xs
xsm
sm
md
lg

อสังหาฯโคราชทรุด 20%- ดิ้นเจาะตลาดบน “คาซ่าเอสเตท”สวนกระแสขายทะลุ 200 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กฤช  หิรัญกิจ
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ธุรกิจอสังหาฯโคราช เมืองใหญ่อีสานสี่เดือนแรกยังซบเซา ยอดขายทรุด 15-20 % แบงก์สุดหินคุมเข้มปล่อยกู้ เผยผู้ประกอบการดิ้นมุ่งเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะมากขึ้นโดยตลาดบนกำลังซื้อสูง ด้าน“คาซ่า เอสเตท กรุ๊ป”สวนกระแส เดินหน้าแผนลงทุน 4,500 ล้าน เผย 2 โครงการเมืองย่าโมยอดขายเกินคาดภายในสิ้นมิ.ย.นี้“เดอะเซ็นทรัล พาร์ค”โอนบ้านให้ลูกค้ากว่า 200 ล้าน ส่วนโครงการ“ปทุมธานี” ปิดการขายไปแล้ว 50 % ขณะที่บิ๊กโปรเจกต์ 2,500 ล้านที่“พัทยา ชลบุรี” เร่งเดินหน้าเต็มสูบ

นายกฤช หิรัญกิจ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวมใน จ.นครราชสีมา ในช่วง 4 เดือนแรกของปีจนถึงขณะนี้ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลให้ยอดขายลดลงประมาณ 15-20 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ถือว่าได้รับผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับตลาดใหญ่อย่างกรุงเทพฯและปริมณฑล เพราะโครงการคอนโดมิเนียมและตลาดลูกค้าต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบสูงอยู่ขณะนี้ ในโคราชและต่างจังหวัดถือว่ามีน้อยมาก

“ประกอบกับช่วง 26 มีนาคม -1 เมษายนที่ผ่านมา สมาคมฯได้จัดงานมหกรรมบ้านโคราชครั้งที่ 5 สามารถสร้างยอดขายให้ผู้ประกอบการได้รวมกว่า 200 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โคราชคึกคักขึ้นมา ไม่ซบเซามากจนเกินไป” นายกริช กล่าว

นายกฤช กล่าวต่อว่า โครงการที่อยู่อาศัยพร้อมขายในโคราชขณะนี้มีอยู่ประมาณ 2,500 ยูนิต กลุ่มตลาดระดับราคา 1-2 ล้านบาท ยังขายได้เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ยังมีความต้องการและมีกำลังซื้อสูงอยู่ แต่ตลาดล่างราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทค่อนข้างลำบาก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจมากที่สุด แต่ปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่เงื่อนไขการปล่อยกู้ของธนาคารไม่เอื้ออำนวย และเข้มงวดมากเกินไปจากปัจจัยปัญหาเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีลูกค้าซื้อบ้านไม่ผ่านเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกว่า 40% นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก อีกทั้งนโยบายการลดภาษีธุรกิจเฉพาะที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ดำเนินการต่อหลังสิ้นสุด 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ปัจจุบันยังติดอยู่ที่กรมสรรพากรทำให้ยังไม่มีผลในทางปฏิบัติ

ในส่วนผู้ประกอบการเองพยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่ได้ในภาวะเช่นนี้ โดยสมาคมฯให้คำแนะนำสมาชิกผู้ประกอบการบ้านจัดสรรโคราช ให้ทำโครงการที่มุ่งเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะให้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดบนที่มีกำลังซื้อสูงและไม่มีปัญหาการปล่อยกู้ของธนาคาร

อย่างเช่น ล่าสุดบริษัทตนได้เปิดโครงการThe Beverly Hills เป็นทาวน์โฮมโมเดิร์นสไตล์ ริมสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว ใจกลางเมืองโคราช ขนาด 3 ชั้น มี 4 สไตล์ จำนวน 21 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ราคายูนิตละ 4-5 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการรูปแบบใหม่ของโคราชมีแนวคิดมาจากย่านที่อาศัยของดาราฮอลลีวูดและกลุ่มคนระดับเศรษฐีในอเมริกา ที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เซานา สวนลอยฟ้า ระบบไฟฟ้าใต้ดิน อินเทอร์เน็ตและติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกมุมถนน เป็นต้น

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างฐานราก แต่มียอดจองแล้ว 50 % คาดว่าคงขายหมดใน 6 เดือนนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแพทย์ วิศวกร และ นักธุรกิจ”นายกฤช กล่าว
สุดที่รัก  พันธุ์สายเชื้อ
“คาซ่า เอสเตทฯ ”โกยยอดขาย 200 ล้าน

นายสุดที่รัก พันธุ์สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ คาซ่า เอสเตท กรุ๊ป (CASA ESTATE GROUP) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ 4 โครงการ รวมกว่า 4,500 ล้านบาท ว่า ล่าสุดโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่ จ.นครราชสีมา 2 โครงการใหญ่ มูลค่าลงทุน 1,450 ล้านบาท คือ โครงการเดอะเซ็นทรัล พาร์ค บ้านจัดสรรกลางใจเมืองโคราช ตั้งอยู่บน ถ.เลียบคลองส่งน้ำ โรงเรียนสุรนารีวิทยา 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา บ้าน 2 ชั้น 250 ยูนิต ราคา 2.3-12 ล้านบาท บนพื้นที่ 59 ไร่

