ช่วงนี้บ่อยเป็นพิเศษที่จะได้เห็นนักการเมืองเล่นตลกหน้าตาย โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อว่า “ศรัทธาทำ” ในสมัยเรียน ม.ราม เล่นจนเกือบหลุด ด้วยตัวเองว่าอันไหนจริงอันไหนโกหก ลำดับสติปัญญาได้อยากมาก หมายถึงคนที่ได้ชื่อว่า ศรัทธาทำ นะ หรือจะเรียกว่าพวกตลกหน้าตาย ถ้าคนไร้ปัญญาหน่อยดูเหมือนพวกตลกหน้าตายจะน่าเชื่อถือ แต่บังเอิญเด็กอนุบาลแถวบ้านมีปัญญายังนับเลขได้ถูก รู้ว่าเลขไหนมาก่อนมาหลัง เลยรู้ว่าตลกหน้าตาย ดำน้ำหรือพูดความจริง
ที่เกริ่นแบบนี้เพราะช่วงวันที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์วันที่ 13 เมษายน ซึ่งมีกรรมการจากหลายฝ่าย ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีการศึกษา รวมทั้งคนตลกหน้าตายด้วย แต่ดูไปแล้วไม่ค่อยได้ใช้ วันๆ หาแต่หนองน้ำ จะได้ดำน้ำ จนบางทีไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนโกหกแล้ว
อย่างที่พูดถึงว่าอะไรมาก่อน เวลาเราลำดับตัวเลขทั่วโลก หรือรวมทั้งจักรวาลนี้ก็นับเหมือนกัน แต่พอในห้องประชุมตรวจสอบเหตุการณ์ความจริงวันที่ 13 เมษายน กลับมีมนุษย์ตนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นคน ศรัทธาทำ แต่ในบทความจะเรียกว่า ตลกหน้าตาย ไม่ให้เรียกแบบนี้จะเรียกอย่างอื่นได้ยังไงเพราะเรื่องที่มนุษย์ตนนี้พูดล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก จนทำให้คนที่รู้ความจริงเขาตลกกับความกล้าเล่น กล้าได้ กล้าเสีย ยิ่งกว่ารายการโชว์ไม่ต้องแค่ในเมืองไทย ต่อให้จักรวาลจากสวรรค์ถึงขุมนรกที่พวกนี้จะไปอยู่ ก็ไม่มีใครกล้าเล่นมุกปล่อยกระบือขนาดนั้น ถึงขนาดที่ต้องเรียกว่า ตลกหน้าตายยย
ทว่าเป็นความเชื่อเหมือนที่สื่อบางสำนักให้เครดิต ก็เป็นความเชื่อที่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ สมัยตอนเด็กได้มีโอกาสพบนักวิชาการด้านศาสนามุสลิม ท่านบอกว่าพวกก่อการร้ายจะอ้างว่าการฆ่าคนไม่ผิด เป็นการทำเพื่อพระเจ้า ท่านอธิบายต่อว่าพวกก่อการร้ายพวกนี้สามารถสร้างแนวความคิดแบบชั่วเช่นนี้ได้อย่างไร มันจะเหมือนหลักการตลาดไหมที่ต้องมี “อะไร ยังไง ทำไม เมื่อไหร่” อันมีนะก็มีเหมือนกัน แต่กลุ่มผู้ก่อการร้ายจะสร้างประเด็นเล็กๆ ที่เป็นเรื่องโกหก แล้วสร้างเรื่องราวให้สาวกท่องจำ จากนั้นก็พูดซ้ำๆ กันหลายๆ รอบ หนักเข้าถึงขั้นบรรจุในบทสวดเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อ พอสวดไปสวดมา ท่องไปท่องมา จาก 1 คน เป็น 2 เป็นร้อยเป็นพัน แล้วคนหลายร้อยหลายพันพูดพร้อมกัน ท่องพร้อมกันมันก็กลายเป็นเรื่องที่ถูกต้องไปในที่สุด
