ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ศาลอาญายกฟ้องคดี เทสโก้ โลตัส ฟ้อง อดีตสนช. หมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายพันล้านบาท เหตุติชมเป็นการทำหน้าที่โดยสุจริต กรณีให้สัมภาษณ์สื่อว่าเทสโก้ฯ ค้ากำไรบนซากโชวห่วย ดูดเงินจากผู้บริโภคชาวไทยส่งกลับบริษัทแม่ที่อังกฤษปีละหลายหมื่นล้าน ใช้เล่ห์เหลี่ยมขายสินค้าต่ำกว่าทุน ทำลายร้านค้าย่อยให้ล้มตาย ส่วนคดีแพ่งส่อแสดงเจตนาเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต ยกฟ้องเช่นกัน
ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่าวานนี้ (16 มิ.ย.) ศาลอาญา ได้พิจารณาคดีที่บริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เป็นโจทก์ฟ้องตนเอง เมื่อวันที่ 16 พ.ย.50 ฐานหมิ่นประมาท พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท โดยศาลฯ มีคำสั่งให้ยกฟ้องคดีดังกล่าว เพราะการออกมาให้ข่าวต่อสื่อมวลชนของตน เป็นการติชมโดยสุจริต และเป็นการทำหน้าที่ของสนช. อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้เดินทางไปฟังคำสั่งของศาลฯ จึงต้องรอทนายความผู้รับผิดชอบคดีไปคัดลอกคำสั่งศาลเพื่อดูรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับคำพิพากษาของศาลอาญา โดยสรุปมีดังนี้
คดีหมายเลขดำที่ อ.4228/2550 วันที่ 16 มิ.ย. 52 ความอาญาระหว่างบริษัทเอก–ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เป็นโจทก์ฟ้อง ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ เป็นจำเลยฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ละเมิด เรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท ศาลออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดี วานนี้ (16 มิ.ย.) เวลา 9.00 น. ผู้รับมอบฉันทะโจทก์ และผู้รับมอบฉันทะจำเลยมาศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำบรรยายของว่าที่ร.อ.จิตร์ ที่พูดถึงปัญหาค้าปลีกในประเทศไทย มีฐานข้อมูล ในฐานะหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับจำเลยมาก่อน เมื่อจำเลยกล่าวบรรยายโดยมีแผนภาพ และแผนภูมิประกอบคำบรรยาย การพิจารณาจึงต้องหยิบยกทั้งหมด จะยกเพียงบางส่วนไม่ได้
ส่วนเรื่องที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์เลี่ยงภาษี เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งประชาชนสามารถทำได้ ตามป.อ.มาตรา 329(1)(3)
ส่วนคำพูดที่ว่า โจทก์ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการขายสินค้าโดยวิธีต่ำกว่าทุน จึงมิใช่จำเลยกล่าวอย่างเลื่อนลอย ไม่มีมูลความจริง จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์
ส่วนที่โจทก์กล่าวว่า“โลตัสเปรต” เป็นเพียงการเรียกความสนใจของผู้ฟัง เป็นเพียงคำกล่าวที่ไม่สมควรตามวิสัยสันดานของแต่ละคน เป็นเพียงการใช้ถ้อยคำเกินเลยไป
เมื่อฟังว่า คำบรรยายของจำเลยในงานสัมมนาไม่เป็นความผิด ในส่วนข้อความติชมนั้น ไม่ว่าจะให้สัมภาษณ์ในฐานะกรรมาธิการพาณิชย์ หรือไม่ก็ตาม จึงยังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยอ้างข้อมูลเท็จ อันจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจโจทก์ผิด
คดีของโจทก์จึงไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
