00 เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา หากใครได้เห็นภาพข่าวทางสื่อโทรทัศน์ที่รายงานการสัมมนาหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย ที่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ถ้าได้ดูก่อนกินข้าวก็คงจะกินไม่ลง ขณะเดียวกันหากใครได้เห็นหลังจากกินข้าวอิ่มแล้วก็อาจจะอ้วกแตก อ้วกแตน ก็เป็นได้ เพราะในภาพจะเห็นบรรดานักการเมืองที่ภูมิหลังแตกต่างกันมายงโย่ ยงหยก ดำนา ไถนา ออกท่าทางน่าทุเรศให้เห็น
00 ก็จะไม่ให้รู้สึกแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์แต่ละคนแล้ว ไม่มีทางจะทำแบบนั้นได้ เช่น “ชวรัตน์ ชาญวีระกูล” อดีตเจ้าของ “ซิโนไทย” ยักษ์ใหญ่วงการรับเหมาก่อสร้างจะมาดำนา นั่งรถอีแต๊ก หรือ “เจ๊วา” พรทิวา นาคาศัย จะยอมมาตากแดด ก้มๆเงยๆ เห็นภาพในวันนั้นแล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่า “พวกนักธุรกิจเลือกตั้ง” มันทำได้ทุกอย่างจริงๆ
00 ปฏิเสธไม่ได้ว่า“โมเดลพรรณานิคม” กับ“โมเดลอาจสามารถ” ใกล้เคียงกันมาก ผิดกันแต่ว่า เดิมคนที่เป็นหัวเรือใหญ่คือ “เสี่ยแม้ว” มาวันนี้เปลี่ยนไปเป็น “เสี่ยห้อย” แต่รูปแบบโดยรวมแล้วเหมือนกันยังกะแกะ เรื่องหลักๆก็คือ“สร้างภาพ” ให้เห็นว่า "คลุกคลี ตีโมง" กับชาวบ้าน แต่พิเศษตรงที่ว่า ถึงขั้นให้รัฐมนตรีดำนา อาบน้ำในทุ่งกันเลยทีเดียว
00 อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมองในมุมไหน“มันไม่เนียน” เพราะดันจับได้ว่านักการเมืองที่ลงไปทั้งหมดมันมีเจตนาไม่ซื่อ เอ่ยชื่อมาแต่ละคนมีแต่ภูมิหลังใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือมาตลอด ชั่วชีวิตทางการเมือง หรือทางธุกิจล้วนเกี่ยวข้องกับอำนาจทั้งสิ้น ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ก็เป็นแค่หวังประโคมข่าว หวังผลในเรื่องการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไม่มีอะไรซับซ้อน !!
00 ระบบคิดก็ไม่มีอะไรมาก ใช้วิธีรวมกลุ่มแล้วหา“นายทุน” ร่วมรัฐบาลแล้วคิดบิ๊กโปรเจกต์ ต่อยอดด้วยการดูดส.ส.เกรดเอ เข้ามาเพิ่ม ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว พรรคภูมิใจไทยมี “กระสุน” เกือบพร้อมแล้ว แต่“กระแส” ยังน่ากังขาอยู่ไม่น้อย เพราะในภาคเหนือ-อีสาน หากจะเข้าวิน ก็ต้องมีทั้งสองอย่างประกอบกัน แต่บางครั้งคนอย่าง “เสี่ยห้อย” อาจเคลิ้มว่า เมื่อตัวเองสั่งรัฐมนตรี บีบแกนนำปชป.จนหัวหมุนได้ มันก็ทำให้คิดเลยเถิดได้เหมือนกัน ว่ากันว่าตำแหน่งนายกฯในช็อตต่อไปมันก็ไม่ไกลเกินเอื้อม ถ้าวิธีการน้ำเน่าเถื่อนๆ แบบนี้ยังขายได้ในวงการ
00 สำหรับคนชื่อ“เนวิน” แล้วเก้าอี้นายกฯ อาจต้องเว้นวรรคไว้ชั่วคราว เพราะยังติดหล่มบ้านเลขที่ 111 อีกราว 2 ปีกว่า และหากรัฐบาลอภิสิทธิ์ จำเป็นต้องยุบสภาก่อนกำหนดจริง ก็อาจต้องใช้แผนสองขัดตาทัพ นั่นคือ ดันคนอื่นขึ้นไปก่อน ซึ่งก็เห็นหน้าค่าตากันอยู่แล้ว 2 คน คือ ชวรัตน์ กับ “เฮียป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เคย “สติแตก” วิ่งหนีม็อบแดงถ่อยที่กระทรวงมหาดไทย จนหมดสภาพนั่นแหละ ดังนั้นอีกไม่นานเราจะได้เห็นอดีตขุนทหารคนนี้ ใส่เสื้อภูมิใจไทย ลงเลือกตั้งในเขตอีสาน อีกไม่นานเกินรอ พี่น้อง !!
