xs
xsm
sm
md
lg

พท.เสนอ 5 ข้อ รบ.กระตุ้นเศรษฐกิจ เหน็บอย่ากู้เงินเข้ากระเป๋า ครม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
“เพื่อไทย” ได้ทีทำเสนอรัฐบาล 5 ข้อกระตุ้นเศรษฐกิจ อ้างช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เหน็บอย่าเพียงกู้เงินมาให้เงินอยู่ในกระเป๋า ครม. ไม่ใช่กระเป๋าของประเทศ ซัดออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงินเพียงหวังกัน “ภูมิใจไทย” ต่อรอง

วันนี้ (27 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 11.30 น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทของรัฐบาลว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยขอเสนอ ดังนี้ 1.ให้รัฐบาลดำเนินการลดช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝากให้ต่างกันเพียง 3-4% เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น 2.ทำให้ค่าเงินบาทอยู่ระหว่าง 37-40 บาท เพราะหากค่าเงินบาทแข็งนั้นจะดีเฉพาะคนที่เอาเงินไทยไปลงทุนต่างประเทศ แต่การทำธุรกิจภายในประเทศจะเสียประโยชน์ 3.การลงทุนของภาครัฐต้องลงทุนในสิ่งที่เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ไม่ใช่เข้ากระเป๋ากลุ่มเพื่อนฝูงหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 4.การส่งออกสินค้าเกษตร รัฐบาลต้องขายให้เป็น เพราะเป็นรายได้หลักที่จะเข้าประเทศ ดังนั้น ต้องใช้ความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย และ5.ควรลงทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ต้องดูว่าจะลงทุนอย่างไรจึงจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยได้

ด้าน นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การกู้เงินเพื่อนำมาใช้หากไม่มีเงินนั้นไม่มีใครขวาง แต่เงินที่จะกู้นั้นไม่ได้อยู่ในกระเป๋าของประเทศ แต่อยู่ในกระเป๋าของ ครม. เพราะทราบมาว่ามีการตั้งคณะบุคคลมาดูแลเงินก้อนนี้ ซึ่งทางกฎหมายไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ หากเกิดการทุจริตขึ้นเราทำได้อย่างมากก็เพียงแค่ไปฟ้อง แต่ไม่สามารถไปป้องกันหรือควบคุมการใช้จ่ายได้เลย ดังนั้น การออก พ.ร.ก.กู้เงินพรรคเพื่อไทยจึงจำเป็นต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม นอกจากนี้ การทำงบประมาณติดลบยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ และอยากถามรัฐบาลว่ามีเงินซ่อนไว้นอกงบประมาณด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นเงินที่เอามาจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทนั่นเอง ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อประเทศและวินัยทางการเงินการคลัง

นายประเกียรติกล่าวด้วยว่า ส่วนหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยอมใช้วิธีการออก พ.ร.บ.กู้เงินแต่กลับออกเป็น พ.ร.ก.นั้นเนื่องจากปัญหาภายในของรัฐบาล เพราะพรรคประชาธิปัตย์กลัวว่าหากออกเป็น พ.ร.บ.ที่จะต้องผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรนั้นจะทำให้อำนาจตกไปอยู่ในมือของกลุ่มเพื่อนเนวิน และพรรคภูมิใจไทย ที่สามารถต่อรองได้ทั้งโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ไปจนถึงโครงการระบายข้าวโพดในสต๊อกของรัฐบาล และโครงการระบายข้าวเจ้าในสต๊อกของรัฐบาลที่จะทำให้พรรคภูมิใจไทยขยายฐานทางการเมืองในอนาคตได้อีกด้วย ในขณะที่หากออกเป็น พ.ร.ก.นั้นอำนาจจะอยู่ที่ ครม. และนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องสนใจเสียงในสภาฯ ของกลุ่มเพื่อนเนวิน
กำลังโหลดความคิดเห็น