ASTVผู้จัดการรายวัน – ททท.ผนึก 3 เอกชน สิงห์ ไทยพาณิชย์ฯและบางจาก ละเลงงบ 60 ล้านบาท ระเบิดแคมเปญ “12 เดือน 7ดาว 9 ตะวัน” กระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศ ชูกว่า 40 แหล่งท่องเที่ยว จัดทำเป็นหนังสือคู่มือแจกฟรีแก่ผู้สนใจ หวังใช้ช่วยฟื้นเศรษฐกิจชาติ แถมยังบรรลุเป้าหมายตลาดคนไทย 87 ล้านคนครั้งในสิ้นปีนี้
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้ผนึกพันธมิตรภาคเอกชน 3 ราย ได้แก่ บริษัทสิงห์ คอปอร์เรชั่น , ปั๊มน้ำมันบางจาก และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด จัดทำโครงการ “12 เดือน 7ดาว 9 ตะวัน” เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลัง ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า
โดยโครงการนี้ใช้งบประมาณทั้งหมดราว 60 ล้านบาท แบ่งเป็น ททท. 40 ล้านบาท สำหรับโฆษณาประชาสัมพันธ์ ขณะที่ภาคเอกชน จะออกค่าใช้จ่ายในส่วนของจัดทำหนังสือคู่มือสำหรับนักท่องเที่ยว จำนวน 180,000 เล่ม นำเสนอเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวกว่า 40 แห่ง พร้อมรายละเอียดข้อมูลการเดินทาง
ทั้งนี้จากโครงการดังกล่าว ททท.คาดหวังว่าจะช่วยสร้างกระแสและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีกระจายไปในทุกภูมิภาคทั่วประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5% ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวที่ ททท.จัดมานำเสนอในครั้งนี้ จะต่อยอดจากโครงการอันซีนไทยแลนด์ ที่ททท.ได้เคยนำเสนอไปแล้วซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและยังเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวไม่มากนัก เช่น เที่ยวชมผืนพรมทะเลหญ้าเขียวขจี ที่ทุ่งแสลงหลวง ,จองพารา เทศกาลแห่งสีสัน วันแห่งปราสาทไม้เกี๊ยะ จ.แม่ฮ่องสอน ,ชมทะเลหมอก 360 องศา ที่ดอยกาดผี จ.เชียงราย เป็นต้น ซึ่งผู้สนใจสามารถขอรับหนังสือคู่มือ “12 เดือน 7ดาว 9 ตะวัน” ได้ที่สำนักงานททท.ทั่วประเทศและปั๊มน้ำมันบางจาก และททท.ยังได้นำโครงการนี้มาจัดบูธที่งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ระหว่างวันที่ 3-7 มิ.ย.นี้ ที่อิมแพคเมืองทองธานี ด้วย
นางจุฑาพร กล่าวอีกว่า สำหรับคำนิยามของคำว่า 12 เดือน คือปรากฎการณ์ธรรมชาติสุดยอดทุกมุมมอง ที่ททท.คัดมาว่าสวยที่สุดและน่าดูที่สุด ซึ่ง ททท.ได้จัดเป็นปีปฎิทิน เดือนละ 2 แห่ง ส่วนคำว่า 7 ดาว หมายถึง ความมหัศจรรย์แห่งความสวยงามที่เกิดขึ้นยามค่ำคืนที่น่าสนใจ และ 9 ตะวัน จะเป็นสุดยอดแห่งปรากฎการณ์ภาคกลางวัน ที่มีความงดงาม
ทั้ง 3 รูปแบบดังกล่าวจึงนับว่าเป็นการสร้างกระแสการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่เพื่อให้คนไทยตื่นตัวและออกมาเดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น เพราะการท่องเที่ยวคือการช่วยกระตุ้นเศรษบกิจของประเทศและกระจายรายได้เข้าถึงชุมชนได้โดยตรง ขณะที่โครงการนี้จะช่วยตอกย้ำให้ททท.ประสบความสำเร็จกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่า ตลาดในประเทศปีนี้จะต้องได้ 87 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนภายในประเทศ 407,000 ล้านบาท
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้ผนึกพันธมิตรภาคเอกชน 3 ราย ได้แก่ บริษัทสิงห์ คอปอร์เรชั่น , ปั๊มน้ำมันบางจาก และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด จัดทำโครงการ “12 เดือน 7ดาว 9 ตะวัน” เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลัง ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า
โดยโครงการนี้ใช้งบประมาณทั้งหมดราว 60 ล้านบาท แบ่งเป็น ททท. 40 ล้านบาท สำหรับโฆษณาประชาสัมพันธ์ ขณะที่ภาคเอกชน จะออกค่าใช้จ่ายในส่วนของจัดทำหนังสือคู่มือสำหรับนักท่องเที่ยว จำนวน 180,000 เล่ม นำเสนอเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวกว่า 40 แห่ง พร้อมรายละเอียดข้อมูลการเดินทาง
ทั้งนี้จากโครงการดังกล่าว ททท.คาดหวังว่าจะช่วยสร้างกระแสและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีกระจายไปในทุกภูมิภาคทั่วประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5% ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวที่ ททท.จัดมานำเสนอในครั้งนี้ จะต่อยอดจากโครงการอันซีนไทยแลนด์ ที่ททท.ได้เคยนำเสนอไปแล้วซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและยังเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวไม่มากนัก เช่น เที่ยวชมผืนพรมทะเลหญ้าเขียวขจี ที่ทุ่งแสลงหลวง ,จองพารา เทศกาลแห่งสีสัน วันแห่งปราสาทไม้เกี๊ยะ จ.แม่ฮ่องสอน ,ชมทะเลหมอก 360 องศา ที่ดอยกาดผี จ.เชียงราย เป็นต้น ซึ่งผู้สนใจสามารถขอรับหนังสือคู่มือ “12 เดือน 7ดาว 9 ตะวัน” ได้ที่สำนักงานททท.ทั่วประเทศและปั๊มน้ำมันบางจาก และททท.ยังได้นำโครงการนี้มาจัดบูธที่งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ระหว่างวันที่ 3-7 มิ.ย.นี้ ที่อิมแพคเมืองทองธานี ด้วย
นางจุฑาพร กล่าวอีกว่า สำหรับคำนิยามของคำว่า 12 เดือน คือปรากฎการณ์ธรรมชาติสุดยอดทุกมุมมอง ที่ททท.คัดมาว่าสวยที่สุดและน่าดูที่สุด ซึ่ง ททท.ได้จัดเป็นปีปฎิทิน เดือนละ 2 แห่ง ส่วนคำว่า 7 ดาว หมายถึง ความมหัศจรรย์แห่งความสวยงามที่เกิดขึ้นยามค่ำคืนที่น่าสนใจ และ 9 ตะวัน จะเป็นสุดยอดแห่งปรากