ASTVผู้จัดการรายวัน - เคทีซียันไม่ลดดอกเบี้ยบัตรเครดิตเพราะถือเป็นระดับที่เหมาะสมแล้ว แต่จะหันทำการตลาดเพิ่มผลตอบแทนและความคุ้มค่าให้กับลูกค้าแทน ชี้เศรษฐกิจชะลอทำให้มียอดการค้างชำระเพิ่มขึ้น พร้อมปรับแผนหาลูกค้าใหม่แบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ยันไม่มีปัญหาสภาพคล่องแบงก์แม่พร้อมอัดฉีดเงิน ล่าสุดจับมือสำนักงานศาลยุติธรรมให้บริการรับชำระค่าธรรมเนียมศาลด้วยบัตรเครดิต
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ทางบริษัทยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง เพราะมองว่าการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 20% ยังเป็นระดับที่เหมาะสมอยู่ อีกทั้งในปัจจุบันยอดการผิดนัดชำระหนี้ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกก็อาจทำให้การทำธุรกิจเข้าสู่ภาวะขาดทุนได้
ทั้งนี้การทำตลาดบัตรเครดิตนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบทั้งการลดดอกเบี้ยให้ถูกแต่ไม่ทำการตลาดและการคิดอัตราดอกเบี้ยสูงแต่หาส่วนอื่นมาเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าซึ่งสิ่งที่ได้รับจะคุ้มค่าและมีผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งในส่วนของเคทีซีเลือกที่จะยังคงอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตไว้เท่าเดิม แต่จะมีการทำตลาดให้มากขึ้นโดยจะเจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง
"ตอนนี้เรามองว่าจะกลับมาทำการตลาดอีกครั้ง โดยเป็นการตลาดที่มีความเข้มแข็งและชัดเจนมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราค่อนข้างเงียบ แต่ตอนนี้เศรษฐกิจเริ่มทรงตัวทำให้เราคิดว่าไม่ควรจะเงียบเกินไป ซึ่งกิจกรรมที่จัดก็จะมีการกำหนดชัดเจน เช่น ลูกค้าระดับบน พวกที่ถือบัตรแพลตินัมเราก็จะมีการจัดอีเว้นท์ที่เฉพาะกลุ่ม เป็นต้น" นายนิวัตต์กล่าวว่า
ขณะนี้อัตราการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันอยู่ที่กว่า 4% จากเดิมอยู่ที่ 3% และคาดว่าในสิ้นปีจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5% โดยอัตราการค้างชำระที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากการเลิกจ้างงาน แต่มาจากรายได้ของลูกค้าลดลง เช่น ในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก รวมถึงไม่มีเงินพิเศษจากการทำงานล่วงเวลา (โอที) ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
นอกจากนี้ ทางเคทีซียังได้ทำการปรับแผนการหากลุ่มลูกค้าใหม่ โดยจะเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีปัญหา ส่วนการทำกำไรของบริษัทปีนี้คาดว่าจะไม่สูงมากนักหรืออาจลดลงจากปีก่อนซึ่งเป็นผลจากการที่ทางบริษัทจะเน้นลูกค้าที่เป็นแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น รวมถึงต้นทุนทางการเงินซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 5-6 %
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในขณะนี้บริษัทยังมีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องแม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่สามารถดำเนินการเพิ่มทุนได้ แต่ทางธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ยังพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินตลอดเวลา ซึ่งเงินกู้ที่ได้รับจากธนาคารกรุงไทยตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 18,000 ล้านบาท
"เอ็นพีแอลปีนี้คงเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ทางเราก็ได้มีการออกมาตรการเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าไปมากพอสมควร ทั้งการประนอมหนี้ การยืดหนี้ ส่วนการยกเลิกบัตรตอนนี้ก็มีมากขึ้นในส่วนที่เรายกเลิกบัตรของลูกค้า ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่ค้างชำระหนี้ แต่ถ้าดูสถานการณ์รวม ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเหมือนช่วงที่เกิดขึ้นในปี 2540"
ล่าสุด นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเคทีซีได้ร่วมลงนามข้อตกลงการให้บริการรับเงินค่าธรรมเนียมด้วยบัตรเครดิต ทั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงานศาลยุติธรรมได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาและเตรียมการนำระบบชำระเงินในคดีด้วยบัตรเครดิตมาใช้ในศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นการเพิ่มช่องทางในการชำระเงินค่าธรรมเนียมศาล และช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่คู่ความ และประชาชนที่มาติดต่อราชการศาลยุติธรรม ตามนโยบายของประธานศาลฎีกา โดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 1 %ของจำนวนเงินที่ชำระผ่านบัตรเครดิตกับผู้ถือบัตรเครดิตเคทีซี ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการในศาลนำร่องทั้งสิ้น 3 ศาล ได้แก่ ศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และศาลแพ่งธนบุรี ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2552 เป็นต้นไป จากนั้นจึงจะขยายผลไปยังหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมทั่วประเทศ
นายนิวัตต์ กล่าวว่า เคทีซีเป็นสถาบันการเงินรายแรกและรายเดียวของประเทศไทยในขณะนี้ที่เปิดให้บริการ เพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกในการชำระเงินให้แก่สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีทั่วประเทศกว่า 1.66 ล้านใบ โดยจะเปิดรับเงินค่าธรรมเนียมศาลขั้นต่ำ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน200,000 บาท สำหรับค่าธรรมเนียมศาลที่เปิดรับชำระ ได้แก่ ค่าขึ้นศาล ค่าคำร้องขอให้บังคับตามคำชี้ขาด ค่าฟ้องขอให้บังคับจำนองหรือบังคับเอาทรัพย์สินจำนอง คำขอ ค่าอ้างเอกสารเป็นพยาน เป็นต้น เราหวังว่าการบริการรูปแบบใหม่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอีกทางหนึ่ง และจะมุ่งมั่นสรรหาบริการที่ดีและมีประโยชน์มานำเสนอแก่ส่วนรวมอย่างต่อเนื่อง
