กระโดดกบเป็นท่าการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Leapfrog คือ การวิ่งไปข้างหน้าแล้วกระโดดข้ามผู้เล่นข้างหน้าซึ่งก้มศีรษะยันแขนกับหัวเข่าหันไปทิศทางวิ่งของผู้กระโดดที่จะใช้หลังของผู้เล่นที่ก้มศีรษะเป็นที่ยันให้ตัวลอย และข้ามไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว กระโดดกบเป็นการออกกำลังกายที่นิยมทำกันของทีมฟุตบอลหรือรักบี้ เพราะสามารถให้ผู้เล่นกระโดดข้ามต่อๆ กันไปได้รอบสนามเป็นการออกกำลังขาที่ดีเยี่ยม
หากอุปมาอุปไมยว่า กระโดดกบก็คือ การใช้คนอื่นเป็นสะพานให้เรากระโดดข้ามสิ่งกีดขวางอุปสรรคไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ และหากมันไม่ใช่เกมหรือท่าออกกำลังกาย การกระโดดกบข้ามคนที่ต้องยอมก้มหัวให้ ยอมเป็นสะพานให้คนกระโดด คนเป็นสะพานย่อมต้องล้าหลังคนกระโดดและโง่กว่า
นายเนวิน ชิดชอบ เข้าสู่วงการเมืองอย่างเต็มภาคภูมิในปี 2529 เมื่ออายุเพียง 28 ปี ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ สังกัดพรรคสหประชาธิปไตยที่มี พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคซึ่งผู้ที่ใกล้ชิดกับ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา อดีต ผบ.ทบ. และเป็นกลุ่มทหารอนุรักษนิยมและมีอิทธิพล ได้สร้างฐานอำนาจให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่ต่อมาขัดแย้งกับกลุ่มจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร เพราะมีการต่ออายุราชการของจอมพลประภาส ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ซึ่งพล.อ.กฤษณ์ รอคิวอยู่ จอมพลประภาสยอมลงจากตำแหน่ง ผบ.ทอ.ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ก่อนวันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง
และการไม่ยอมเสริมกำลังให้ขึ้นการบังคับบัญชากับ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร เมื่อเหตุการณ์รุนแรงขึ้นยิ่งก่อให้เกิดรอยร้าวฉานขั้นรุนแรงพล.อ.กฤษณ์ รู้ว่ามีการใช้ความรุนแรงเกินเหตุแล้วยิ่งทำให้ประชาชนโกรธแค้นมากเป็นทวีคูณและร่วมกับ พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ ร้องขอให้จอมพลถนอม กิตติขจร สั่งการให้ทหารยุติการใช้ความรุนแรง แต่ไม่มีใครฟังโดยเฉพาะพ.อ.ณรงค์ เหตุการณ์บานปลายเกินการควบคุมได้แล้วเป็นจลาจลเผาบ้านเผาเมือง
ด้วยเพราะ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา เคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรม จึงทำให้ พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ มองเห็นช่องทางในการประกอบธุรกิจโรงงานสับปะรดกระป๋องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนมีฐานะเป็นนักอุตสาหกรสามารถสร้างพรรคการเมืองได้ และมีอิทธิพลที่ตกทอดจาก พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา
ส่วนชื่อเนวินนั้น นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนปัจจุบัน มีความประทับใจในผลงานเผด็จการของนายพลเนวินแห่งพม่า ที่ทำการปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลนายอูนุ ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2505 รัฐบาลอูนุมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่ถูกจอมพลสฤษดิ์ทำรัฐประหารก่อน 5 ปี แต่ในปี 2505 ทั้งรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ และนายเนวินเป็นเผด็จการทหารด้วยกันทั้งสองรัฐบาล นายชัย ชิดชอบ จึงตั้งชื่อทายาทคนที่ 3 ของครอบครัวว่า “เนวิน” จึงเป็นเคล็ดที่น่าสนใจ