ส่วนในคดีแพ่ง เมื่อจำเลยมิได้ทำผิดตามฟ้อง โจทก์จึงไม่เสียหาย การที่โจทก์ขอคิดค่าเสียหายโดยอ้างว่าทำให้ยอดขายสินค้าลดลงมา1,000 ล้านบาทนั้น เป็นว่าส่อแสดงเจตนาเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต พิพากษายกฟ้อง
สำหรับการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนของ ว่าที่ร.อ.จิตร์ กระทั่งตกเป็นจำเลยในคดี คือข่าว “ค้ากำไรบนซากโชวห่วย เทสโก้สูบไทย 37% จากยอดขายทั่วโลก” ตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์“ผู้จัดการรายวัน” ฉบับวันที่ 1 ต.ค.50 โดยเนื้อข่าวระบุว่า เทสโก้ โลตัส ดูดเงินจากผู้บริโภคชาวไทยส่งกลับไปยังบริษัทแม่ที่อังกฤษหลายหมื่นล้าน ทำให้เทสโก้ฯไต่ทะยานขึ้นเป็นบริษัทร่ำรวยที่สุดอันดับ 4 ของโลก มียอดขายรวมทั่วโลก79,978 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมาจากไทยมากถึง 37% สวนทางกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยของไทย ที่ล้มตายอย่างรวดเร็วเหลือรอดไม่ถึงครึ่ง
เนื้อข่าวดังกล่าว ทาง “ผู้จัดการรายวัน”ได้แก้ไขตัวเลขยอดขายของเทสโก้ฯ ในไทย เป็น3.7% ตามที่ผู้บริหารของเทสโก้ โลตัส แจ้งให้ทราบในภายหลัง
เทสโก้ โลตัส ไม่ได้ฟ้องหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน เป็นจำเลยในคดี แต่ได้ฟ้อง ว่าที่ร.อ.จิตร์ โดยเรียกค่าเสียหายพันล้านบาท และฟ้องคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คือนายกมล กมลตระกูล นักสิทธิมนุษยชน และนางนงนาถ ห่านวิไล บรรณาธิการน.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ เรียกค่าเสียหายรายละ100 ล้าน ซึ่งเผยแพร่เนื้อหาว่าเทสโก้โลตัส ขยายกิจการจนส่งผลกระทบต่อร้านค้าปลีกรายย่อยในชุมชนล่มสลาย
อนึ่ง คำฟ้องบรรยายโดยสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค.50 ว่าที่ ร.อ.จิตร์ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ว่า เทสโก้โลตัสดูดเงินจากผู้บริโภคชาวไทยส่งกลับบริษัทแม่ที่อังกฤษปีละหลายหมื่นล้านบาท และกำลังรุกขยายสาขาอย่างหนักในไทยขณะนี้ หากไม่วางแผนชะลอการขยายสาขาห้างค้าปลีกขนาดใหญ่รวมถึงร้านสะดวกซื้อ อนาคตประเทศไทยจะมีสาขาของห้างค้าปลีกต่างชาติเข้าไปตั้งทุกหนทุกแห่ง ฮั้วกันทำกำไร ทำลายร้านค้าเล็ก ผู้ประการอิสระจะไม่เหลือ
คำฟ้องยังบรรยายต่อไปว่า... ส่วนเล่ห์เหลี่ยมหรือกระบวนการประกอบการค้าที่ไม่เป็นธรรม ทำลายร้านเล็กให้ล้มหายตายจากนั้น กลุ่มค้าปลีกต่างชาติจะใช้วิธีการขายสินค้าต่ำกว่าทุนในบางสินค้าและจำกัดจำนวนซื้อ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาภายในห้างให้มากที่สุด โดยทางห้างฯสามารถใช้ปริมาณลูกค้าไปต่อรองในการสร้างรายได้อื่นๆที่มากกว่ารายได้จากการขายสินค้าที่ซื้อมาขายไป นอกจากนั้นยังทำสัญญาทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ไม่ได้ยึดถือคุณธรรม และจริยธรรมทางการค้าดังเช่นที่ปฏิบัติในประเทศแม่
ในระหว่างที่เทสโก้ โลตัส ฟ้องร้องอดีตสนช. และสื่อมวลชนนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ได้จัดเวทีสาธารณะ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.51 โดยเชิญ ว่าที่ร.อ.จิตร์ เข้าร่วมเป็นวิทยากรในเวทีดังกล่าว
ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ อดีต สนช. ในฐานะรองเลขาธิการหอการค้าไทย ตั้งข้อสังเกตต่อการทำธุรกิจของห้างเทสโก้ โลตัส ว่า การลดทุนจดทะเบียนลงอย่างต่อเนื่อง จาก 30,000 กว่าล้านบาท เมื่อปี 2536 เหลือเพียง 5,000 กว่าล้านในปี 2550 เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจในการเข้ามาลงทุนของเทสโก้ฯ ในไทย
รองเลขาธิการหอการค้าไทย ยังตั้งคำถามถึงเรื่องผู้ถือหุ้นในบริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งตามสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.50 มีบริษัทเทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประมาณ 99% ขณะที่บริษัทเทสโก้ สโตร์สฯ กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่กลับเป็นบริษัทซี.พี.คอนซูเมอร์โปรดักส์ จำนวน 41.46% เมื่อรวมกับกลุ่มนางอุไรวรรณ กวักไพฑูรย์ และพวกอีก 18.7% รวมเป็น 60.16% คำถามคือกรณีนี้เป็นการถือหุ้นแทนหรือนอมินีหรือไม่
ว่าที่ร.อ.จิตร์ อธิบายว่า การตั้งคำถามถึงประเด็นนอมินี จะโยงไปยังข้อมูลที่มีระบุไว้ในงบการเงินที่ได้รับรองจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี เมื่อวันที่ 27 เม.ย.48 ของบริษัทเอก-ชัยฯ ซึ่งระบุว่า “บริษัทถูกควบคุมโดยทางตรงและทางอ้อมโดยบริษัทเทสโก้ มหาชน จำกัด (ประเทศอังกฤษ)” และ ในงบการเงินดังกล่าว ได้ระบุถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทในรายการ “ค่าสิทธิ ปี48 จำนวน 732 ล้านบาท และ ค่าสิทธิ ปี47 จำนวน 625 ล้านบาท” ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่ไม่ต้องเสียภาษี คำถามคือ ทำไมต้องมีค่าสิทธิ ในงบการเงินก็ไม่มีคำอธิบาย เพราะเป็นที่ชัดเจนว่า เทสโก้ฯในไทยเป็นสาขาบริษัทแม่ที่อังกฤษ เม็ดเงินส่วนนี้ไม่ต้องเสียภาษี เทสโก้ฯ ต้องตอบคำถามต่อสังคมว่า นี่เป็นการเลี่ยงภาษี หรือไม่
ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่าวานนี้ (16 มิ.ย.) ศาลอาญา ได้พิจารณาคดีที่บริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เป็นโจทก์ฟ้องตนเอง เมื่อวันที่ 16 พ.ย.50 ฐานหมิ่นประมาท พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท โดยศาลฯ มีคำสั่งให้ยกฟ้องคดีดังกล่าว เพราะการออกมาให้ข่าวต่อสื่อมวลชนของตน เป็นการติชมโดยสุจริต และเป็นการทำหน้าที่ของสนช. อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้เดินทางไปฟังคำสั่งของศาลฯ จึงต้องรอทนายความผู้รับผิดชอบคดีไปคัดลอกคำสั่งศาลเพื่อดูรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับคำพิพากษาของศาลอาญา โดยสรุปมีดังนี้
คดีหมายเลขดำที่ อ.4228/2550 วันที่ 16 มิ.ย. 52 ความอาญาระหว่างบริษัทเอก–ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เป็นโจทก์ฟ้อง ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ เป็นจำเลยฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ละเมิด เรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท ศาลออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดี วานนี้ (16 มิ.ย.) เวลา 9.00 น. ผู้รับมอบฉันทะโจทก์ และผู้รับมอบฉันทะจำเลยมาศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำบรรยายของว่าที่ร.อ.จิตร์ ที่พูดถึงปัญหาค้าปลีกในประเทศไทย มีฐานข้อมูล ในฐานะหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับจำเลยมาก่อน เมื่อจำเลยกล่าวบรรยายโดยมีแผนภาพ และแผนภูมิประกอบคำบรรยาย การพิจารณาจึงต้องหยิบยกทั้งหมด จะยกเพียงบางส่วนไม่ได้
