ASTVผู้จัดการรายวัน – ททท.จับมือ ส.ศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย ลุยโรดโชว์แดนกิมจิ เหตุ 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเกาหลีบุกหนัก แต่รัฐบาลไทยกลับมองไม่เห็นคุณค่า ทั้งที่บริการทางการแพทย์โกยรายได้เข้าประเทศได้กว่าปีละกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท “วีระศักดิ์”สบช่อง ใช้บริการทางการแพทย์
ต่อยอดดึงกลุ่มนีชมาร์เก็ต ปั้นยอดนักท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบุคลิกภาพเชิงรุกอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการเชิญชวนให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำศัลยกรรมเสริมบุคลิกภาพที่ประเทศไทย ชูจุดขายที่ทีมแพทย์ศัลยกรรมผู้เชี่ยวชาญ และอัตราค่าบริการที่ถูกกว่าประเทศอื่นๆ ล่าสุดได้ใช้โอกาสที่สมาคมศัลยกรรมฯนี้ได้เดินทางไปประชุมทางวิชาการที่ประเทศเกาหลี ททท.จึงให้การสนับสนุนจัดงาน THAILAND PLASTIC ROAD SHOW 2009 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี ในวันที่ 22 มิ.ย.52
ทั้งนี้กลยุทธ์ของ ททท.คือต้องการขยายตลาดศัลยกรรมให้มากกว่าประโยชน์เพื่อความสวยงาม โดยที่มุ่งเจาะตลาดเกาหลีเป็นอันดับแรก เพราะจากปัญหาทางการเมืองของประเทศไทย และภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลตลาดเกาหลี 3 เดือนแรกลดลง
49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
***เจาะตลาดเกาหลีโกยปีนี้450 ลบ.*****
การบุกจับตลาดศัลยกรรมเสริมความงามและบุคลิกภาพในตลาดเกาหลีครั้งนี้ จะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากประเทศเกาหลี ให้เดินทางมาประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลังนี้ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำเสนอบริการทั้งในรูปแบบแพกเกจทำศัลยกรรม และท่องเที่ยวในระหว่างพักฟื้นที่ประเทศไทย ตั้งเป้าจะได้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ 3,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 450
ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเฉลี่ยต่อคนต่อครั้งที่ 150,000 บาท มีวันพักเฉลี่ย 7 วัน
ความสามารถของแพทย์ไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นที่รู้จักมานานแล้ว แต่ขาดการโปรโมทและสนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควรครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานของรัฐได้เข้าไปช่วยสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม
“เราจะต่อยอด ด้วยการทำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งในมิติของอาหารการกินที่มีสวนผสมของสมุนไพร การนั่งสมาธิ และวิธีปฎิบัติในเชิงพุทธศาสนา เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้มาสงบจิตใจ สร้างสมาธิ เพื่อจะได้กลับไปทำงานต่อได้อย่างสดชื่น”
อย่างไรก็ตามการบริการทางการแพทย์ของไทย เป็นที่ยอมรับทั้งในตลาดเอเชียและยุโรป ด้วยบริการที่ดี และราคาเหมาะสม สามารถสร้างรายได้เพิ่ม โดยใน ปี 2550 มีต่างชาติเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลไทยจำนวน 1.4 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 3.6 หมื่นล้านบาท เป็นตัวเลขที่เติบโตจากปี 2546 ในด้านจำนวน 44% ด้านรายได้ 48%
***คุยแพทย์ไทยเจ๋งกว่าบุกทวงแชมป์คืน*****
นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยเป็นประเทศเป้าหมายที่กลุ่มทำศัลยกรรมนิยมเดินทางเข้ามาใช้บริการ ลูกค้าหลักเป็นตลาดเอเชีย เช่น สิงคโปร์ เกาหลี ฮ่องกง กัมพูชา มาเลเซีย แต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลประเทศเกาหลีเริ่มหันมาให้ความสนใจส่งเสริมอุตสาหกรรมศัลยกรรมเพื่อความงามในประเทศเกาหลี พร้อมผลักดันให้เกาหลีเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงแพทย์แห่งใหม่ในเอเชีย เพื่อแข่งขันกับประเทศไทย
ข้อบกพร่องของไทยคือขาดการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง ซึ่งการหันมาโปรโมตบริการศัลยกรรมความงามของประเทศไทย นอกจากดึงต่างชาติเข้ามาใช้บริการแล้วยังเพื่อต้องการให้คนไทยหันกลับมาใช้บริการฝีมือแพทย์ไทยซึ่งดีและถูกกว่าเกาหลี