เส้นทางชีวิตการเมืองของนายเนวิน เป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้ เพราะผ่านประสบการณ์การเมืองมาแล้วประมาณ 7 พรรคการเมืองคือ พรรคสหประชาธิปไตย พรรคเทิดไทยของนายณรงค์ วงศ์วรรณ พรรคสามัคคีธรรมของนายณรงค์ วงศ์วรรณ ที่สร้างพรรคการเมืองรองรับอดีตกลุ่ม รสช.และชนะการเลือกตั้งทั่วไป 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 แต่นายณรงค์ ถูกขึ้นบัญชีดำของหน่วยต่อต้านยาเสพติดสหรัฐฯ พรรคสามัคคีธรรมจึงผลักดันให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 17 เมษายน แต่ถูกต่อต้านจากกลุ่มเสรีนิยม และกลุ่มซ้ายจนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พล.อ.สุจินดาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีรัฐบาลชั่วคราวนำโดย นายอานันท์ ปันยารชุน กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีวาระที่ 2 เพราะว่ามีการเสนอชื่อ พล.อ.อ.สมบุญ ระหงส์ หัวหน้าพรรคชาติไทยเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร และรักษาการประธานรัฐสภาเสนอชื่อ นายอานันท์ แทนเพราะเป็นการเสียหน้าของพรรคหรือเป็นเพราะพล.อ.อ.สมบุญบารมีการเมืองไม่ถึง
จากกรณีพฤษภาทมิฬพรรคสามัคคีธรรมสลายตัวโดยปริยาย นายเนวินจึงย้ายพรรคมาสังกัดพรรคชาติไทยในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2535 แม้ผ่านชีวิตการเมืองมาแค่ 6 ปี แต่ได้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นครั้งแรก และกระทรวงการคลังเป็นกระทรวงกำหนดยุทธศาสตร์การเศรษฐกิจการเงินของชาติ อันเป็นช่วงจังหวะที่ข้อตกลงในการประชุมองค์การค้าสากลหรือ Gatt-General Agreement and Tariffs and Trade ซึ่งในช่วงอุรกัยกราวด์ (Uruguay Round) รอบที่ 3 ระหว่าง ค.ศ. 1986-1994 นั้นมีข้อพิจารณาในเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญา สินค้าบริการ การเงินและสินค้าเกษตร
สินค้าบริการประเภทหนึ่ง คือ การประกันภัย และมีบริษัทข้ามชาติที่ต้องการมาเปิดกิจการในประเทศไทยตามข้อตกลงที่มีการอนุญาตให้มีธุรกิจประกันภัยข้ามชาติได้ และกิจการนี้อยู่ในอาณัติของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเป็นผู้รับผิดชอบ จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตด้วยหลักการและเงื่อนไขต่างๆ ก็อยู่ในอำนาจของนายเนวินทั้งสิ้น
และได้ย้ายพรรคจากพรรคชาติไทยไปอยู่พรรคเอกภาพ เพราะนายบรรหาร ศิลปอาชา ยุบสภาในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2539 เพราะถูกโจมตีอย่างหนักเรื่องปูมหลังของตระกูล และประวัติการศึกษาซึ่งนายเนวินก็โดนหางเครื่องด้วยเพราะประวัติการศึกษาที่สังคมดูว่า “ด้อยไปหน่อย” หรือไม่รู้ที่มาที่ไป และความไม่ชัดเจนในเรื่องเกรด
แต่ในปี 2540 เข้าสังกัดพรรคเอกภาพ นายเนวินได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนในปี 2544 ย้ายกลับมาสังกัดพรรคชาติไทยอีกครั้ง และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกตามเคย ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในปีต่อมา จนในปี 2547 ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 และเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2548 และเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยช่วงนั้นเป็นวิกฤตของทักษิณ นายเนวินเทใจให้ด้วยความรักภักดีแบบมอบกายใจ
