ASTVผู้จัดการรายวัน – สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เตรียมเสนอที่ประชุม กรอ. จี้มหาดไทย ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 เล่นงานผู้ประกอบการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ผิดกฎหมาย เปิดเช่ารายวัน ระบุติดป้ายประกาศเย้ยกฎหมายเกลื่อนเมือง เชื่อทั้งประเทศมีหลายหมื่นห้อง หวั่นซ้ำรอย ซานติก้าผับ แถมยังเป็นซับพลายแฝงซ้ำเติมผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมให้ทรุดหนัก
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ในปลายเดือนนี้ สทท.จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาปัญหาโอเวอร์ซัพพลายห้องพักโรงแรม โดยสืบเนื่องมาจากมีผู้ประกอบการ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ หอพัก และ อพาร์ทเม้นต์ ที่ไม่ได้จดทะเบียนทำธุรกิจโรงแรม
แต่กลับเปิดให้บริการห้องพักในลักษณะเช่นเดียวกับโรงแรม นำเสนอห้องพักรายวันซึ่งมีราคาถูกกว่าโรงแรม การกระทำเช่นนี้ถือเป็นซัพพรายแฝงที่ทำให้ธุรกิจโรงแรมต้องมีคู้แข่งขันเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ปัจจุบันผู้ประกอบการโรงแรมก็เผชิญกับปัญหาห้องพักโอเวอร์ซัพพลาย ซึ่งเป็นผลจากนักธุรกิจสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจโรงแรมกันมากขึ้น
***ฉะจนท.มหาดไทยเพิกเฉยหวั่นซ้ำรอยซานติก้า*****
ทั้งนี้ สทท.จะนำเสนอในที่ประชุม เพื่อให้กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของ กรอ. และ ยังเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลการออกใบอนุญาตสร้างอาคารและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ไปดำเนินการตรวจสอบและจับกุมพร้อมลงโทษอย่างจริงจังกับผู้ประกอบการที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนทำธุรกิจโรงแรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามข้อบังคับของพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547
(พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547) ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552
“ทุกวันนี้จะเห็นว่าเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ หรือหอพัก ซึ่งปกติเปิดเช่าเป็นรายเดือน มีการติดป้ายประกาศให้เช่าเป็นรายวันกันจำนวนมาก หากนับรวมทั่วประเทศน่าจะมีหลายหมื่นห้อง มีราคาตั้งแต่ 300 บาท ขึ้นไป แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะเป็นราคาที่ถูกกว่าโรงแรมในย่านเดียวกันเฉลี่ย 50% ซึ่ง สทท.ไม่ทราบว่า เจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ได้มีการตรวจสอบหรือไม่ว่า
สถานที่ที่เปิดให้เช่ารายวันแบบนั้นมีการขออนุญาตถูกต้องตรมกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่แล้วทำไมจึงปล่อยให้ติดป้ายประกาศกันอย่างเปิดเผย ใช้ขนาดตัวอักษรขนาดใหญ่มองเห็นชัด ตรงนี้ถือว่าเป็นความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยหรือเปล่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็จะเหมือนกรณีของซานติกาผับได้ ”
***โรงแรมเสียเปรียบที่ต้นทุนสูงกว่า***
นายกงกฤช กล่าวว่า การที่เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ หรือ หอพัก สามารถเปิดห้องเช่ารายวันที่ราคาถูกกว่าโรงแรมได้ เพราะมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่าโรงแรม ตั้งแต่การก่อสร้าง ถ้าเป็นอาคารโรงแรม จะต้องมีบันไดหนีไฟที่เห็นชัดเจน ขนาดห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวก ต้องได้ตามมาตรฐานกฎหมายกำหนด ตลอดจนมาตรฐานการให้บริการอายุการใช้งานของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น
ผ้าเช็ดตัว จาก ช้อน และอื่นๆ ต้องมีอายุการใช้งาน ขณะที่เซอร์วิสอพาร์ทเม้น และหอพัก จะไม่มีข้อกำหนดตรงนี้ ซึ่งมาตรฐานการบริการที่ต่างกันเช่นนี้จะฉุดให้ภาพรวมของการบริการโรงแรมมีคุณภาพที่ต่ำลง
นอกจากนั้น ในเรื่องการเสียภาษีก็แตกต่างกัน โดยธุรกิจโรงแรมจะเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่า และมากกว่า คือ นอกจากภาษีโรงแรมเรือนแล้ว ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) และภาษีบำรุงท้องที่ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์จะไม่ต้องเสียภาษีตรงนี้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการโรงแรมจากภาคเหนือและภาค ส่งหนังสือมาร้องเรียนต่อ สททท.จำนวนมากที่สุด โดยระบุว่า ถูกธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์เหล่านี้เข้ามาแย่งลูกค้า ทั้งที่ขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรมก็เจอวิกฤติหนักจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดน้อยลงอยู่อย่างหนักแล้ว
สำหรับลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์รายวันจะ มีทุกกลุ่มอาชีพ เพราะราคาถูกเป็นแรงจูงใจ ซึ่งการกวดขันทำได้ 2 แนวทาง ได้แก่ ให้ตรวจสอบการขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารและจดทะเบียนธุรกิจ และการรณรงค์สร้างการรับรู้และผู้ใช้บริการ เพราะไม่มีความผิด แต่หากต้องการความปลอดภัย โรงแรมน่าจะดีกว่า ส่วนหน่วยราชการก็ขอให้รณรงค์เข้าพักโรงแรม
