เอเอฟพี - เกาหลีใต้และอาเซียนได้บรรลุข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกันโดยสมบูรณ์เมื่อวานนี้ (2) ซึ่งจะเป็นการเปิดตลาดที่มีผู้บริโภครวมกันถึง 650 ล้านคนให้แก่กันและกัน นอกจากนี้ก็ยังได้ปวารณาว่าจะร่วมมือกันต่อสู้กับการกีดกันทางการค้า และต้านวิกฤตเศรษฐกิจโลกด้วยกัน
ผู้นำ 10 ชาติสมาชิกสมาคมอาเซียนและเกาหลีใต้ ได้เสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดเป็นเวลา 2 วันที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันจันทร์(1)แล้ว โดยต่างยังเห็นพ้องกันด้วยว่า จะร่วมมือกันเพื่อกระตุ้นภาคการเงินของภูมิภาคนี้ โดยการสนับสนุนพัฒนาการตลาดพันธบัตรในเอเชียให้แข็งแกร่งมากขึ้น
ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามกันในสัญญาเปิดเสรีด้านการลงทุนระหว่างกันเมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้สัญญาการค้าเสรีระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นสำเร็จสมบูรณ์ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาได้ลงนามในสัญญาเปิดการค้าเสรีด้านสินค้าเมื่อปี 2007 ขณะที่การค้าเสรีภาคบริการก็สรุปกันได้เมื่อเดือนที่แล้วหลังจากเจรจาเริ่มมาตั้งแต่ปี 2005 ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความหวังว่า หลังจากการลงนามในครั้งนี้แล้ว การค้าระหว่างกันจะพุ่งขึ้นเป็นเกือบสองเท่าตัว สู่ระดับ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2015
ทั้งนี้ในส่วนสัญญาการค้าเสรีด้านสินค้า ได้กระตุ้นการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นเป็น 90,200 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2008 เทียบกับ 46,400 ล้านของปี 2004 ก่อนที่จะเริ่มการเจรจากัน
“ในวันนี้เกาหลีใต้และอาเซียนได้บรรลุความก้าวหน้าครั้งใหญ่สู่การเป็นหุ้นส่วนและเป็นมิตรกันอย่างยั่งยืน” ประธานาธิบดีลีมยองบัคแห่งเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประธานในการประชุมกล่าว
เขาคาดการว่าในปี 2015 อันเป็นปีที่อาเซียนจะบรรลุเป้าหมายในการรวมกันเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว “กลุ่มเศรษฐกิจอาเซียนน่าจะมีความสำคัญและมีขนาดล้ำหน้าสหภาพยุโรปเสียอีก”
ส่วนนายกรัฐมนตรีของไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานอาเซียนในวาระนี้ ก็กล่าวว่าเกาหลีใต้นั้นเป็นหนึ่งใน “หุ้นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดและคึกคักที่สุด” ของอาเซียน
ในคำแถลงช่วงท้ายการประชุม ทั้งสองฝ่ายเรียกร้องให้เร่งรัดการดำเนินการกองทุนเงินฉุกเฉินมูลคา 120,000 ล้านดอลลาร์ ที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก (กลุ่มอาเซียน+3) ได้ตกลงกันไว้เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อช่วยเหลือประเทศที่ร่วมในข้อตกลง ในการรับมือกับปัญหาการไร้สภาพคล่องการเงิน
พวกเขายังได้เรียกร้องให้ก่อตั้งหน่วยงานติดตามตรวจตราที่เป็นเอกเทศขึ้น เพื่อป้องกันวิกฤตการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งทำหน้าที่ประเมินประเทศที่ต้องการจะกู้ยืมเงินจากกองทุนฉุกเฉินด้วย
ผู้นำของทั้ง 11 ประเทศที่มาร่วมประชุมกันในครั้งนี้ได้ยืนยันว่า “จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค รวมทั้งร่วมมือกันต่อต้านลัทธิกีดกันทางการค้า” ทั้งนี้ตามคำแถลงหลังการประชุม
พวกเขาเน้นย้ำว่าการทำให้ตลาดพันธบัตรแห่งเอเชียแข็งแกร่งมากขึ้น จะทำให้สามารถดึงเอาเงินออมที่มีอยู่จำนวนมหาศาลในภูมิภาคนี้ มาลงทุนด้านการพัฒนาต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโต นอกจากนี้ทั้งเกาหลีใต้และอาเซียนก็ยังได้ประกาศจะร่วมมือกันพัฒนาภาคพลังงานในภูมิภาคอีกด้วย
เกาหลีใต้กำลังพยายามเพิ่มบทบาทรวมทั้งอิทธิพลของตนในอาเซียน ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 600 ล้านคนและมีผลผลิตมวลรวมประชาชาติสูงถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่เพื่อนบ้านของเกาหลีใต้ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือญี่ปุ่น ต่างก็ล้ำหน้าเกาหลีใต้ไปแล้วทั้งนั้นในประเด็นเหล่านี้
