xs
xsm
sm
md
lg

แดปเปอร์รุกอเมริกาปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - แดปเปอร์กางแผนปักธงตลาดโลก เตรียมรุกเปิดช็อปเวสต์โคสในอเมริกา ชูกลยุทธ์ครองใจผู้บริโภคด้วยจุดเด่นดีไซน์สไตล์ศิลป์

นายศิริชัย ศรีไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แดพเพอร์ เจ็นเนอรัล อะแพเร็ล จำกัด เปิดเผยว่า “แดปเปอร์ได้ดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลายาวนานกว่า 30 ปี โดยเราเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป (Ready-to-wear) เข้าสู่ตลาด นับเป็นการจุดประกายแฟชั่นเสื้อผ้ารูปแบบใหม่ที่มอบความสะดวกสบายในการใช้งานและประหยัดเวลาในการซื้อหา จนได้รับกระแสความนิยมเป็นอย่างสูง จนแดปเปอร์สามารถนำพาธุรกิจเติบโตสู่ความสำเร็จได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี จวบจนปัจจุบันแดปเปอร์ได้รักษาบทบาทในฐานะแบรนด์เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่นำสมัยและอยู่ในใจของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยจุดเด่นของแดปเปอร์อยู่ที่งานดีไซน์ที่ดูดีมีสไตล์ การใช้วัสดุคุณภาพสูงในการตัดเย็บ และการบริการที่อบอุ่นเพื่อสร้างความประทับใจและประสบการณ์ที่ดีต่อลูกค้า แดปเปอร์ได้ยึดถือจุดยืนความเป็นตัวตนในการเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ไม่หยุดนิ่ง เป็นผู้นำด้านแฟชั่นอย่างมีชั้นเชิงและมีการปรับเปลี่ยนตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและใช้งานได้จริง อีกทั้งยังไม่ลืมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาความเหมาะสมในการใช้งานและสไตล์ที่ไม่จำเป็นต้องสวนทางกับความเป็นตัวของตัวเอง นอกจากจะเป็นเครื่องแต่งกายลำลองที่ทันสมัยและเชื่อถือได้ด้วยฝีมือการตัดเย็บอันประณีตแล้ว แดปเปอร์ยังผสานความมีรสนิยมในแบบฉบับยุโรปเข้ากับความสามารถในด้านการผลิตของฝั่งเอเชียไว้ได้อย่างลงตัว”

ปัจจัยที่ผลักดันให้แดปเปอร์ประสบความสำเร็จอยู่ตรงที่ความมีเอกลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) อย่างชัดเจนด้วย “ดีไซน์สไตล์งานศิลป์” อันเป็น “ดีเอ็นเอ” ของแดปเปอร์ที่มีความชัดเจนในรูปแบบการผสานความเป็นอาร์ตและแฟชั่นดีไซน์เชิงสร้างสรรค์ (Artistic Fashion Design Creativity) บนจุดยืนของ “ความพอดี ไม่มากไม่น้อย” บวกกับคุณภาพการตัดเย็บและการใช้วัสดุที่พิถีพิถันอย่างกลมกลืน ทำให้ผู้บริโภคสามารถสวมใส่ได้ในทุกกาละและโอกาสอย่างมั่นใจและมีความสุข โดยมีผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า 3 กลุ่ม คือ 1) DAPPER Men คอลเลคชั่นเสื้อผ้าแฟชั่นและชุดสูทสำเร็จรูปชั้นเยี่ยมสำหรับผู้ชายในสไตล์ “อิตาเลี่ยน คัท” และแอ็คเซสเซอรี่ ทั้งเข็มขัด หมวก เน็คไท นาฬิกา กระเป๋าแบบต่างๆ และกระเป๋าสตางค์ 2) DAPPER Women คอลเลคชั่นเสื้อผ้าสมัยใหม่สำหรับผู้หญิง เน้นดีไซน์คลาสสิคประยุกต์รูปทรงเรขาคณิตและเครื่องประดับต่างๆ เช่น กระเป๋าถือ เข็มขัด กระเป๋าสตางค์ และสร้อยคอ และ 3) DAPPER Footwear ที่หลากหลายด้วยคอลเล็คชั่นรองเท้าดีไซน์เฉียบสำหรับบุรุษและสตรี โดยรองเท้าสำหรับบุรุษมีตั้งแต่ลุคแบบรองเท้ากีฬาไปจนถึงแบบสตรีทแวร์ มีจุดเด่นที่การตัดเย็บจากหนังแท้เพื่อความสบายในการสวมใส่และสไตล์การออกแบบที่ดูดีมีระดับ เน้นความเรียบง่ายสะอาดตาและการขึ้นรูปแบบไร้ตะเข็บ ส่วนรองเท้าสตรีเป็นการเชื่อมโยงระหว่างความสนุกสนานของแอ็คเซสเซอรี่สีสันสดใสเข้ากับความสมดุล ด้านดีไซน์และการใช้งาน โดยแดปเปอร์เป็นแบรนด์รองเท้าที่ทำตลาดภายใต้แบรนด์เนมของบริษัทในประเทศอิตาลีและใช้นักออกแบบรองเท้าชื่อดังชาวอิตาเลี่ยนในการทำคอลเล็คชั่นพิเศษสำหรับวางจำหน่ายในตลาดยุโรป

ล่าสุดแดปเปอร์ยังประสบความสำเร็จในฐานะแบรนด์ยอดเยี่ยมแห่งปี โดยได้คว้ารางวัลอันทรงเกียรติจาก ซุปเปอร์แบรนด์สหราชอาณาจักร (Superbrands UK) ปี 2008-2009 จากความมุ่งมั่นในการทำงานอย่างทุ่มเทมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน โดยแดปเปอร์มีแนวทางการทำตลาดด้วยกลยุทธ์ 4 ด้าน เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 1) กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ (Product-Oriented) นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้านงานดีไซน์อย่างแตกต่างไม่เหมือนใคร โดยในแต่ละปีแดปเปอร์จะออกคอลเล็คชั่นใหม่ประมาณ 3 ซีซั่นรวมถึงคอลเล็คชั่นพิเศษที่นำแนวโน้มกระแสแฟชั่นโลกมาประยุกต์ในสไตล์ของแดปเปอร์ 2) กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดครบวงจร (Integrated Marketing Communications - IMC) ภายใต้งบการตลาดและส่งเสริมการขาย โดยแบ่งเป็นกิจกรรมอะโบฟเดอะไลน์ 20% และ บีโลว์ เดอะไลน์ 80% 3) กลยุทธ์ด้านลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relations Management - CRM) จากการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลสมาชิกของแดปเปอร์ที่มีอยู่กว่า 30,000 คนในปัจจุบัน และ 4) กลยุทธ์การตกแต่ง Display หน้าร้านที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของแดปเปอร์ โดยจะมี “ไซเบอร์ สไตล์ลิสต์” ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์อัจริยะทำหน้าที่บริการลูกค้าเกี่ยวกับ “ดีไซน์” ที่เหมาะกับแต่ละบุคคลในทุกแบบทุกสไตล์ พร้อมการบริการที่อบอุ่นและน่าประทับใจจากพนักงานจำหน่ายภายในแดปเปอร์ช็อปทุกสาขา

ด้วยศักยภาพการเติบโตของแบรนด์แดปเปอร์ ทำให้ปัจจุบันบริษัทได้ขยายกิจการครอบคลุมไปทั่วประเทศโดยมีแดปเปอร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ช็อป (DAPPER Exclusive Shop) จำนวน 10 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และกำลังจะเปิดช็อปใหม่ที่จังหวัดขอนแก่นภายในสิ้นปีนี้ รวมทั้งสิ้นเป็น 12 แห่ง นอกจากนี้ยังมีแดปเปอร์ ฟุตแวร์ ช็อป (DAPPER Footwear Shop) จำนวน 4 แห่งตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ และจุดจำหน่ายตามห้างเซ็นทรัล โรบินสัน และเดอะมอลล์ที่เรียกว่า ‘แดปเปอร์ คอร์เนอร์’ (DAPPER Corner) ประมาณ 70 จุดทั่วประเทศ นอกจากการขยายสาขาในประเทศไทยแล้ว แดปเปอร์ยังมีจุดขายในต่างประเทศทั่วโลก ได้แก่ สหราชอาณาจักร อิตาลี สวีเดน ฟินแลนด์ ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังเป็นที่สนใจเป็นอย่างมากในตลาดจีนและญี่ปุ่น โดยแดปเปอร์มีแผนที่จะขยายไปยังเวสโคสต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาภายในปี 2553 เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น

“แดปเปอร์ยังคงนำเสนอคอลเล็คชั่นใหม่ๆ ที่มีความสร้างสรรค์ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และมุ่งเน้นการรณรงค์ลดโลกร้อน ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจของแดปเปอร์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยตลอดระยะเวลา 3 ทศวรรษที่ผ่านมานี้ แดปเปอร์ได้มีพัฒนาการเกี่ยวกับการสร้างการรับรู้และต่อต้านผลกระทบอันเลวร้ายจากสภาวะโลกร้อน โดยได้เปลี่ยนมาใช้ถุงบรรจุผลิตภัณฑ์ในช็อปแดปเปอร์ที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล รวมถึงลดขนาดของหน้าโบรชัวร์ที่ทำจัดส่งให้สมาชิกลงเกือบ 40% เพื่อช่วยลดการใช้กระดาษ และได้นำแนวคิดเรื่องภาวะโลกร้อนมาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์เสื้อผ้าแฟชั่นในค็อลเลคชั่นที่ ‘ใช้งานได้ทั้งสองด้าน’ (Reversible Collection) ประกอบด้วยกระเป๋า เสื้อยืด และเสื้อแจ๊คเก็ต ซึ่งนอกจากจะสามารถเลือกสวมใส่หรือใช้งานได้ทั้งสองด้านแล้ว ยังได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นจากการลดขั้นตอนในการผลิตโดยรวม นอกจากนี้ยังมีคอลเล็คชั่น ‘รณรงค์การงดสูบบุหรี่’ ที่มีเนื้อหาการช่วยสร้างสรรค์สังคม บนรายละเอียดตัวเสื้อและกระเป๋าที่โดนใจผู้ชื่นชอบผลงานที่แฝงแนวคิดเชิงสร้างสรรค์” นายศิริชัยกล่าวสรุป
กำลังโหลดความคิดเห็น