โดยล่าสุดเตรียมเพิ่มบริการในส่วนของการรับประกันหลังการทำ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น โดยอัตราค่าบริการเริ่มตั้งแต่หลัก หมื่นบาทไปถึงหลักแสนบาท แต่ก็ถูกกว่า ประเทศเกาหลี และอเมริกาหลายเท่าตัว
ต่อยอดดึงกลุ่มนีชมาร์เก็ต ปั้นยอดนักท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบุคลิกภาพเชิงรุกอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการเชิญชวนให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำศัลยกรรมเสริมบุคลิกภาพที่ประเทศไทย ชูจุดขายที่ทีมแพทย์ศัลยกรรมผู้เชี่ยวชาญ และอัตราค่าบริการที่ถูกกว่าประเทศอื่นๆ ล่าสุดได้ใช้โอกาสที่สมาคมศัลยกรรมฯนี้ได้เดินทางไปประชุมทางวิชาการที่ประเทศเกาหลี ททท.จึงให้การสนับสนุนจัดงาน THAILAND PLASTIC ROAD SHOW 2009 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี ในวันที่ 22 มิ.ย.52
ทั้งนี้กลยุทธ์ของ ททท.คือต้องการขยายตลาดศัลยกรรมให้มากกว่าประโยชน์เพื่อความสวยงาม โดยที่มุ่งเจาะตลาดเกาหลีเป็นอันดับแรก เพราะจากปัญหาทางการเมืองของประเทศไทย และภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลตลาดเกาหลี 3 เดือนแรกลดลง
49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
***เจาะตลาดเกาหลีโกยปีนี้450 ลบ.*****
การบุกจับตลาดศัลยกรรมเสริมความงามและบุคลิกภาพในตลาดเกาหลีครั้งนี้ จะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากประเทศเกาหลี ให้เดินทางมาประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลังนี้ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำเสนอบริการทั้งในรูปแบบแพกเกจทำศัลยกรรม และท่องเที่ยวในระหว่างพักฟื้นที่ประเทศไทย ตั้งเป้าจะได้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ 3,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 450
ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเฉลี่ยต่อคนต่อครั้งที่ 150,000 บาท มีวันพักเฉลี่ย 7 วัน
ความสามารถของแพทย์ไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นที่รู้จักมานานแล้ว แต่ขาดการโปรโมทและสนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควรครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานของรัฐได้เข้าไปช่วยสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม
“เราจะต่อยอด ด้วยการทำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งในมิติของอาหารการกินที่มีสวนผสมของสมุนไพร การนั่งสมาธิ และวิธีปฎิบัติในเชิงพุทธศาสนา เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้มาสงบจิตใจ สร้างสมาธิ เพื่อจะได้กลับไปทำงานต่อได้อย่างสดชื่น”
อย่างไรก็ตามการบริการทางการแพทย์ของไทย เป็นที่ยอมรับทั้งในตลาดเอเชียและยุโรป ด้วยบริการที่ดี และราคาเหมาะสม สามารถสร้างรายได้เพิ่ม โดยใน ปี 2550 มีต่างชาติเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลไทยจำนวน 1.4 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 3.6 หมื่นล้านบาท เป็นตัวเลขที่เติบโตจากปี 2546 ในด้านจำนวน 44% ด้านรายได้ 48%
***คุยแพทย์ไทยเจ๋งกว่าบุกทวงแชมป์คืน*****
นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยเป็นประเทศเป้าหมายที่กลุ่มทำศัลยกรรมนิยมเดินทางเข้ามาใช้บริการ ลูกค้าหลักเป็นตลาดเอเชีย เช่น สิงคโปร์ เกาหลี ฮ่องกง กัมพูชา มาเลเซีย แต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลประเทศเกาหลีเริ่มหันมาให้ความสนใจส่งเสริมอุตสาหกรรมศัลยกรรมเพื่อความงามในประเทศเกาหลี พร้อมผลักดันให้เกาหลีเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงแพทย์แห่งใหม่ในเอเชีย เพื่อแข่งขันกับประเทศไทย
ข้อบกพร่องของไทยคือขาดการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง ซึ่งการหันมาโปรโมตบริการศัลยกรรมความงามของประเทศไทย นอกจากดึงต่างชาติเข้ามาใช้บริการแล้วยังเพื่อต้องการให้คนไทยหันกลับมาใช้บริการฝีมือแพทย์ไทยซึ่งดีและถูกกว่าเกาหลี
โดยล่าสุดเตรียมเพิ่มบริการในส่วนของการรับประกันหลังการทำ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น โดยอัตราค่าบริการเริ่มตั้งแต่หลัก หมื่นบาทไปถึงหลักแสนบาท แต่ก็ถูกกว่า ประเทศเกาหลี และอเมริกาหลายเท่าตัว