แต่โชคดีมากๆ ถึงมากที่สุดที่โลกใบนี้มีเหตุผล อะไรๆ ก็ช่างน้ำหนักได้ด้วยเหตุผล อย่างเหตุการณ์ที่คนตลกหน้าตายดำน้ำในห้องประชุมกรรมการฯ ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพี่น้องทหารต้องใช้อาวุธหนักเลย ทำไมไม่ทำตามขั้นตอนสากลของโลกธาตุ น่าจะถามกลับนะว่าทำไมพวกเสื้อแดงไม่ชุมนุมตามหลักของผู้เรียกร้องสิทธิตามหลักการของผู้ชุมนุมแบบมีสติ และอหิงสา ก็เพราะอย่างนั้นไง เพราะ 12 มาก่อน 13 ไง มันถึงเป็นแบบนี้ ทุบรถ ทำร้ายร่างกาย ไล่ฆ่านายกฯ ทำร้ายภาพประเทศชาติในการประชุม สร้างความวุ่นวาย ทำให้รถต้องติดโดยอ้างข้อเรียกร้องแบบไร้เหตุผลในวันที่ 12 เมษายน เกิดความสับสนในบ้านเมือง ประชาชนแตกตื่นมึนงง ประเทศชาติอ่อนไหว เสื้อแดงไล่ตีไล่ฆ่าผู้นำประเทศขนาดนั้นแล้ว ต่อให้ไม่จำเป็นที่เป็นผู้นำประเทศหรอก ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ทางการเมืองแล้วละก็ คนที่โดนทำร้ายก็ต้องป้องกันตัวเองให้ถึงที่สุดอยู่แล้วใช่มั้ย
เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ทหารที่รับหน้าที่ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จะมาเริ่มด้วยการฉีดน้ำใส่คนที่กำลังกล้าแบบบ้าสุดๆ อยู่ เห็นทีทหารก็คงจะโดนไม่น้อยกว่าเลขาธิการนายกฯ เลยต้องเริ่มด้วยอาวุธหนักเบาต่างกัน ซึ่งถือว่าเป็นความกรุณาของนายกฯ แล้วที่ท่านสั่งและกระซิบบอกไม่ให้ใช้ความรุนแรง เพราะบางทีนายกฯ คนก่อนสั่งทหารตำรวจว่าขอให้เปิดทางเพื่อ ส.ส.จะได้เข้าประชุมแต่อาจจะกระซิบอีกอย่างก็ได้ ใครจะรู้
ถึงทหารจะใช้อาวุธหนัก ทหารก็ยิงขึ้นฟ้าแล้วตรึงกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยให้บ้านเมือง จะพูดไปมากกว่านี้ก็เห็นทีจะไม่ดี เดี๋ยวหาว่าเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ทีมโฆษก กองทัพ รับเงินรับทองกองทัพอีก เอาเป็นว่าเรื่องราวเป็นยังไง โลกใบนี้ก็มีสำนักข่าว หนังสือพิมพ์ ทีวีทั่วโลกเป็นร้อยสำนักให้ตรวจสอบ แถมมีประชาชนติดกล้องได้กลายเป็นนักข่าวจำเป็น เอาไปโพสต์โชว์ในอินเทอร์เน็ตว่าเหตุการณ์ความจริงเป็นอย่างไร ทำให้ปัญญาชนทั้งหลายผู้ศรัทธาในธรรม เข้าใจทหารว่าทำไมต้องเป็นอาวุธหนักในวันที่ 13 เมษายน วันปีใหม่ไทยที่คนไทยเซ็ง