ในชั้นต้นทักษิณไม่ยอมรับนายเนวินที่ถูกเรียกโดยสื่อมวลชนและสังคมชนชั้นกลางว่า “ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ” เพราะพฤติกรรมส่อให้เห็นว่า ทุจริตซื้อเสียงในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2538 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อตำรวจตรวจพบว่า มีธนบัตรใบละ 20 บาท และใบละ 100 บาทเย็บติดกันเป็นปึกใหญ่มัดรวมกันกับใบแนะนำตัวนายเนวิน ซึ่งไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวเองแล้ว เพราะตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วงการเมืองไม่เคยเปลี่ยนเขตจังหวัดเลือกตั้ง จนทุกวันนี้บุรีรัมย์คือฐานสำคัญยิ่งของนายเนวินที่มีอำนาจต่อรองทางการเมือง และมีกำไรเสมอมา
จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมและประสบการณ์ทางการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น และโลกาภิวัตน์แล้ว นายเนวินไม่เป็นสองรองใครแม้กระทั่งทักษิณซึ่งปรามาสนายเนวินว่า “ไม่ใช่คนมีคุณภาพ เป็นเพียงนักการเมืองท้องถิ่น” เมื่อแสดงทัศนะขณะหาเสียงเมื่อสถาปนาพรรคไทยรักไทย แต่ความอดทน ความไวต่อสถานการณ์ และสัญชาตญาณเอาตัวรอดซึ่งเกิดจากประสบการณ์การเมืองระดับท้องถิ่น ซึ่งมีการเข่นฆ่ากันถึงตายได้ง่ายๆ
แต่ประสบการณ์การเมืองระดับชาติที่นายเนวินซึมซับมาตลอด 23 ปี ผ่านงานหลายกระทรวง สร้างนวัตกรรมการครอบงำข้าราชการ และการลักไก่ข้าราชการ การล่อหลอกข้าราชการหลายกระทรวง ทั้งที่เป็นบัณฑิตภายในประเทศและภายนอกประเทศ นายเนวินสัมผัสและควบคุมได้อย่างราบรื่นเสมอมา โดยเฉพาะข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความหลากหลายผลประโยชน์ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน และมีรัฐวิสาหกิจในอาณัติ 7 องค์การ เช่น องค์การส่งเสริมกิจการโคนม องค์การสะพานปลา องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร สถาบันวิจัยยาง องค์การสวนยาง และสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เป็นต้น
ถามว่าอุตสาหกรรมยางพารามีความสำคัญ และมีเงินกองทุนสงเคราะห์มหาศาลขนาดไหนนั้น นายเนวินรู้ดีเพราะครั้งหนึ่งเคยฟาดฟันแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แต่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้กินพุงปลาไป แต่นายเนวินขอรับเพียงรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ซึ่งดูแลกิจการอุตสาหกรรมยางพาราของชาติเลยทีเดียว
คดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนายเนวินในขณะนี้คือ คดีทุจริตกล้ายางพาราซึ่งในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ จะเป็นวันสุดท้ายของการสืบพยานจำเลยคดีทุจริตกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ตามที่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) และนายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า กระทำการทุจริตกล้ายางพาราฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และฮั้วประมูลกล้ายางซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ให้สภาทนายความฟ้องแทนอัยการสูงสุด และเป็นคดีแรกซึ่งเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 นี้ศาลอาจจะนัดฟังคำพิพากษาไปประมาณเดือนสิงหาคม
ความสำคัญของนายเนวินที่มีต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะแปรพักตร์พร้อมกับการแถลงข่าวในวันที่ 7 เมษายน ให้ทักษิณยุติการชุมนุมเพื่อประเทศชาติ ก่อนเกิดสงกรานต์เลือด 2552 แบบท้าชนกับทักษิณและบอกว่า “รัฐใหม่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวถึงนั้นคืออะไร และขอร้องให้องคมนตรีลาออกเป็นการก้าวล่วงพระราชอัธยาศัยซึ่งตนถือว่าสำคัญกว่าพระราชอำนาจ และถ้าจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องข้ามศพตนไปก่อน”
จึงเหมือนเป็นการให้ทักษิณเป็นฐานก้าวกระโดดเพื่อเรียนรู้กลไกทุกอย่างของทักษิณในมิติปฏิญญาฟินแลนด์ 5 ประการ หรือระบอบธนกิจการเมืองแบบทักษิณ หรือเพราะสงครามปฏิวัติประชาชนภาคอีสานที่นายเนวินไม่เห็นด้วยเพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าทักษิณซึ่งปรามาสไว้ แต่ตอนหลังคิดว่านายเนวินคือทหารเอกเลยทีเดียวทำให้กลุ่มเสื้อแดงแค้นใจมาก ด่าว่าเป็นคนทรยศต่อผู้มีพระคุณอย่างทักษิณ
นายเนวินมีประสบการณ์ที่สามารถสร้างอำนาจในการตัดสินใจทางการเมืองได้ดีเพราะมีเหตุการณ์ความรุนแรง การสร้างพลังมวลชนป่วนเมืองในยุคพฤษภาทมิฬ และการใช้ตัวแปรอื่นๆ ขัดตราทัพ เป็นบทเรียนให้เป็นแบบอย่าง ไม่มีข้อพิสูจน์ว่านายเนวินบัญชาการกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน แต่คลิปภาพที่ปรากฏเห็นนายเนวินซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ในเขตกวนเมืองของเสื้อแดงที่บุกโรงแรมโรยัลคลิฟ ล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา ทุกตำราพิชัยสงครามจะเรียกว่าเป็นการตรวจแนวรบเพื่อประมวลและประเมินสถานการณ์ของแม่ทัพ และเป็นสิ่งจำเป็นด้วยสำหรับแม่ทัพที่สามารถจะทำเช่นนี้
พลังการเมืองของนายเนวินที่ได้รับการยอมรับจากฝ่ายทหารแม้จะเคยเป็นทหารมาก่อน และการฝังตัวในพรรคภูมิใจไทย ประสบการณ์และไหวพริบทักษะทางการเมืองของนายเนวิน จึงเป็นอำนาจและอาวุธทางการเมืองที่สามารถเจาะทะลุคำปรามาสของคนกรุง และชนชั้นกลางในแนวคิดประชานิยมกลางกรุงด้วยโครงการรถก๊าซเอ็นจีวี และประสบการณ์ทางการเกษตรของนายเนวินจะเป็นสิ่งที่สร้างประชานิยมจนสามารถบรรลุผลเป็นพรรคการเมืองขนาดพอดีที่จะต่อรองกับพรรคใหญ่ได้อย่างมีกำไรในอนาคต และนายเนวินเองคงจะสมใจแค่เป็นคนชักหุ่นอยู่เบื้องหลัง หรือเป็นวิทยากรที่สมาชิกพรรคภูมิใจไทยต้องฟังและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
nidd.riddhagni@gmail.com
หากอุปมาอุปไมยว่า กระโดดกบก็คือ การใช้คนอื่นเป็นสะพานให้เรากระโดดข้ามสิ่งกีดขวางอุปสรรคไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ และหากมันไม่ใช่เกมหรือท่าออกกำลังกาย การกระโดดกบข้ามคนที่ต้องยอมก้มหัวให้ ยอมเป็นสะพานให้คนกระโดด คนเป็นสะพานย่อมต้องล้าหลังคนกระโดดและโง่กว่า
นายเนวิน ชิดชอบ เข้าสู่วงการเมืองอย่างเต็มภาคภูมิในปี 2529 เมื่ออายุเพียง 28 ปี ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ สังกัดพรรคสหประชาธิปไตยที่มี พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคซึ่งผู้ที่ใกล้ชิดกับ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา อดีต ผบ.ทบ. และเป็นกลุ่มทหารอนุรักษนิยมและมีอิทธิพล ได้สร้างฐานอำนาจให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่ต่อมาขัดแย้งกับกลุ่มจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร เพราะมีการต่ออายุราชการของจอมพลประภาส ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ซึ่งพล.อ.กฤษณ์ รอคิวอยู่ จอมพลประภาสยอมลงจากตำแหน่ง ผบ.ทอ.ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ก่อนวันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง
และการไม่ยอมเสริมกำลังให้ขึ้นการบังคับบัญชากับ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร เมื่อเหตุการณ์รุนแรงขึ้นยิ่งก่อให้เกิดรอยร้าวฉานขั้นรุนแรงพล.อ.กฤษณ์ รู้ว่ามีการใช้ความรุนแรงเกินเหตุแล้วยิ่งทำให้ประชาชนโกรธแค้นมากเป็นทวีคูณและร่วมกับ พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ ร้องขอให้จอมพลถนอม กิตติขจร สั่งการให้ทหารยุติการใช้ความรุนแรง แต่ไม่มีใครฟังโดยเฉพาะพ.อ.ณรงค์ เหตุการณ์บานปลายเกินการควบคุมได้แล้วเป็นจลาจลเผาบ้านเผาเมือง
ด้วยเพราะ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา เคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรม จึงทำให้ พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ มองเห็นช่องทางในการประกอบธุรกิจโรงงานสับปะรดกระป๋องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนมีฐานะเป็นนักอุตสาหกรสามารถสร้างพรรคการเมืองได้ และมีอิทธิพลที่ตกทอดจาก พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา
ส่วนชื่อเนวินนั้น นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนปัจจุบัน มีความประทับใจในผลงานเผด็จการของนายพลเนวินแห่งพม่า ที่ทำการปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลนายอูนุ ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2505 รัฐบาลอูนุมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่ถูกจอมพลสฤษดิ์ทำรัฐประหารก่อน 5 ปี แต่ในปี 2505 ทั้งรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ และนายเนวินเป็นเผด็จการทหารด้วยกันทั้งสองรัฐบาล นายชัย ชิดชอบ จึงตั้งชื่อทายาทคนที่ 3 ของครอบครัวว่า “เนวิน” จึงเป็นเคล็ดที่น่าสนใจ
เส้นทางชีวิตการเมืองของนายเนวิน เป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้ เพราะผ่านประสบการณ์การเมืองมาแล้วประมาณ 7 พรรคการเมืองคือ พรรคสหประชาธิปไตย พรรคเทิดไทยของนายณรงค์ วงศ์วรรณ พรรคสามัคคีธรรมของนายณรงค์ วงศ์วรรณ ที่สร้างพรรคการเมืองรองรับอดีตกลุ่ม รสช.และชนะการเลือกตั้งทั่วไป 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 แต่นายณรงค์ ถูกขึ้นบัญชีดำของหน่วยต่อต้านยาเสพติดสหรัฐฯ พรรคสามัคคีธรรมจึงผลักดันให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 17 เมษายน แต่ถูกต่อต้านจากกลุ่มเสรีนิยม และกลุ่มซ้ายจนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พล.อ.สุจินดาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีรัฐบาลชั่วคราวนำโดย นายอานันท์ ปันยารชุน กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีวาระที่ 2 เพราะว่ามีการเสนอชื่อ พล.อ.อ.สมบุญ ระหงส์ หัวหน้าพรรคชาติไทยเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร และรักษาการประธานรัฐสภาเสนอชื่อ นายอานันท์ แทนเพราะเป็นการเสียหน้าของพรรคหรือเป็นเพราะพล.อ.อ.สมบุญบารมีการเมืองไม่ถึง
จากกรณีพฤษภาทมิฬพรรคสามัคคีธรรมสลายตัวโดยปริยาย นายเนวินจึงย้ายพรรคมาสังกัดพรรคชาติไทยในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2535 แม้ผ่านชีวิตการเมืองมาแค่ 6 ปี แต่ได้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นครั้งแรก และกระทรวงการคลังเป็นกระทรวงกำหนดยุทธศาสตร์การเศรษฐกิจการเงินของชาติ อันเป็นช่วงจังหวะที่ข้อตกลงในการประชุมองค์การค้าสากลหรือ Gatt-General Agreement and Tariffs and Trade ซึ่งในช่วงอุรกัยกราวด์ (Uruguay Round) รอบที่ 3 ระหว่าง ค.ศ. 1986-1994 นั้นมีข้อพิจารณาในเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญา สินค้าบริการ การเงินและสินค้าเกษตร
สินค้าบริการประเภทหนึ่ง คือ การประกันภัย และมีบริษัทข้ามชาติที่ต้องการมาเปิดกิจการในประเทศไทยตามข้อตกลงที่มีการอนุญาตให้มีธุรกิจประกันภัยข้ามชาติได้ และกิจการนี้อยู่ในอาณัติของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเป็นผู้รับผิดชอบ จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตด้วยหลักการและเงื่อนไขต่างๆ ก็อยู่ในอำนาจของนายเนวินทั้งสิ้น
และได้ย้ายพรรคจากพรรคชาติไทยไปอยู่พรรคเอกภาพ เพราะนายบรรหาร ศิลปอาชา ยุบสภาในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2539 เพราะถูกโจมตีอย่างหนักเรื่องปูมหลังของตระกูล และประวัติการศึกษาซึ่งนายเนวินก็โดนหางเครื่องด้วยเพราะประวัติการศึกษาที่สังคมดูว่า “ด้อยไปหน่อย” หรือไม่รู้ที่มาที่ไป และความไม่ชัดเจนในเรื่องเกรด
แต่ในปี 2540 เข้าสังกัดพรรคเอกภาพ นายเนวินได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนในปี 2544 ย้ายกลับมาสังกัดพรรคชาติไทยอีกครั้ง และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกตามเคย ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในปีต่อมา จนในปี 2547 ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 และเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2548 และเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยช่วงนั้นเป็นวิกฤตของทักษิณ นายเนวินเทใจให้ด้วยความรักภักดีแบบมอบกายใจ
ในชั้นต้นทักษิณไม่ยอมรับนายเนวินที่ถูกเรียกโดยสื่อมวลชนและสังคมชนชั้นกลางว่า “ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ” เพราะพฤติกรรมส่อให้เห็นว่า ทุจริตซื้อเสียงในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2538 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อตำรวจตรวจพบว่า มีธนบัตรใบละ 20 บาท และใบละ 100 บาทเย็บติดกันเป็นปึกใหญ่มัดรวมกันกับใบแนะนำตัวนายเนวิน ซึ่งไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวเองแล้ว เพราะตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วงการเมืองไม่เคยเปลี่ยนเขตจังหวัดเลือกตั้ง จนทุกวันนี้บุรีรัมย์คือฐานสำคัญยิ่งของนายเนวินที่มีอำนาจต่อรองทางการเมือง และมีกำไรเสมอมา
จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมและประสบการณ์ทางการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น และโลกาภิวัตน์แล้ว นายเนวินไม่เป็นสองรองใครแม้กระทั่งทักษิณซึ่งปรามาสนายเนวินว่า “ไม่ใช่คนมีคุณภาพ เป็นเพียงนักการเมืองท้องถิ่น” เมื่อแสดงทัศนะขณะหาเสียงเมื่อสถาปนาพรรคไทยรักไทย แต่ความอดทน ความไวต่อสถานการณ์ และสัญชาตญาณเอาตัวรอดซึ่งเกิดจากประสบการณ์การเมืองระดับท้องถิ่น ซึ่งมีการเข่นฆ่ากันถึงตายได้ง่ายๆ
แต่ประสบการณ์การเมืองระดับชาติที่นายเนวินซึมซับมาตลอด 23 ปี ผ่านงานหลายกระทรวง สร้างนวัตกรรมการครอบงำข้าราชการ และการลักไก่ข้าราชการ การล่อหลอกข้าราชการหลายกระทรวง ทั้งที่เป็นบัณฑิตภายในประเทศและภายนอกประเทศ นายเนวินสัมผัสและควบคุมได้อย่างราบรื่นเสมอมา โดยเฉพาะข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความหลากหลายผลประโยชน์ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน และมีรัฐวิสาหกิจในอาณัติ 7 องค์การ เช่น องค์การส่งเสริมกิจการโคนม องค์การสะพานปลา องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร สถาบันวิจัยยาง องค์การสวนยาง และสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เป็นต้น