ส่วนเรื่องที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์เลี่ยงภาษี เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งประชาชนสามารถทำได้ ตามป.อ.มาตรา 329(1)(3)
ส่วนคำพูดที่ว่า โจทก์ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการขายสินค้าโดยวิธีต่ำกว่าทุน จึงมิใช่จำเลยกล่าวอย่างเลื่อนลอย ไม่มีมูลความจริง จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์
ส่วนที่โจทก์กล่าวว่า“โลตัสเปรต” เป็นเพียงการเรียกความสนใจของผู้ฟัง เป็นเพียงคำกล่าวที่ไม่สมควรตามวิสัยสันดานของแต่ละคน เป็นเพียงการใช้ถ้อยคำเกินเลยไป
เมื่อฟังว่า คำบรรยายของจำเลยในงานสัมมนาไม่เป็นความผิด ในส่วนข้อความติชมนั้น ไม่ว่าจะให้สัมภาษณ์ในฐานะกรรมาธิการพาณิชย์ หรือไม่ก็ตาม จึงยังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยอ้างข้อมูลเท็จ อันจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจโจทก์ผิด
คดีของโจทก์จึงไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
ส่วนในคดีแพ่ง เมื่อจำเลยมิได้ทำผิดตามฟ้อง โจทก์จึงไม่เสียหาย การที่โจทก์ขอคิดค่าเสียหายโดยอ้างว่าทำให้ยอดขายสินค้าลดลงมา1,000 ล้านบาทนั้น เป็นว่าส่อแสดงเจตนาเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต พิพากษายกฟ้อง
สำหรับการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนของ ว่าที่ร.อ.จิตร์ กระทั่งตกเป็นจำเลยในคดี คือข่าว “ค้ากำไรบนซากโชวห่วย เทสโก้สูบไทย 37% จากยอดขายทั่วโลก” ตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์“ผู้จัดการรายวัน” ฉบับวันที่ 1 ต.ค.50 โดยเนื้อข่าวระบุว่า เทสโก้ โลตัส ดูดเงินจากผู้บริโภคชาวไทยส่งกลับไปยังบริษัทแม่ที่อังกฤษหลายหมื่นล้าน ทำให้เทสโก้ฯไต่ทะยานขึ้นเป็นบริษัทร่ำรวยที่สุดอันดับ 4 ของโลก มียอดขายรวมทั่วโลก79,978 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมาจากไทยมากถึง 37% สวนทางกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยของไทย ที่ล้มตายอย่างรวดเร็วเหลือรอดไม่ถึงครึ่ง
เนื้อข่าวดังกล่าว ทาง “ผู้จัดการรายวัน”ได้แก้ไขตัวเลขยอดขายของเทสโก้ฯ ในไทย เป็น3.7% ตามที่ผู้บริหารของเทสโก้ โลตัส แจ้งให้ทราบในภายหลัง
เทสโก้ โลตัส ไม่ได้ฟ้องหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน เป็นจำเลยในคดี แต่ได้ฟ้อง ว่าที่ร.อ.จิตร์ โดยเรียกค่าเสียหายพันล้านบาท และฟ้องคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คือนายกมล กมลตระกูล นักสิทธิมนุษยชน และนางนงนาถ ห่านวิไล บรรณาธิการน.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ เรียกค่าเสียหายรายละ100 ล้าน ซึ่งเผยแพร่เนื้อหาว่าเทสโก้โลตัส ขยายกิจการจนส่งผลกระทบต่อร้านค้าปลีกรายย่อยในชุมชนล่มสลาย