เมื่อสมัยครั้งพุทธกาล จริงอยู่ที่พระพุทธเจ้าเริ่มต้นหลักการของพระธรรมด้วยการเทศนาเรื่องมรรค 8 มี สัมมาทิฐิ ความเห็นชอบเป็นที่ตั้ง ไปจนถึงหลักไตรลักษณ์ แต่หลายครั้งพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้เริ่มต้นเทศนาแบบนี้กับทุกๆ คน พระองค์จะพิจารณาถึงเรื่องราวของแต่ละคนว่าเป็นคนจริตหรือนิสัยอย่างไร เป็นคนจำพวกไหน ท่านก็จะเริ่มด้วยการเตือนสติก่อนแล้วเทศนาสั่งสอนตามลักษณะนิสัยของคนนั้นๆ
นี่ขนาดรัฐบาลหรือผู้นำรัฐบาลไม่ได้ตรัสรู้ ยังใช้วิธีการให้สติผู้ชุมนุมด้วยการสลายจากความคลั่ง และให้ข้อมูลความจริงที่ตรวจสอบได้ ขอย้ำว่าตรวจสอบได้ที่พวกคนตลกหน้าตายหรือแกนนำเสื้อแดงสร้างเรื่องราวให้พี่น้องคนไทยกลุ่มเสื้อแดงเชื่อและท่องจำ จนนำไปสู่ความรุนแรง หยุดทำร้ายประเทศไทยยุติความรุนแรง เริ่มได้ที่เหลี่ยมหนีคุก หัวหน้าคณะตลกหน้าตาย ตาย (ตายอ่านเสียงหนักๆ)
ขอเรียกร้องนะ ขอเรียกร้องอย่าให้พวกตลกหน้าตายตั้งแต่หัวหน้าใหญ่เลยหยุด อย่าหยุดทำร้ายประเทศชาติบ้านเมือง เพราะบ้านนี้เมืองนี้เป็นเมืองพุทธ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำกรรมเช่นไรไว้ จะได้รับผลกรรมนั้นสืบต่อไปตลอด เรื่องกรรมเป็นหลักของกฎจักรวาล กฎที่ทุกสิ่งทุกอย่างใช้ร่วมกรรมคือ 1 + 1 ต้องเท่ากับ 2 ไม่มีทางจะเป็นอื่น
อีกตัวอย่างคือ ปลูกข้าวก็ได้ข้าว ไม่มีทางได้ข้าวโพด ในเมื่อพวกคุณไม่หยุดทำแล้วจิตใจเป็นปกติสุขก็ทำต่อไปพอถึงเวลาผลของกรรมนั้นมา คุณอย่าบ่น อย่าโทษใคร และอย่าโทษตัวเอง ให้คุณตั้งสติและสำนึก ถ้าจะให้ดีเริ่มตั้งแต่วันนี้เลยก็ดีนะ
ที่เกริ่นแบบนี้เพราะช่วงวันที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์วันที่ 13 เมษายน ซึ่งมีกรรมการจากหลายฝ่าย ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีการศึกษา รวมทั้งคนตลกหน้าตายด้วย แต่ดูไปแล้วไม่ค่อยได้ใช้ วันๆ หาแต่หนองน้ำ จะได้ดำน้ำ จนบางทีไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนโกหกแล้ว
อย่างที่พูดถึงว่าอะไรมาก่อน เวลาเราลำดับตัวเลขทั่วโลก หรือรวมทั้งจักรวาลนี้ก็นับเหมือนกัน แต่พอในห้องประชุมตรวจสอบเหตุการณ์ความจริงวันที่ 13 เมษายน กลับมีมนุษย์ตนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นคน ศรัทธาทำ แต่ในบทความจะเรียกว่า ตลกหน้าตาย ไม่ให้เรียกแบบนี้จะเรียกอย่างอื่นได้ยังไงเพราะเรื่องที่มนุษย์ตนนี้พูดล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก จนทำให้คนที่รู้ความจริงเขาตลกกับความกล้าเล่น กล้าได้ กล้าเสีย ยิ่งกว่ารายการโชว์ไม่ต้องแค่ในเมืองไทย ต่อให้จักรวาลจากสวรรค์ถึงขุมนรกที่พวกนี้จะไปอยู่ ก็ไม่มีใครกล้าเล่นมุกปล่อยกระบือขนาดนั้น ถึงขนาดที่ต้องเรียกว่า ตลกหน้าตายยย