00 ก็จะไม่ให้รู้สึกแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์แต่ละคนแล้ว ไม่มีทางจะทำแบบนั้นได้ เช่น “ชวรัตน์ ชาญวีระกูล” อดีตเจ้าของ “ซิโนไทย” ยักษ์ใหญ่วงการรับเหมาก่อสร้างจะมาดำนา นั่งรถอีแต๊ก หรือ “เจ๊วา” พรทิวา นาคาศัย จะยอมมาตากแดด ก้มๆเงยๆ เห็นภาพในวันนั้นแล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่า “พวกนักธุรกิจเลือกตั้ง” มันทำได้ทุกอย่างจริงๆ
00 ปฏิเสธไม่ได้ว่า“โมเดลพรรณานิคม” กับ“โมเดลอาจสามารถ” ใกล้เคียงกันมาก ผิดกันแต่ว่า เดิมคนที่เป็นหัวเรือใหญ่คือ “เสี่ยแม้ว” มาวันนี้เปลี่ยนไปเป็น “เสี่ยห้อย” แต่รูปแบบโดยรวมแล้วเหมือนกันยังกะแกะ เรื่องหลักๆก็คือ“สร้างภาพ” ให้เห็นว่า "คลุกคลี ตีโมง" กับชาวบ้าน แต่พิเศษตรงที่ว่า ถึงขั้นให้รัฐมนตรีดำนา อาบน้ำในทุ่งกันเลยทีเดียว
00 อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมองในมุมไหน“มันไม่เนียน” เพราะดันจับได้ว่านักการเมืองที่ลงไปทั้งหมดมันมีเจตนาไม่ซื่อ เอ่ยชื่อมาแต่ละคนมีแต่ภูมิหลังใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือมาตลอด ชั่วชีวิตทางการเมือง หรือทางธุกิจล้วนเกี่ยวข้องกับอำนาจทั้งสิ้น ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ก็เป็นแค่หวังประโคมข่าว หวังผลในเรื่องการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไม่มีอะไรซับซ้อน !!
00 ระบบคิดก็ไม่มีอะไรมาก ใช้วิธีรวมกลุ่มแล้วหา“นายทุน” ร่วมรัฐบาลแล้วคิดบิ๊กโปรเจกต์ ต่อยอดด้วยการดูดส.ส.เกรดเอ เข้ามาเพิ่ม ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว พรรคภูมิใจไทยมี “กระสุน” เกือบพร้อมแล้ว แต่“กระแส” ยังน่ากังขาอยู่ไม่น้อย เพราะในภาคเหนือ-อีสาน หากจะเข้าวิน ก็ต้องมีทั้งสองอย่างประกอบกัน แต่บางครั้งคนอย่าง “เสี่ยห้อย” อาจเคลิ้มว่า เมื่อตัวเองสั่งรัฐมนตรี บีบแกนนำปชป.จนหัวหมุนได้ มันก็ทำให้คิดเลยเถิดได้เหมือนกัน ว่ากันว่าตำแหน่งนายกฯในช็อตต่อไปมันก็ไม่ไกลเกินเอื้อม ถ้าวิธีการน้ำเน่าเถื่อนๆ แบบนี้ยังขายได้ในวงการ
00 สำหรับคนชื่อ“เนวิน” แล้วเก้าอี้นายกฯ อาจต้องเว้นวรรคไว้ชั่วคราว เพราะยังติดหล่มบ้านเลขที่ 111 อีกราว 2 ปีกว่า และหากรัฐบาลอภิสิทธิ์ จำเป็นต้องยุบสภาก่อนกำหนดจริง ก็อาจต้องใช้แผนสองขัดตาทัพ นั่นคือ ดันคนอื่นขึ้นไปก่อน ซึ่งก็เห็นหน้าค่าตากันอยู่แล้ว 2 คน คือ ชวรัตน์ กับ “เฮียป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เคย “สติแตก” วิ่งหนีม็อบแดงถ่อยที่กระทรวงมหาดไทย จนหมดสภาพนั่นแหละ ดังนั้นอีกไม่นานเราจะได้เห็นอดีตขุนทหารคนนี้ ใส่เสื้อภูมิใจไทย ลงเลือกตั้งในเขตอีสาน อีกไม่นานเกินรอ พี่น้อง !!