อนึ่ง คำฟ้องบรรยายโดยสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค.50 ว่าที่ ร.อ.จิตร์ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ว่า เทสโก้โลตัสดูดเงินจากผู้บริโภคชาวไทยส่งกลับบริษัทแม่ที่อังกฤษปีละหลายหมื่นล้านบาท และกำลังรุกขยายสาขาอย่างหนักในไทยขณะนี้ หากไม่วางแผนชะลอการขยายสาขาห้างค้าปลีกขนาดใหญ่รวมถึงร้านสะดวกซื้อ อนาคตประเทศไทยจะมีสาขาของห้างค้าปลีกต่างชาติเข้าไปตั้งทุกหนทุกแห่ง ฮั้วกันทำกำไร ทำลายร้านค้าเล็ก ผู้ประการอิสระจะไม่เหลือ
คำฟ้องยังบรรยายต่อไปว่า... ส่วนเล่ห์เหลี่ยมหรือกระบวนการประกอบการค้าที่ไม่เป็นธรรม ทำลายร้านเล็กให้ล้มหายตายจากนั้น กลุ่มค้าปลีกต่างชาติจะใช้วิธีการขายสินค้าต่ำกว่าทุนในบางสินค้าและจำกัดจำนวนซื้อ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาภายในห้างให้มากที่สุด โดยทางห้างฯสามารถใช้ปริมาณลูกค้าไปต่อรองในการสร้างรายได้อื่นๆที่มากกว่ารายได้จากการขายสินค้าที่ซื้อมาขายไป นอกจากนั้นยังทำสัญญาทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ไม่ได้ยึดถือคุณธรรม และจริยธรรมทางการค้าดังเช่นที่ปฏิบัติในประเทศแม่
ในระหว่างที่เทสโก้ โลตัส ฟ้องร้องอดีตสนช. และสื่อมวลชนนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ได้จัดเวทีสาธารณะ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.51 โดยเชิญ ว่าที่ร.อ.จิตร์ เข้าร่วมเป็นวิทยากรในเวทีดังกล่าว
ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ อดีต สนช. ในฐานะรองเลขาธิการหอการค้าไทย ตั้งข้อสังเกตต่อการทำธุรกิจของห้างเทสโก้ โลตัส ว่า การลดทุนจดทะเบียนลงอย่างต่อเนื่อง จาก 30,000 กว่าล้านบาท เมื่อปี 2536 เหลือเพียง 5,000 กว่าล้านในปี 2550 เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจในการเข้ามาลงทุนของเทสโก้ฯ ในไทย
รองเลขาธิการหอการค้าไทย ยังตั้งคำถามถึงเรื่องผู้ถือหุ้นในบริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งตามสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.50 มีบริษัทเทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประมาณ 99% ขณะที่บริษัทเทสโก้ สโตร์สฯ กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่กลับเป็นบริษัทซี.พี.คอนซูเมอร์โปรดักส์ จำนวน 41.46% เมื่อรวมกับกลุ่มนางอุไรวรรณ กวักไพฑูรย์ และพวกอีก 18.7% รวมเป็น 60.16% คำถามคือกรณีนี้เป็นการถือหุ้นแทนหรือนอมินีหรือไม่
ว่าที่ร.อ.จิตร์ อธิบายว่า การตั้งคำถามถึงประเด็นนอมินี จะโยงไปยังข้อมูลที่มีระบุไว้ในงบการเงินที่ได้รับรองจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี เมื่อวันที่ 27 เม.ย.48 ของบริษัทเอก-ชัยฯ ซึ่งระบุว่า “บริษัทถูกควบคุมโดยทางตรงและทางอ้อมโดยบริษัทเทสโก้ มหาชน จำกัด (ประเทศอังกฤษ)” และ ในงบการเงินดังกล่าว ได้ระบุถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทในรายการ “ค่าสิทธิ ปี48 จำนวน 732 ล้านบาท และ ค่าสิทธิ ปี47 จำนวน 625 ล้านบาท” ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่ไม่ต้องเสียภาษี คำถามคือ ทำไมต้องมีค่าสิทธิ ในงบการเงินก็ไม่มีคำอธิบาย เพราะเป็นที่ชัดเจนว่า เทสโก้ฯในไทยเป็นสาขาบริษัทแม่ที่อังกฤษ เม็ดเงินส่วนนี้ไม่ต้องเสียภาษี เทสโก้ฯ ต้องตอบคำถามต่อสังคมว่า นี่เป็นการเลี่ยงภาษี หรือไม่