ขณะนี้ได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้แก่ลูกค้าไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท และ ทยอยโอนอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าช่วงเดือน พ.ค.- มิ.ย.นี้ จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้แก่ลูกค้าได้กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินการถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

นอกจากนี้ โครงการเดอะเซ็นทรัล พาร์ค ยังเตรียมเปิดโซน Exclusive เอาใจลูกค้ากลุ่ม Premium ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันลูกค้ากลุ่ม B+ ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ฉะนั้นโครงการฯ จึงจะเดินหน้าเจาะตลาดในกลุ่มนี้ต่อไป เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง และไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการขอยื่นกู้กับธนาคารรวมถึงการผ่อนชำระ และล่าสุดมีลูกค้าเป็นนักธุรกิจโคราชต้องการบ้านหลังพิเศษราคาประมาณ 30 ล้านบาท บนเนื้อที่ราว 1,000 ตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกันในรายละเอียด

นายสุดที่รัก กล่าวต่อว่า ในส่วนของโครงการนีโอพาร์ค ซึ่งตั้งอยู่ติดกันกับ เดอะเซ็นทรัล พาร์ค มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่กลุ่ม B- เป็นบ้าน 2 ชั้น ราคา 1.4 -3 ล้านบาท รวม 480 ยูนิต บนที่ดิน 90 ไร่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเร่งสร้างระบบสาธารณูปโภค เสร็จไปแล้วกว่า 30 % และกำลังเดินหน้าต่อไปตามแผนที่วางไว้จะไม่หยุดหรือชะลอโครงการอย่างเด็ดขาดแม้สภาวะเศรษฐกิจเป็นช่วงขาลงก็ตาม โดยเฟสแรกจะก่อสร้างรวม 238 ยูนิต ขณะนี้ได้ทำPre saleไปบ้างแล้ว มีลูกค้าสนใจเข้ามาจองบ้านแล้วกว่า 10 ยูนิต นับว่าได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย

“ตลาดบ้านจัดสรรในโคราช ยังคงมีกำลังซื้อสูงแม้ว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ความต้องการและกำลังซื้อยังมีอยู่ ที่สำคัญกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราอยู่ที่ระดับ B – ขึ้นไป จึงไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมากนัก และไม่ค่อยมีปัญหาในการยื่นกู้กับธนาคาร ประกอบกับชาวโคราชมีความเชื่อมั่นในโครงการของ คาซ่า เอสเตท กรุ๊ป ทั้งด้านคุณภาพ ทำเล และการบริการดูแลลูกค้า จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ยอดขายโดยรวมของคาซ่า เอสเตท กรุ๊ปใน 4 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาประมาณ 4 %” นายสุดที่รัก กล่าว

สำหรับโครงการหมู่บ้านอนันดา รังสิตคลอง 3 จ.ปทุมธานี เป็นบ้าน 2 ชั้น จำนวน 200 ยูนิต ราคา 2.5-4 ล้านบาท บนเนื้อที่ 45 ไร่ มูลค่าลงทุน 550 ล้านบาท นั้น ขณะนี้ทำยอดขายแล้วกว่า 90 ยูนิต หรือ เกือบ 50% นับเป็นอีกโครงการได้รับการตอบรับจากลูกค้าสูง ประกอบกับจังหวัดปริมณฑลและกรุงเทพฯ ถือเป็นตลาดใหญ่และมีกลุ่มลูกค้าหลากหลาย จึงคาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถปิดการขายโครงการนี้ได้

ส่วนโครงการเดอะแกรนด์ เรสซิเด้นซ์ เงินลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมขนาด 7 ชั้น 3 หลัง รวม 280 ยูนิต, อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น , 3 ชั้น และ 4 ชั้น รวม 70 ยูนิต และ บ้านเดี่ยวชั้นเดียว 60 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 4 ล้านบาท บนเนื้อที่ 30 ไร่ ตั้งอยู่ ถ.สุขุมวิท พัทยา จ.ชลบุรี ขณะนี้ได้ปรับพื้นที่ทั้งหมดแล้ว จะประชุมผู้บริหารกลุ่ม คาซ่า เอสเตท กรุ๊ป เพื่อสรุปรายละเอียดโครงการทั้งหมดภายในเดือน พ.ค.นี้ โดยกลุ่มลูกค้าของ เดอะแกรนด์ เรสซิเด้นซ์ เป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง หรือในกลุ่ม A+ ซึ่งเป็นตลาดเมืองท่องเที่ยวใหญ่อย่าง จ.ชลบุรี อยู่แล้ว

“อย่างไรก็ตามธุรกิจบ้านจัดสรรโดยรวมของโคราชชะลอตัวลง ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาธนาคารเข้มงวดในการปล่อยกู้และคัดกรองลูกค้ามากขึ้นโดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่ทำงานด้านธุรกิจยานยนต์, ประกันภัย และ พนักงานโรงงานอุตสาหกรรม ประเภท ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เหล่านี้จะถูกลดความน่าเชื่อถือลงและธนาคารมักไม่ปล่อยสินเชื่อให้ คาดว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงปลายปี” นายสุดที่รัก กล่าวในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น