สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจปี 2552 ที่ใครๆ ต่างออกมาทำนายทายทักกันสนั่นเมือง ว่า “เผาจริง” แน่นอน! แต่ยังไม่ทันจะก้าวข้ามผ่านพ้นปีใหม่ก็มีเค้ารางความน่ากลัว จนแทบนึกไม่ออกว่าปีหน้าจะสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน ความสุขของคนไทยจึง “หล่นหาย” กลายเป็นคนอมทุกข์ และพาลจะ “อมโรค” กันมากขึ้นอีกต่างหาก
แต่ก่อนกายใจจะอ่อนแรงพับพาบไปตามสภาพเศรษฐกิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ดึงชีวิตกลับคืนสู่ธรรมชาติ เร่งสร้างสุขภาพดีอย่างง่ายๆ ด้วยการทำตัวให้เป็นธรรมชาติ สอดคล้องกับธรรมชาติ อยู่กับธรรมชาติและครอบครัวให้มากที่สุด
สำหรับเรื่องนี้ นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย บอกว่า ขณะที่เศรษฐกิจดี ธุรกิจกำลังเติบโต สิ่งที่แทรกแซงเข้ามาในชีวิตคนเรา คือ ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี เครื่องอำนวยความสะดวก รวมไปถึงอาหารการกินที่ดัดแปลงจนไม่หลงเหลือความเป็นธรรมชาติให้เห็น และสิ่งที่จะได้แถมมาด้วยกลับเป็นของเสีย และความเสียหายที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นธรรมชาติ เช่น การกินอาหาร Junk Food กินเหล้า สูบบุหรี่ ดื่มน้ำอัดลม เล่นเกม ติดโทรศัพท์ ติดโทรทัศน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บทั้งสิ้น
“หากเราปรับมุมคิดใหม่ แทนที่จะคิดว่าเศรษฐกิจแย่ ชีวิตต้องล้มเหลว ลองคิดว่า ปีใหม่เราควรจะปรับตัวใหม่ จากที่เคยฟุ่มเฟือย นำสิ่งที่เต็มไปด้วยของเสียเข้าสู่ร่างกาย เมื่อเราต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเพราะเศรษฐกิจไม่ดี แทนที่จะกิจข้าวนอกบ้าน เราก็หันมาทำอาหารกินกันเอง อยู่กับบ้านมากขึ้น ให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ว่างๆ ก็ปลูกต้นไม้ เพราะการได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ จะทำให้จิตใจของเรามีความสุข สบายใจ สบายตา เพราะสีเขียวของต้นไม้ ใบหญ้าเป็นสีสดใส ช่วยถนอมสายตา อย่างเวลาที่ใช้สายตานานๆ จักษุแพทย์จะแนะนำให้พักสายตาด้วยการมองสีเขียวใบไม้ เป็นต้น”นพ.ชลธิศ แนะนำ
นอกจากนี้แล้ว การปรับมุมคิด ปรับการใช้ชีวิตด้วยการเข้าหาธรรมชาติมากขึ้นแล้ว นพ.ชลธิศยังแนะนำด้วยว่า ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการออกกำลังกาย ยืดเส้น ยืดสาย การนั่งทำงานอยู่กับที่นานๆ ขับรถขนาดรถติด ร่างกายไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบทก็ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของร่างกาย ดังนั้นหลังจากทำงานแล้ว ควรแบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง
“การออกกำลังกายที่ประหยัดที่สุด คือ การวิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค และโยคะ ฯลฯ เนื่องจากสามารถทำที่ไหนก็ได้ และไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์แพงๆ นอกจากนี้ ก็ควรพักผ่อนนอนให้เพียงพอ ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ร่างกาย และจิตใจจะกระปรี้กระเปร่า สดชื่น ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มาเบียดเบียน และมีเรี่ยวแรงในการทำงานหนักๆ สู้กับวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างสบายต่อไป” นพ.ชลธิศ ขยายความ
ถึงตรงนี้นอกจากการสร้างสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีแล้ว ยังส่งผลต่อผิวพรรณ หน้าตา รวมไปถึงบุคลิกภาพให้เปล่งปลั่ง เต่งตึง กระฉับกระเฉง ไม่ล่วงเลยไปตามกาลเวลา หรือก้าวล้ำหน้าไปก่อนเวลาอันควรอีกต่างหาก เรียกว่าเป็นดอกผลกำไรที่งดงามเห็นทันตา ซะยิ่งกว่าการใช้ครีมมหัศจรรย์สนนราคาแพงลิบลิ่วยี่ห้อใดๆ มาพอกมาทากว่าเป็นไหนๆ
ที่สุดแล้ว นพ.ชลธิศ ฝากทิ้งท้ายว่า ก่อนก้าวผ่านปีใหม่ไป ว่างๆ ลองนั่งนึกตรึกตรองสิ่งที่ผ่านๆ มาว่า ใช้หรือไม่ที่ปัจจุบันนี้คนเราใช้ชีวิตผิดธรรมชาติ หนีธรรมชาติ และไม่เป็นธรรมชาติจริงๆ หากได้คำตอบว่า “ใช่” ก็ลองนำวิธีการ “เข้าหาธรรมชาติ” ที่แนะนำไว้ไปปฏิบัติ แต่ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นได้นั้น นอกจาก “รับรู้-เข้าใจ-นำไปปฏิบัติตาม” แล้ว ความเพียรพยายามด้วยการทำอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นธรรมชาติ หรือกิจวัตรประจำวันของตัวเองก็คือหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน คงความเป็นหนุ่ม-สาว ได้อย่างยาวนาน เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนที่สุด