบลดจำนวนการเช่าลงมา อาจเหลือแค่ 1,500-2,000 คัน พร้อมทั้งมีการปรับเส้นทางวิ่งเหลือเพียงบางสายสำคัญเท่านั้น

ทำให้วงเงินถูกปรับลด เหลือไม่กี่หมื่นล้านบาท ดูแล้วอาจไม่เป็นที่สังเกต เตะตาคนทั่วไปมากนัก

ขณะที่โครงการระบายข้าวในสต็อกจำนวน 2.6 ล้านตัน ของกระทรวงพาณิชย์ ผลก็ออกมาในทำนองเดียวกัน นอกจากถูกนายกรัฐมนตรีนำทีมเบรกในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจนหัวทิ่มแล้ว ข้างนอกก็มีแต่เสียงด่ากันขรม จนต้องถอยร่นไม่เป็นขบวน และถูกสั่งล้มประมูลในที่สุด

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็เหมือนกับ “อ้อยเข้าปากช้าง” ครั้นจะดึงออกมามันก็ลำบาก อันไหนที่เคี้ยวไปแล้วกำลังกลืนลงท้อง ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย

ซึ่งบังเอิญสอดรับกับความเคลื่อนไหวที่กำลังออกมาเป็นข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา 3 ประการ น่าสนใจก็คือ ให้เอกชนที่ชนะการประมูลซื้อข้าวจากรัฐทั้ง 17 ราย ที่ชำระเงินไปแล้วบางส่วนประมาณ 1 แสนตัน ให้รับมอบข้าวไปได้ พร้อมทั้งมีออปชั่นพิเศษพ่วงเข้ามาเสริมให้ชื่นใจก็คือ จะช่วยเหลือพ่อค้าให้ส่งมอบข้าวในส่วนที่เหลือจำนวนกว่า 1 ล้านตันตามคำสั่งซื้อล่วงหน้า อ้างว่าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ส่งออก

เมื่อพิจารณาตามตัวเลข บวกลบกันแล้วก็ถือว่ายอมปรับลงมาจากเดิมลงนับล้านตัน หากคิดเป็นตัวเงินก็ต้องบอกว่าหดหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เมื่อดูอารมณ์ของชาวบ้านทั่วไป ก็ไม่ไว้วางใจไม่ต่างจากกรณีของรถเมล์อื้อฉาวของกระทรวงคมนาคม จนส่ออาการฝ่อ มีแนวโน้มต้องเลี่ยงลดขนาดลงมา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่านาทีนี้ทั้งสองกรณียังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนออกมา แต่ค่อนข้างมั่นใจได้ว่า ผลที่ออกมาน่าจะไม่ผิดไปจากนี้มากนัก

ขณะเดียวกันหากพิจารณาจากลักษณะของรัฐบาลผสม ที่ต้องประคับประคองรักษาหน้ากันไปให้นานที่สุด และที่สำคัญที่สุดก็คือเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะต้องมา “แตกหัก” เพราะยังมี “เค้ก” ที่เป็นโครงการใหญ่วงเงินงบประมาณมหาศาลรอท่าอยู่ข้างหน้า

นอกเหนือจากนี้ด้วยบุคลิกลักษณะของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่ใช่เป็นคนที่แข็งกร้าว “หักหน้า” ใครแบบนั้น

ดังนั้น เมื่อพิจารณาทุกองค์ประกอบและบรรยากาศที่เป็นอยู่ทั้งหมดดังกล่าว ผลน่าจะออกมาในลักษณะทุกอย่างยังเดินหน้าต่อไป แต่จะลดขนาด ลดวงเงินงบประมาณลงมา

แต่ประเด็นสำคัญก็คือหากผลออกมาแบบ “เกี้ยเซียะ” แบบนี้ เงินก็จะเข้ากระเป๋านักการเมือง เข้าอีหรอบเดิม เพียงแต่พอถูกสังคมจับได้ ส่งเสียงโวยวายก็ต้องยอมถอยร่นลงมา หรือแทนที่จะได้เต็มร้อย ก็ต้องยอมกัดฟันยอมลดเหลือแค่ 20 บาท หรือ 30 บาท ก็ยังดี

ได้แค่ไหนก็คว้าใกล้มือเอาไว้ก่อน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น