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ทางบริษัทยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง เพราะมองว่าการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 20% ยังเป็นระดับที่เหมาะสมอยู่ อีกทั้งในปัจจุบันยอดการผิดนัดชำระหนี้ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกก็อาจทำให้การทำธุรกิจเข้าสู่ภาวะขาดทุนได้
ทั้งนี้การทำตลาดบัตรเครดิตนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบทั้งการลดดอกเบี้ยให้ถูกแต่ไม่ทำการตลาดและการคิดอัตราดอกเบี้ยสูงแต่หาส่วนอื่นมาเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าซึ่งสิ่งที่ได้รับจะคุ้มค่าและมีผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งในส่วนของเคทีซีเลือกที่จะยังคงอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตไว้เท่าเดิม แต่จะมีการทำตลาดให้มากขึ้นโดยจะเจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง
"ตอนนี้เรามองว่าจะกลับมาทำการตลาดอีกครั้ง โดยเป็นการตลาดที่มีความเข้มแข็งและชัดเจนมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราค่อนข้างเงียบ แต่ตอนนี้เศรษฐกิจเริ่มทรงตัวทำให้เราคิดว่าไม่ควรจะเงียบเกินไป ซึ่งกิจกรรมที่จัดก็จะมีการกำหนดชัดเจน เช่น ลูกค้าระดับบน พวกที่ถือบัตรแพลตินัมเราก็จะมีการจัดอีเว้นท์ที่เฉพาะกลุ่ม เป็นต้น" นายนิวัตต์กล่าวว่า
ขณะนี้อัตราการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันอยู่ที่กว่า 4% จากเดิมอยู่ที่ 3% และคาดว่าในสิ้นปีจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5% โดยอัตราการค้างชำระที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากการเลิกจ้างงาน แต่มาจากรายได้ของลูกค้าลดลง เช่น ในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก รวมถึงไม่มีเงินพิเศษจากการทำงานล่วงเวลา (โอที) ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
นอกจากนี้ ทางเคทีซียังได้ทำการปรับแผนการหากลุ่มลูกค้าใหม่ โดยจะเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีปัญหา ส่วนการทำกำไรของบริษัทปีนี้คาดว่าจะไม่สูงมากนักหรืออาจลดลงจากปีก่อนซึ่งเป็นผลจากการที่ทางบริษัทจะเน้นลูกค้าที่เป็นแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น รวมถึงต้นทุนทางการเงินซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 5-6 %
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในขณะนี้บริษัทยังมีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องแม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่สามารถดำเนินการเพิ่มทุนได้ แต่ทางธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ยังพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินตลอดเวลา ซึ่งเงินกู้ที่ได้รับจากธนาคารกรุงไทยตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 18,000 ล้านบาท
"เอ็นพีแอลปีนี้คงเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ทางเราก็ได้มีการออกมาตรการเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าไปมากพอสมควร ทั้งการประนอมหนี้ การยืดหนี้ ส่วนการยกเลิกบัตรตอนนี้ก็มีมากขึ้นในส่วนที่เรายกเลิกบัตรของลูกค้า ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่ค้างชำระหนี้ แต่ถ้าดูสถานการณ์รวม ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเหมือนช่วงที่เกิดขึ้นในปี 2540"
ล่าสุด นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเคทีซีได้ร่วมลงนามข้อตกลงการให้บริการรับเงินค่าธรรมเนียมด้วยบัตรเครดิต ทั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงานศาลยุติธรรมได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาและเตรียมการนำระบบชำระเงินในคดีด้วยบัตรเครดิตมาใช้ในศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นการเพิ่มช่องทางในการชำระเงินค่าธรรมเนียมศาล และช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่คู่ความ และประชาชนที่มาติดต่อราชการศาลยุติธรรม ตามนโยบายของประธานศาลฎีกา โดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 1 %ของจำนวนเงินที่ชำระผ่านบัตรเครดิตกับผู้ถือบัตรเครดิตเคทีซี ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการในศาลนำร่องทั้งสิ้น 3 ศาล ได้แก่ ศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และศาลแพ่งธนบุรี ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2552 เป็นต้นไป จากนั้นจึงจะขยายผลไปยังหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมทั่วประเทศ
นายนิวัตต์ กล่าวว่า เคทีซีเป็นสถาบันการเงินรายแรกและรายเดียวของประเทศไทยในขณะนี้ที่เปิดให้บริการ เพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกในการชำระเงินให้แก่สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีทั่วประเทศกว่า 1.66 ล้านใบ โดยจะเปิดรับเงินค่าธรรมเนียมศาลขั้นต่ำ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน200,000 บาท สำหรับค่าธรรมเนียมศาลที่เปิดรับชำระ ได้แก่ ค่าขึ้นศาล ค่าคำร้องขอให้บังคับตามคำชี้ขาด ค่าฟ้องขอให้บังคับจำนองหรือบังคับเอาทรัพย์สินจำนอง คำขอ ค่าอ้างเอกสารเป็นพยาน เป็นต้น เราหวังว่าการบริการรูปแบบใหม่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอีกทางหนึ่ง และจะมุ่งมั่นสรรหาบริการที่ดีและมีประโยชน์มานำเสนอแก่ส่วนรวมอย่างต่อเนื่อง
