xs
xsm
sm
md
lg

แค่โดน “แก๊งการมือง” ขู่ก็ฝ่อแล้ว !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิเคราะห์ หน้า 2

หากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาก็ต้องยอมรับว่าโครงการจัดสรรที่ดินสาธารณะให้เกษตรกรเช่ารายละไม่เกิน 15 ไร่ ในราคาไร่ละ 10 บาท นาน 5 ปี ถือว่าเป็นโครงการที่ดี เพราะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจ ทั้งในเรื่องของความมั่นคงทางด้านอาชีพ

มีโอกาสในการพลิกฟื้นชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรที่ส่วนใหญ่ยังไร้ที่ทำกิน และก็ตามสูตรสำเร็จ นั่นก็คือ มีความยากจน

หากไม่มีการหยิบเอาเรื่องการเมือง หรือการเอาหน้า การต่อรองผลประโยชน์ระหว่างนักการเมืองด้วยกันก็คงไม่มีใครเถียงว่า โครงการเช่าที่ดินสาธารณะไร่ละ 10 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ เป็นโครงการที่น่าสนับสนุน

สมควรให้เดินหน้าต่อไปอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาในมุมการเมือง ในเรื่องของผลประโยชน์ก็ย่อมเกิดปัญหาแน่นอน เพราะโครงการดังกล่าวมีการผลักดันจาก ถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจากพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ ชวรัตน์ ชาญวีระกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กลับไม่เห็นด้วย

ทว่า คนใน “วงการ” ต่างรู้กันดีว่าคนที่เป็นหัวเรือใหญ่ออกมาขวางลำในช่วงนี้ ไม่ใช่ “ชวรัตน์” หากคือ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งหากพูดกันอย่างตรงไปตรงมาอีกก็คือ “มท.1 ตัวจริง” ที่ถูกส่งมาควบคุมหรือประสานผลประโยชน์ “บางอย่าง” จากในกระทรวงลงไปสู่พื้นที่และนักการเมืองด้วยกัน

ส่วน“ชวรัตน์” ก็คือ“หุ่นเชิด” จากกลุ่ม “เพื่อนเนวิน” ดีๆนี่เอง

และช่างบังเอิญว่ายังเป็นการขัดขวางในลักษณะ “เอาคืน” ในช่วงที่โครงการเช่ารถเมล์เน่าๆจำนวน 4 พันคัน วงเงิน 69,788 ล้านบาท ที่ผลักดันโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โสภณ ซารัมย์ จากพรรคเดียวกันและจากกลุ่มเดียวกัน กำลังอยู่ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ขอการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อยู่พอดี

พร้อมๆกับ โครงการระบายข้าว 2.6 ล้านตัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อีก 4.4 แสนตันของกระทรวงพาณิชย์ โดย พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากภูมิใจไทยเหมือนเดิม แต่เป็นเพราะทั้ง 3 โครงการดังกล่าวมา มีความไม่ชอบมาพากล ส่อไปในทางไม่โปร่งใส

ทำท่าว่านักการเมืองบางกลุ่มกำลังจะได้ประโยชน์นับพันนับหมื่นล้านบาท ขณะที่สังคมก็เริ่มรู้ทันและออกมาขัดขวาง ส่งเสียงด่ากันขรม ทำให้ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องสั่งเบรกซื้อเวลากันไปก่อน

เพราะหากยังขืนดึงดันทุรังดึงดันขณะที่กระแสสังคมเริ่มขึ้นสูงแบบนี้โอกาสพังกันทั้งขบวนมีสูง

วกมาที่โครงการเช่าที่ดินสาธารณะ เมื่อมองในด้านผลประโยชน์ที่ตกกับประชาชนในวงกว้างก็ย่อมถือว่ามีมากกว่า โดยเฉพาะกับเกษตรกรที่ไร้ที่ทำกินและยากจนทั่วประเทศ

สามารถสร้างหลักประกันในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากมีสัญญาเช่ากับรัฐ หรือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นระยะเวลาที่แน่นอน สามารถวางแผนในการปลูกพืชได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งหากได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง ก็ย่อมทำให้เกษตรกรเหล่านั้นลืมตาอ้าปากได้

และที่สำคัญโครงการนี้ย่อมต้องได้รับการสนับสนุนจากเกษตรทั่วไปอย่างแน่นอน

ส่วนเสียงทักท้วงซึ่งมีทั้งประเภทหวังดีและประเภท “ตีรวน” ต่อรองทำนอง “เมื่อโครงการของกูไม่ผ่าน ของเอ็งก็อย่าหวังว่าจะผ่าน” อะไรประมาณนี้ หรือมีการยกตัวอย่างในเรื่องของ “นายทุนจะครอบงำ” หรือเกรงว่าจะซ้ำรอยโครงการ ส.ป.ก.4-01 อันอื้อฉาวของประชาธิปัตย์ในอดีตนั้น แม้ว่าน่ารับฟัง และมีเหตุมีผลก็จริง

แต่ปัญหาดังกล่าวก็น่าจะแก้ไขได้ไม่ยาก หากมีความตั้งใจจริง และเปิดโอกาสให้สังคม และหลายหน่วยงานเข้าไปร่วมตรวจสอบอย่างโปร่งใส

ไม่ใช่พอถูกท่าทางขึงขังตีรวนของพวกนักเลือกตั้งบางกลุ่มที่ถูกขัดขวางโครงการทุจริตแล้วส่ออาการ “ใจฝ่อ” ถอดใจไม่ยอมผลักดันต่อ ทั้งที่เป็นโครงการที่ดีและน่าสนับสนุน เพราะเกิดประโยชน์กับคนด้อยโอกาสจำนวนมาก

อย่างไรก็ดีขึ้นอยู่กับ นายกรัฐมนตรีว่าจะใช้ความกล้าหาญยืนยันหลักการความถูกต้องได้อย่างถูกกาลเทศะหรือไม่ เนื่องจากเวลานี้สังคมเกิดความเบื่อหน่ายกับพวกนักการเมืองที่เอาแต่แย่งผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของประชาชนเต็มทีแล้ว

และนี่เป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญอีกครั้งของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ !!

กำลังโหลดความคิดเห็น