ผู้นำ 10 ชาติสมาชิกสมาคมอาเซียนและเกาหลีใต้ ได้เสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดเป็นเวลา 2 วันที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันจันทร์(1)แล้ว โดยต่างยังเห็นพ้องกันด้วยว่า จะร่วมมือกันเพื่อกระตุ้นภาคการเงินของภูมิภาคนี้ โดยการสนับสนุนพัฒนาการตลาดพันธบัตรในเอเชียให้แข็งแกร่งมากขึ้น
ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามกันในสัญญาเปิดเสรีด้านการลงทุนระหว่างกันเมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้สัญญาการค้าเสรีระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นสำเร็จสมบูรณ์ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาได้ลงนามในสัญญาเปิดการค้าเสรีด้านสินค้าเมื่อปี 2007 ขณะที่การค้าเสรีภาคบริการก็สรุปกันได้เมื่อเดือนที่แล้วหลังจากเจรจาเริ่มมาตั้งแต่ปี 2005 ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความหวังว่า หลังจากการลงนามในครั้งนี้แล้ว การค้าระหว่างกันจะพุ่งขึ้นเป็นเกือบสองเท่าตัว สู่ระดับ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2015
ทั้งนี้ในส่วนสัญญาการค้าเสรีด้านสินค้า ได้กระตุ้นการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นเป็น 90,200 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2008 เทียบกับ 46,400 ล้านของปี 2004 ก่อนที่จะเริ่มการเจรจากัน
“ในวันนี้เกาหลีใต้และอาเซียนได้บรรลุความก้าวหน้าครั้งใหญ่สู่การเป็นหุ้นส่วนและเป็นมิตรกันอย่างยั่งยืน” ประธานาธิบดีลีมยองบัคแห่งเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประธานในการประชุมกล่าว
เขาคาดการว่าในปี 2015 อันเป็นปีที่อาเซียนจะบรรลุเป้าหมายในการรวมกันเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว “กลุ่มเศรษฐกิจอาเซียนน่าจะมีความสำคัญและมีขนาดล้ำหน้าสหภาพยุโรปเสียอีก”
ส่วนนายกรัฐมนตรีของไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานอาเซียนในวาระนี้ ก็กล่าวว่าเกาหลีใต้นั้นเป็นหนึ่งใน “หุ้นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดและคึกคักที่สุด” ของอาเซียน
ในคำแถลงช่วงท้ายการประชุม ทั้งสองฝ่ายเรียกร้องให้เร่งรัดการดำเนินการกองทุนเงินฉุกเฉินมูลคา 120,000 ล้านดอลลาร์ ที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก (กลุ่มอาเซียน+3) ได้ตกลงกันไว้เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อช่วยเหลือประเทศที่ร่วมในข้อตกลง ในการรับมือกับปัญหาการไร้สภาพคล่องการเงิน
พวกเขายังได้เรียกร้องให้ก่อตั้งหน่วยงานติดตามตรวจตราที่เป็นเอกเทศขึ้น เพื่อป้องกันวิกฤตการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งทำหน้าที่ประเมินประเทศที่ต้องการจะกู้ยืมเงินจากกองทุนฉุกเฉินด้วย
ผู้นำของทั้ง 11 ประเทศที่มาร่วมประชุมกันในครั้งนี้ได้ยืนยันว่า “จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค รวมทั้งร่วมมือกันต่อต้านลัทธิกีดกันทางการค้า” ทั้งนี้ตามคำแถลงหลังการประชุม
พวกเขาเน้นย้ำว่าการทำให้ตลาดพันธบัตรแห่งเอเชียแข็งแกร่งมากขึ้น จะทำให้สามารถดึงเอาเงินออมที่มีอยู่จำนวนมหาศาลในภูมิภาคนี้ มาลงทุนด้านการพัฒนาต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโต นอกจากนี้ทั้งเกาหลีใต้และอาเซียนก็ยังได้ประกาศจะร่วมมือกันพัฒนาภาคพลังงานในภูมิภาคอีกด้วย
เกาหลีใต้กำลังพยายามเพิ่มบทบาทรวมทั้งอิทธิพลของตนในอาเซียน ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 600 ล้านคนและมีผลผลิตมวลรวมประชาชาติสูงถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่เพื่อนบ้านของเกาหลีใต้ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือญี่ปุ่น ต่างก็ล้ำหน้าเกาหลีใต้ไปแล้วทั้งนั้นในประเด็นเหล่านี้