xs
xsm
sm
md
lg

SCBคุมหนี้เน่าสินเชื่อบ้าน2.5% ฟุ้งยังครองมาเก็ตแชร์อันดับหนึ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยพาณิชย์รับยังเข้มงวดปล่อยกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ตั้งเป้าเอ็นพีแอลปีนี้ไม่ให้เกิน 2.5%จากปัจจุบัน 2.6-2.7% ระบุยังมีความเสี่ยงแม้สัญญาณจะเริ่มดีขึ้น แต่ยังคงเป้าปล่อยกู้ไว้ที่ 5.3-5.5 หมื่นล้าน หลัง 5 เดือนแรกปล่อยกู้ได้ 2 หมื่นล้าน

นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารยังคงเป้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยไว้ที่ระดับ 5.3-5.5 หมื่นล้านบาท จากสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้าง ณ สิ้นปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2.2 แสนล้านบาทโดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีสามารถปล่อยสินเชื่อได้แล้วประมาณ 2 หมื่นล้าน จากช่วงไตรมาสแรกของปีที่ปล่อยกู้ได้ 1 หมื่นล้านบาท แต่ธนาคารเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจากสามารถปล่อยกู้ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)จากสินเชื่อที่อยู่อาศัยปีนี้ธนาคารจะควบคุมไม่ให้เกิน 2.5% ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่ 2.6-2.7% เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารได้มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและควบคุมลูกค้ากลุ่มเสี่ยงได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าจะสามารถดูแลให้เอ็นพีแอลลดลงตามเป้าหมายได้

"ขณะนี้ยอดอนุมัติสินเชื่อของธนาคารอยู่ที่ประมาณ 80-85% และมีส่วนที่ถูกปฏิเสธการอนุมัติอยู่ที่ประมาณ 15-20% ซึ่งธนาคารมองว่ายังมีความเสี่ยงในการชำระหนี้คืนสำหรับผู้ที่ขอสินเชื่อในกลุ่มนี้อยู่บ้าง จึงจำเป็นต้องดูแลอยู่ในระดับหนึ่ง"

อย่างไรก็ตาม ธนาคารมั่นใจว่าจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)สินเชื่อที่อยู่อาศัยปีนี้ไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งถือเป็นอันดับที่ 1 ในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย และยังมีสัดส่วนที่ห่างจากธนาคารพาณิชย์รายอื่นที่มีมาร์เก็ตแชร์รองลงมา โดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) มีมาร์เก็ตแชร์ 18-19% ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) มีมาร์เก็ตแชร์15% และรองลงมาได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) มีมาร์เก็ตแชร์ 7%

"ธนาคารมั่นใจว่าในปีนี้จะรักษาแชมป์ยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยสูงสุดได้อย่างแน่นอน ซึ่งส่วนตรงนี้จะไม่รวมธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แต่เรื่องที่จะมีสัดส่วนมาเก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเกินกว่า 30% หรือไม่เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา เนื่องจากภาวะต่างๆแม้จะดูดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มีความแน่นอน แต่ธนาคารก็ได้มีโครงการร่วมกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ยังขายสินค้าได้จำนวนมากอยู่ จึงทำให้ยังสามารถปล่อยสินเชื่อได้อยู่ แต่ในส่วนของความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในตอนนี้อาจจะลดลงไปบ้างจากสภาวะการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย"
กำลังโหลดความคิดเห็น