ทว่าเป็นความเชื่อเหมือนที่สื่อบางสำนักให้เครดิต ก็เป็นความเชื่อที่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ สมัยตอนเด็กได้มีโอกาสพบนักวิชาการด้านศาสนามุสลิม ท่านบอกว่าพวกก่อการร้ายจะอ้างว่าการฆ่าคนไม่ผิด เป็นการทำเพื่อพระเจ้า ท่านอธิบายต่อว่าพวกก่อการร้ายพวกนี้สามารถสร้างแนวความคิดแบบชั่วเช่นนี้ได้อย่างไร มันจะเหมือนหลักการตลาดไหมที่ต้องมี “อะไร ยังไง ทำไม เมื่อไหร่” อันมีนะก็มีเหมือนกัน แต่กลุ่มผู้ก่อการร้ายจะสร้างประเด็นเล็กๆ ที่เป็นเรื่องโกหก แล้วสร้างเรื่องราวให้สาวกท่องจำ จากนั้นก็พูดซ้ำๆ กันหลายๆ รอบ หนักเข้าถึงขั้นบรรจุในบทสวดเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อ พอสวดไปสวดมา ท่องไปท่องมา จาก 1 คน เป็น 2 เป็นร้อยเป็นพัน แล้วคนหลายร้อยหลายพันพูดพร้อมกัน ท่องพร้อมกันมันก็กลายเป็นเรื่องที่ถูกต้องไปในที่สุด
แต่โชคดีมากๆ ถึงมากที่สุดที่โลกใบนี้มีเหตุผล อะไรๆ ก็ช่างน้ำหนักได้ด้วยเหตุผล อย่างเหตุการณ์ที่คนตลกหน้าตายดำน้ำในห้องประชุมกรรมการฯ ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพี่น้องทหารต้องใช้อาวุธหนักเลย ทำไมไม่ทำตามขั้นตอนสากลของโลกธาตุ น่าจะถามกลับนะว่าทำไมพวกเสื้อแดงไม่ชุมนุมตามหลักของผู้เรียกร้องสิทธิตามหลักการของผู้ชุมนุมแบบมีสติ และอหิงสา ก็เพราะอย่างนั้นไง เพราะ 12 มาก่อน 13 ไง มันถึงเป็นแบบนี้ ทุบรถ ทำร้ายร่างกาย ไล่ฆ่านายกฯ ทำร้ายภาพประเทศชาติในการประชุม สร้างความวุ่นวาย ทำให้รถต้องติดโดยอ้างข้อเรียกร้องแบบไร้เหตุผลในวันที่ 12 เมษายน เกิดความสับสนในบ้านเมือง ประชาชนแตกตื่นมึนงง ประเทศชาติอ่อนไหว เสื้อแดงไล่ตีไล่ฆ่าผู้นำประเทศขนาดนั้นแล้ว ต่อให้ไม่จำเป็นที่เป็นผู้นำประเทศหรอก ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ทางการเมืองแล้วละก็ คนที่โดนทำร้ายก็ต้องป้องกันตัวเองให้ถึงที่สุดอยู่แล้วใช่มั้ย
เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ทหารที่รับหน้าที่ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จะมาเริ่มด้วยการฉีดน้ำใส่คนที่กำลังกล้าแบบบ้าสุดๆ อยู่ เห็นทีทหารก็คงจะโดนไม่น้อยกว่าเลขาธิการนายกฯ เลยต้องเริ่มด้วยอาวุธหนักเบาต่างกัน ซึ่งถือว่าเป็นความกรุณาของนายกฯ แล้วที่ท่านสั่งและกระซิบบอกไม่ให้ใช้ความรุนแรง เพราะบางทีนายกฯ คนก่อนสั่งทหารตำรวจว่าขอให้เปิดทางเพื่อ ส.ส.จะได้เข้าประชุมแต่อาจจะกระซิบอีกอย่างก็ได้ ใครจะรู้