ถามว่าอุตสาหกรรมยางพารามีความสำคัญ และมีเงินกองทุนสงเคราะห์มหาศาลขนาดไหนนั้น นายเนวินรู้ดีเพราะครั้งหนึ่งเคยฟาดฟันแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แต่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้กินพุงปลาไป แต่นายเนวินขอรับเพียงรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ซึ่งดูแลกิจการอุตสาหกรรมยางพาราของชาติเลยทีเดียว
คดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนายเนวินในขณะนี้คือ คดีทุจริตกล้ายางพาราซึ่งในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ จะเป็นวันสุดท้ายของการสืบพยานจำเลยคดีทุจริตกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ตามที่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) และนายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า กระทำการทุจริตกล้ายางพาราฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และฮั้วประมูลกล้ายางซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ให้สภาทนายความฟ้องแทนอัยการสูงสุด และเป็นคดีแรกซึ่งเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 นี้ศาลอาจจะนัดฟังคำพิพากษาไปประมาณเดือนสิงหาคม
ความสำคัญของนายเนวินที่มีต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะแปรพักตร์พร้อมกับการแถลงข่าวในวันที่ 7 เมษายน ให้ทักษิณยุติการชุมนุมเพื่อประเทศชาติ ก่อนเกิดสงกรานต์เลือด 2552 แบบท้าชนกับทักษิณและบอกว่า “รัฐใหม่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวถึงนั้นคืออะไร และขอร้องให้องคมนตรีลาออกเป็นการก้าวล่วงพระราชอัธยาศัยซึ่งตนถือว่าสำคัญกว่าพระราชอำนาจ และถ้าจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องข้ามศพตนไปก่อน”
จึงเหมือนเป็นการให้ทักษิณเป็นฐานก้าวกระโดดเพื่อเรียนรู้กลไกทุกอย่างของทักษิณในมิติปฏิญญาฟินแลนด์ 5 ประการ หรือระบอบธนกิจการเมืองแบบทักษิณ หรือเพราะสงครามปฏิวัติประชาชนภาคอีสานที่นายเนวินไม่เห็นด้วยเพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าทักษิณซึ่งปรามาสไว้ แต่ตอนหลังคิดว่านายเนวินคือทหารเอกเลยทีเดียวทำให้กลุ่มเสื้อแดงแค้นใจมาก ด่าว่าเป็นคนทรยศต่อผู้มีพระคุณอย่างทักษิณ
นายเนวินมีประสบการณ์ที่สามารถสร้างอำนาจในการตัดสินใจทางการเมืองได้ดีเพราะมีเหตุการณ์ความรุนแรง การสร้างพลังมวลชนป่วนเมืองในยุคพฤษภาทมิฬ และการใช้ตัวแปรอื่นๆ ขัดตราทัพ เป็นบทเรียนให้เป็นแบบอย่าง ไม่มีข้อพิสูจน์ว่านายเนวินบัญชาการกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน แต่คลิปภาพที่ปรากฏเห็นนายเนวินซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ในเขตกวนเมืองของเสื้อแดงที่บุกโรงแรมโรยัลคลิฟ ล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา ทุกตำราพิชัยสงครามจะเรียกว่าเป็นการตรวจแนวรบเพื่อประมวลและประเมินสถานการณ์ของแม่ทัพ และเป็นสิ่งจำเป็นด้วยสำหรับแม่ทัพที่สามารถจะทำเช่นนี้
พลังการเมืองของนายเนวินที่ได้รับการยอมรับจากฝ่ายทหารแม้จะเคยเป็นทหารมาก่อน และการฝังตัวในพรรคภูมิใจไทย ประสบการณ์และไหวพริบทักษะทางการเมืองของนายเนวิน จึงเป็นอำนาจและอาวุธทางการเมืองที่สามารถเจาะทะลุคำปรามาสของคนกรุง และชนชั้นกลางในแนวคิดประชานิยมกลางกรุงด้วยโครงการรถก๊าซเอ็นจีวี และประสบการณ์ทางการเกษตรของนายเนวินจะเป็นสิ่งที่สร้างประชานิยมจนสามารถบรรลุผลเป็นพรรคการเมืองขนาดพอดีที่จะต่อรองกับพรรคใหญ่ได้อย่างมีกำไรในอนาคต และนายเนวินเองคงจะสมใจแค่เป็นคนชักหุ่นอยู่เบื้องหลัง หรือเป็นวิทยากรที่สมาชิกพรรคภูมิใจไทยต้องฟังและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
nidd.riddhagni@gmail.com