ASTVผู้จัดการรายวัน- หอการค้าร่วมต่างประเทศเสนอให้ไทยพลิกวิกฤติศก.ให้เป็นโอกาสด้วยการเปิดเสรีภาคบริการ หลังประสบความสำเร็จเปิดเสรีการผลิตแล้วเพื่อดึงทุนต่างชาติให้มากขึ้น พร้อมเสนอต่อนายกฯกลางเดือนก.ค.นี้ ขณะที่ต่างชาติหวั่นการผลักดัน พรบ.ค้าปลีกออกมาในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยและกระทบความเชื่อมั่นการลงทุนของต่างชาติ
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยหลังเป็นประธานการหารือร่วมกันระหวางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)และหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย(JFCCT) วานนี้(22มิ.ย.) ว่า หอการค้าร่วมต่างประเทศได้เสนอให้ไทยมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ภายใต้วิกฤติที่ชะลอตัวเพื่อเปิดให้มีการลงทุนในประเทศมากขึ้นด้วยการเปิดเสรีภาคบริการ
“ ไทยเองก็เปิดเสรีการค้าแล้ว การลงทุนก็จะต้องดูเพราะอาชีพบางอย่างได้สงวนไว้สำหรับคนไทยแต่ละประเทศเขาก็สงวนไว้เช่นกัน เว้นบางธุรกิจหากเกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่ายก็อาจพิจารณาซึ่งทุกอย่างต้องหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”นายชาญชัยกล่าว
นายนันดอร์ วอน เดอ ลูว์ ประธานJFCCT กล่าวว่ากลางเดือนก.ค.จะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีของไทยเพื่อเสนอแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยซึ่งที่ผ่านมาไทยประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการเปิดเสรีภาคการผลิตแล้วจำเป็นที่จะต้องเปิดเสรีภาคบริการเพื่อปฏิรูประบบเศรษฐกิจของไทยในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจนี้ในการดึงดูดการลงทุนเพราะคู่แข่งทางการค้าไทยเองก็มีการปรับตัวในเรื่องนี้เช่นกัน
“ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวก็เปรียบเหมือนกระดูกสันหลังของไทยซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการผ่อนผันให้ต่างชาติถือหุ้นข้างมากได้ในหลายประเภทกิจการแต่บัญชี 3 น่าจะเปิดกว้างกว่านี้ คือทำไมไม่เปิดเสรีภาคบริการไปเลยเห็นว่าธุรกิจคนไทยก็เข้มแข็งมากพอซึ่งควรจะให้หลากหลายไม่ใช่เปิดแค่ภาคการเงิน การธนาคารเอง การโฆษณา ก็ควรแต่ธุรกิจการบริการบางอย่างไม่ได้ระบุไว้แต่กำหนดไว้ในมาตรา 21 วรรค 3 คือธุรกิจบริการอื่นๆ ซึ่งกว้างเกินไป “นายนันดอร์กล่าว
อย่างไรก็ตามอาชีพสงวนสำหรับคนไทยที่ถูกจัดไว้ในบัญชี 1 คือห้ามต่างชาติทำเลยนั้นมีความจำเป็นเช่น อาชีพทำนาซึ่งเข้าใจหากจะต้องสงวนไว้โดยหอการค้าร่วมต่างประเทศไม่ได้ติดใจในจุดนี้หากไทยจะไม่เปิดเสรีเพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวแต่เห็นว่าหากธุรกิจใดที่มีความพร้อมและจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยเองก็ควรจะมีการพัฒนาและกำหนดเวลาให้ชัดเจนในการเปิดเสรีเพราะในที่สุดแล้วประเทศอื่นๆ หากมีการดำเนินงานไทยก็อาจจะไม่พร้อมเมื่อถึงเวลานั้น
นายนานดอร์กล่าวว่า สำหรับอุปสรรคต่อการลงทุนในประเทศไทยปัจจุบันยังมีอยู่ 2 ปัจจัยคือ วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีผลกระทบต่อปัญหาทางด้านการเงิน และ ปัญหาจากการเมืองไทย ที่แม้วาขณะนี้จะมีความสงบลงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดปัญหาอีก ซึ่งภาคการลงทุนจะต้องมองระยะยาวไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์ระยะสั้นได้