ถึงทหารจะใช้อาวุธหนัก ทหารก็ยิงขึ้นฟ้าแล้วตรึงกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยให้บ้านเมือง จะพูดไปมากกว่านี้ก็เห็นทีจะไม่ดี เดี๋ยวหาว่าเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ทีมโฆษก กองทัพ รับเงินรับทองกองทัพอีก เอาเป็นว่าเรื่องราวเป็นยังไง โลกใบนี้ก็มีสำนักข่าว หนังสือพิมพ์ ทีวีทั่วโลกเป็นร้อยสำนักให้ตรวจสอบ แถมมีประชาชนติดกล้องได้กลายเป็นนักข่าวจำเป็น เอาไปโพสต์โชว์ในอินเทอร์เน็ตว่าเหตุการณ์ความจริงเป็นอย่างไร ทำให้ปัญญาชนทั้งหลายผู้ศรัทธาในธรรม เข้าใจทหารว่าทำไมต้องเป็นอาวุธหนักในวันที่ 13 เมษายน วันปีใหม่ไทยที่คนไทยเซ็ง
เมื่อสมัยครั้งพุทธกาล จริงอยู่ที่พระพุทธเจ้าเริ่มต้นหลักการของพระธรรมด้วยการเทศนาเรื่องมรรค 8 มี สัมมาทิฐิ ความเห็นชอบเป็นที่ตั้ง ไปจนถึงหลักไตรลักษณ์ แต่หลายครั้งพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้เริ่มต้นเทศนาแบบนี้กับทุกๆ คน พระองค์จะพิจารณาถึงเรื่องราวของแต่ละคนว่าเป็นคนจริตหรือนิสัยอย่างไร เป็นคนจำพวกไหน ท่านก็จะเริ่มด้วยการเตือนสติก่อนแล้วเทศนาสั่งสอนตามลักษณะนิสัยของคนนั้นๆ
นี่ขนาดรัฐบาลหรือผู้นำรัฐบาลไม่ได้ตรัสรู้ ยังใช้วิธีการให้สติผู้ชุมนุมด้วยการสลายจากความคลั่ง และให้ข้อมูลความจริงที่ตรวจสอบได้ ขอย้ำว่าตรวจสอบได้ที่พวกคนตลกหน้าตายหรือแกนนำเสื้อแดงสร้างเรื่องราวให้พี่น้องคนไทยกลุ่มเสื้อแดงเชื่อและท่องจำ จนนำไปสู่ความรุนแรง หยุดทำร้ายประเทศไทยยุติความรุนแรง เริ่มได้ที่เหลี่ยมหนีคุก หัวหน้าคณะตลกหน้าตาย ตาย (ตายอ่านเสียงหนักๆ)
ขอเรียกร้องนะ ขอเรียกร้องอย่าให้พวกตลกหน้าตายตั้งแต่หัวหน้าใหญ่เลยหยุด อย่าหยุดทำร้ายประเทศชาติบ้านเมือง เพราะบ้านนี้เมืองนี้เป็นเมืองพุทธ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำกรรมเช่นไรไว้ จะได้รับผลกรรมนั้นสืบต่อไปตลอด เรื่องกรรมเป็นหลักของกฎจักรวาล กฎที่ทุกสิ่งทุกอย่างใช้ร่วมกรรมคือ 1 + 1 ต้องเท่ากับ 2 ไม่มีทางจะเป็นอื่น
อีกตัวอย่างคือ ปลูกข้าวก็ได้ข้าว ไม่มีทางได้ข้าวโพด ในเมื่อพวกคุณไม่หยุดทำแล้วจิตใจเป็นปกติสุขก็ทำต่อไปพอถึงเวลาผลของกรรมนั้นมา คุณอย่าบ่น อย่าโทษใคร และอย่าโทษตัวเอง ให้คุณตั้งสติและสำนึก ถ้าจะให้ดีเริ่มตั้งแต่วันนี้เลยก็ดีนะ