“เพื่อนเนวิน” อยากได้อะไรก็ต้องได้ !?

เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย หรือหากพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ “กลุ่มเพื่อนเนวิน” กำลังถือดุลอำนาจค้ำยันรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่นั่นเอง ซึ่งนับวันจะยิ่งรุกคืบเข้ามา เรื่อยๆ จะปฏิเสธความจริงในข้อ นี้ไปไม่ได้เป็นอันขาด

กรณีที่ประชุมพรรคภูมิใจไทย มีมติเมื่อวานนี้(21 พ.ค.) ขับไล่ ชาติชาย พุคยาภรณ์ พร้อมทั้งเอาโควตารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแบ่งสันกันใหม่ แบบฉับพลันทันด่วน ไม่ไว้หน้า ทั้งที่ขอซื้อเวลา ขอความเมตตา เพื่อนั่งทำใจและเก็บข้าวเก็บของแค่ถึงสิ้นเดือนนี้ก็ยังไม่ได้

มันทั้งเจ็บทั้งอาย เจ็บปวดจนบรรยายไม่ถูก !!

ไม่น่าเชื่อคนที่เป็นถึงระดับรัฐมนตรี เป็นผู้บริหารระดับประเทศ แต่กลับถูกลงมติขับไล่ ซึ่งถ้าพูดกันแบบชาวบ้านหยาบๆก็คือถูกไล่ “เหมือนหมู-เหมือนหมา” ไม่มีผิด ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่งถือว่าผิดปกติอย่างร้ายแรง

แต่อีกด้านหนึ่งชี้ให้เห็นว่า ในพรรคภูมิใจไทย นาทีนี้อยู่ในมือของ “เพื่อนเนวิน” อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว และแสดงโชว์ให้คนอื่นได้เห็น ข่มขู่ไปในตัวด้วยว่า “อย่าเอาใจออกห่าง” เป็นอันขาด ทำนองว่าเมื่อถูกดันขึ้นมานั่งเก้าอี้ได้ ก็ต้อง “กระชาก” ลงมาได้เช่นเดียวกัน

เพื่อให้เห็นภาพต้องย้อนดูที่มาที่ไปของ ชาติชาย สักเล็กน้อย เพราะหากเอ่ยชื่อคนๆนี้เชื่อว่าจะมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า เขาเป็นนักธุรกิจด้านการศึกษา เป็นทายาทเจ้าของมหาวิทยาลัยศรีปทุม และถือว่าเป็น “นายทุน” กระเป๋าหนักคนหนึ่ง จนพรวดพราดเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในโควตาของ “สรอรรถ กลิ่นประทุม” ในฐานะประธานภาคกลาง ของพรรคภูมิใจไทย

แต่จะด้วยที่ไม่รู้ธรรมเนียมการเมือง ต้องปฏิสัมพันธ์กับ ส.ส.ในพรรค และที่สำคัญ “ต้องจ่าย” อย่างต่อเนื่อง ทำนอง “ใจถึง-พึ่งได้” เมื่อออกมาในทางตรงกันข้ามมันก็ต้องไป

ถ้าจะนำเรื่องผลงานมาอ้างถึงเพื่อเหตุผลในการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น สำหรับพรรคภูมิใจไทยก็ต้องถูกอัปเปหิกันทั้งพรรคตั้งแต่หัวหน้าพรรคคือ ชวรัตน์ ชาญวีระกูล ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปจนถึงเลขาธิการพรรคคือ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ดังนั้นจึงต้องตั้งคำถามดังๆว่ามีผลงานเพื่อพรรค หรือกลุ่ม หรือเพื่อประชาชาชนกันแน่ !!

ขณะเดียวกันหากโฟกัสเฉพาะในพรรคภูมิใจไทยแล้วก็ต้องย้ำกันอีกครั้งว่า “กลุ่มเพื่อนเนวิน” มีอิทธิพลสูงสุด

เพราะการกดดันให้ปรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็มาจากกลุ่ม “เพื่อนเนวิน” ล้วนๆ

หากย้อนผลงานในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็ย่อมเป็นเครื่องการันตีได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการย้ายการบินไทยเที่ยวบินในประเทศไปอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว แม้จะมีเสียงทักท้วงจากนายกรัฐมนตรีให้รอผลศึกษาผลกระทบ ผลได้ผลเสียให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โสภณ ซารัมย์ ในสังกัดกลุ่มดังกล่าวก็ไม่สนใจ

เดินหน้าเอาจนได้ !!

กรณีขายข้าวในสต๊อก 2 ล้านตัน ที่มีข้อพิรุธและมีเสียงท้วงติงเรื่องการประมูลของบริษัทเอกชน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พรทิวา นาคาศัย จากพรรคภูมิใจไทยก็ยังลุยต่อ

หรือแม้กรณีระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4.4 แสนตัน และล่าสุดโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันมูลค่าเกือบ 7 หมื่นล้านบาทของกระทรวงคมนานม ที่ถูกนายกรัฐมนตรีเบรกในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและให้นำกลับไปทบทวนใหม่ แต่สุดท้ายเชื่อว่าทุกอย่างก็จะลงอีหรอบเดิม นั่นคือสิ่งไหนที่อยากได้ก็ต้องได้

เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย หรือหากพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ “กลุ่มเพื่อนเนวิน” กำลังถือดุลอำนาจค้ำยันรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่นั่นเอง ซึ่งนับวันจะยิ่งรุกคืบเข้ามา เรื่อยๆ จะปฏิเสธความจริงในข้อ นี้ไปไม่ได้เป็นอันขาด

ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่งคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่มักออกมาคัดค้านโครงการที่ไม่ชอบมาพากล หรือสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็นดังกล่าวมาทั้งหมด แต่ในที่สุดทุกอย่างต้องทำตามใจ “เพื่อนเนวิน” ทั้งสิ้น

ดังนั้นหากยังอยู่ในสภาพดังกล่าวต่อไป เชื่อว่าอีกไม่นานประชาชนก็จะเสื่อมศรัทธารัฐบาล และรวมไปถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะดูเหมือนว่าคำพูดที่คัดค้าน หรือสั่งให้ทบทวนแต่ละโครงการนั้นเป็นเพียงความหมายเพื่อสร้างภาพให้ดูดีทางการเมืองหรือไม่

เพราะหากพิจารณาในละเอียดก็ดูเหมือนว่าไม่ได้จริงจังมากนัก และต้องการซื้อเวลาเพื่ออยู่ในตำแหน่งให้นานที่สุดเท่านั้น !!