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอกล่าวว่า บีโอไอได้ลดอุปสรรคในการดำเนินกิจการให้แก่นักลงทุนต่างชาติด้วยการจัดตั้งวันสตาร์ทวันสต็อปเซอร์วิสเซ็นเตอร์ หรือ OSOS ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งจะเป็นจุดให้บริการนักลงทุนแบบเบ็ดเสร็จได้ ขณะเดียวกันจะได้มีพิจารณาข้อเสนอเอกชนที่ให้ทบทวนสิทธิประโยชน์ของบริษัทแม่ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเฉพาะสำหรับโลจิสติกส์ ให้ได้รับสิทธิ์เหมือนอยู่ในเขตอุตสาหกรรม
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการค้าปลีกฯ กล่าวถึงนโยบายการผลักดันกฎหมายค้าปลีกของรัฐบาลที่จะผลักดันออกมาว่าขณะนี้ว่ายังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ รัฐบาลเองก็พยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโต และสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างชาติเพื่อดึงเม็ดเงินกลับเข้ามาลงทุนในประเทศ แต่จะออกกฎหมายมาควบคุมค้าปลีก และปัญหาความชัดเจนของกฎหมายค้าปลีกฯต้องมีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ เนื่องจากสาระของเนื้อหาที่ผ่านมาเป็นการให้อำนาจกับคณะกรรมการชุดหนึ่ง สามารถทำอะไรได้หลายอย่างซึ่งถือว่ามีอำนาจมากซึ่งประเด็นนี้ต้องระมัดระวัง เพราะหากไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการก็จะทำให้ต่างชาติไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในเมืองไทย จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาให้รอบคอบและเหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เป็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่กำลังจะส่อแววที่จะเงยหัวขึ้นในช่วงไตรมาส3-4 ของปีนี้
"การผลักดันกฎหมายค้าปลีกฯออกมาตอนนี้จะมีผลกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติอย่างแน่นอน นักลงทุนต่างชาติกำลังจับตามองเรื่องความเป็นธรรมของการค้าเสรี ซึ่งหากผลักดันออกมาตอนนี้เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน "แหล่งข่าวคนเดียวกัน กล่าว
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยหลังเป็นประธานการหารือร่วมกันระหวางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)และหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย(JFCCT) วานนี้(22มิ.ย.) ว่า หอการค้าร่วมต่างประเทศได้เสนอให้ไทยมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ภายใต้วิกฤติที่ชะลอตัวเพื่อเปิดให้มีการลงทุนในประเทศมากขึ้นด้วยการเปิดเสรีภาคบริการ
“ ไทยเองก็เปิดเสรีการค้าแล้ว การลงทุนก็จะต้องดูเพราะอาชีพบางอย่างได้สงวนไว้สำหรับคนไทยแต่ละประเทศเขาก็สงวนไว้เช่นกัน เว้นบางธุรกิจหากเกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่ายก็อาจพิจารณาซึ่งทุกอย่างต้องหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”นายชาญชัยกล่าว
นายนันดอร์ วอน เดอ ลูว์ ประธานJFCCT กล่าวว่ากลางเดือนก.ค.จะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีของไทยเพื่อเสนอแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยซึ่งที่ผ่านมาไทยประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการเปิดเสรีภาคการผลิตแล้วจำเป็นที่จะต้องเปิดเสรีภาคบริการเพื่อปฏิรูประบบเศรษฐกิจของไทยในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจนี้ในการดึงดูดการลงทุนเพราะคู่แข่งทางการค้าไทยเองก็มีการปรับตัวในเรื่องนี้เช่นกัน
“ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวก็เปรียบเหมือนกระดูกสันหลังของไทยซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการผ่อนผันให้ต่างชาติถือหุ้นข้างมากได้ในหลายประเภทกิจการแต่บัญชี 3 น่าจะเปิดกว้างกว่านี้ คือทำไมไม่เปิดเสรีภาคบริการไปเลยเห็นว่าธุรกิจคนไทยก็เข้มแข็งมากพอซึ่งควรจะให้หลากหลายไม่ใช่เปิดแค่ภาคการเงิน การธนาคารเอง การโฆษณา ก็ควรแต่ธุรกิจการบริการบางอย่างไม่ได้ระบุไว้แต่กำหนดไว้ในมาตรา 21 วรรค 3 คือธุรกิจบริการอื่นๆ ซึ่งกว้างเกินไป “นายนันดอร์กล่าว
อย่างไรก็ตามอาชีพสงวนสำหรับคนไทยที่ถูกจัดไว้ในบัญชี 1 คือห้ามต่างชาติทำเลยนั้นมีความจำเป็นเช่น อาชีพทำนาซึ่งเข้าใจหากจะต้องสงวนไว้โดยหอการค้าร่วมต่างประเทศไม่ได้ติดใจในจุดนี้หากไทยจะไม่เปิดเสรีเพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวแต่เห็นว่าหากธุรกิจใดที่มีความพร้อมและจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยเองก็ควรจะมีการพัฒนาและกำหนดเวลาให้ชัดเจนในการเปิดเสรีเพราะในที่สุดแล้วประเทศอื่นๆ หากมีการดำเนินงานไทยก็อาจจะไม่พร้อมเมื่อถึงเวลานั้น
นายนานดอร์กล่าวว่า สำหรับอุปสรรคต่อการลงทุนในประเทศไทยปัจจุบันยังมีอยู่ 2 ปัจจัยคือ วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีผลกระทบต่อปัญหาทางด้านการเงิน และ ปัญหาจากการเมืองไทย ที่แม้วาขณะนี้จะมีความสงบลงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดปัญหาอีก ซึ่งภาคการลงทุนจะต้องมองระยะยาวไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์ระยะสั้นได้
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอกล่าวว่า บีโอไอได้ลดอุปสรรคในการดำเนินกิจการให้แก่นักลงทุนต่างชาติด้วยการจัดตั้งวันสตาร์ทวันสต็อปเซอร์วิสเซ็นเตอร์ หรือ OSOS ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งจะเป็นจุดให้บริการนักลงทุนแบบเบ็ดเสร็จได้ ขณะเดียวกันจะได้มีพิจารณาข้อเสนอเอกชนที่ให้ทบทวนสิทธิประโยชน์ของบริษัทแม่ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเฉพาะสำหรับโลจิสติกส์ ให้ได้รับสิทธิ์เหมือนอยู่ในเขตอุตสาหกรรม
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการค้าปลีกฯ กล่าวถึงนโยบายการผลักดันกฎหมายค้าปลีกของรัฐบาลที่จะผลักดันออกมาว่าขณะนี้ว่ายังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ รัฐบาลเองก็พยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโต และสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างชาติเพื่อดึงเม็ดเงินกลับเข้ามาลงทุนในประเทศ แต่จะออกกฎหมายมาควบคุมค้าปลีก และปัญหาความชัดเจนของกฎหมายค้าปลีกฯต้องมีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ เนื่องจากสาระของเนื้อหาที่ผ่านมาเป็นการให้อำนาจกับคณะกรรมการชุดหนึ่ง สามารถทำอะไรได้หลายอย่างซึ่งถือว่ามีอำนาจมากซึ่งประเด็นนี้ต้องระมัดระวัง เพราะหากไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการก็จะทำให้ต่างชาติไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในเมืองไทย จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาให้รอบคอบและเหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เป็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่กำลังจะส่อแววที่จะเงยหัวขึ้นในช่วงไตรมาส3-4 ของปีนี้
"การผลักดันกฎหมายค้าปลีกฯออกมาตอนนี้จะมีผลกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติอย่างแน่นอน นักลงทุนต่างชาติกำลังจับตามองเรื่องความเป็นธรรมของการค้าเสรี ซึ่งหากผลักดันออกมาตอนนี้เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน "แหล่งข่าวคนเดียวกัน กล่าว