เพราะเท่าที่ได้รับการ้องเรียนจากสมาชิก พบว่า ปัจจุบัน ราชการใช้วิธีเหมาจ่าย โดยไม่ต้องใช้ใบเสร็จรับเงินในการเบิกค่าที่พัก จึงหันไปใช้บริการเซอร์วิอพาร์ทเม้นต์กันมากขึ้น เพราะมีราคาถูก
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ในปลายเดือนนี้ สทท.จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาปัญหาโอเวอร์ซัพพลายห้องพักโรงแรม โดยสืบเนื่องมาจากมีผู้ประกอบการ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ หอพัก และ อพาร์ทเม้นต์ ที่ไม่ได้จดทะเบียนทำธุรกิจโรงแรม
แต่กลับเปิดให้บริการห้องพักในลักษณะเช่นเดียวกับโรงแรม นำเสนอห้องพักรายวันซึ่งมีราคาถูกกว่าโรงแรม การกระทำเช่นนี้ถือเป็นซัพพรายแฝงที่ทำให้ธุรกิจโรงแรมต้องมีคู้แข่งขันเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ปัจจุบันผู้ประกอบการโรงแรมก็เผชิญกับปัญหาห้องพักโอเวอร์ซัพพลาย ซึ่งเป็นผลจากนักธุรกิจสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจโรงแรมกันมากขึ้น
***ฉะจนท.มหาดไทยเพิกเฉยหวั่นซ้ำรอยซานติก้า*****
ทั้งนี้ สทท.จะนำเสนอในที่ประชุม เพื่อให้กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของ กรอ. และ ยังเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลการออกใบอนุญาตสร้างอาคารและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ไปดำเนินการตรวจสอบและจับกุมพร้อมลงโทษอย่างจริงจังกับผู้ประกอบการที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนทำธุรกิจโรงแรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามข้อบังคับของพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547
(พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547) ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552
“ทุกวันนี้จะเห็นว่าเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ หรือหอพัก ซึ่งปกติเปิดเช่าเป็นรายเดือน มีการติดป้ายประกาศให้เช่าเป็นรายวันกันจำนวนมาก หากนับรวมทั่วประเทศน่าจะมีหลายหมื่นห้อง มีราคาตั้งแต่ 300 บาท ขึ้นไป แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะเป็นราคาที่ถูกกว่าโรงแรมในย่านเดียวกันเฉลี่ย 50% ซึ่ง สทท.ไม่ทราบว่า เจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ได้มีการตรวจสอบหรือไม่ว่า
สถานที่ที่เปิดให้เช่ารายวันแบบนั้นมีการขออนุญาตถูกต้องตรมกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่แล้วทำไมจึงปล่อยให้ติดป้ายประกาศกันอย่างเปิดเผย ใช้ขนาดตัวอักษรขนาดใหญ่มองเห็นชัด ตรงนี้ถือว่าเป็นความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยหรือเปล่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็จะเหมือนกรณีของซานติกาผับได้ ”
***โรงแรมเสียเปรียบที่ต้นทุนสูงกว่า***
นายกงกฤช กล่าวว่า การที่เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ หรือ หอพัก สามารถเปิดห้องเช่ารายวันที่ราคาถูกกว่าโรงแรมได้ เพราะมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่าโรงแรม ตั้งแต่การก่อสร้าง ถ้าเป็นอาคารโรงแรม จะต้องมีบันไดหนีไฟที่เห็นชัดเจน ขนาดห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวก ต้องได้ตามมาตรฐานกฎหมายกำหนด ตลอดจนมาตรฐานการให้บริการอายุการใช้งานของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น
ผ้าเช็ดตัว จาก ช้อน และอื่นๆ ต้องมีอายุการใช้งาน ขณะที่เซอร์วิสอพาร์ทเม้น และหอพัก จะไม่มีข้อกำหนดตรงนี้ ซึ่งมาตรฐานการบริการที่ต่างกันเช่นนี้จะฉุดให้ภาพรวมของการบริการโรงแรมมีคุณภาพที่ต่ำลง
นอกจากนั้น ในเรื่องการเสียภาษีก็แตกต่างกัน โดยธุรกิจโรงแรมจะเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่า และมากกว่า คือ นอกจากภาษีโรงแรมเรือนแล้ว ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) และภาษีบำรุงท้องที่ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์จะไม่ต้องเสียภาษีตรงนี้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการโรงแรมจากภาคเหนือและภาค ส่งหนังสือมาร้องเรียนต่อ สททท.จำนวนมากที่สุด โดยระบุว่า ถูกธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์เหล่านี้เข้ามาแย่งลูกค้า ทั้งที่ขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรมก็เจอวิกฤติหนักจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดน้อยลงอยู่อย่างหนักแล้ว
สำหรับลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์รายวันจะ มีทุกกลุ่มอาชีพ เพราะราคาถูกเป็นแรงจูงใจ ซึ่งการกวดขันทำได้ 2 แนวทาง ได้แก่ ให้ตรวจสอบการขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารและจดทะเบียนธุรกิจ และการรณรงค์สร้างการรับรู้และผู้ใช้บริการ เพราะไม่มีความผิด แต่หากต้องการความปลอดภัย โรงแรมน่าจะดีกว่า ส่วนหน่วยราชการก็ขอให้รณรงค์เข้าพักโรงแรม
เพราะเท่าที่ได้รับการ้องเรียนจากสมาชิก พบว่า ปัจจุบัน ราชการใช้วิธีเหมาจ่าย โดยไม่ต้องใช้ใบเสร็จรับเงินในการเบิกค่าที่พัก จึงหันไปใช้บริการเซอร์วิอพาร์ทเม้นต์กันมากขึ้น เพราะมีราคาถูก
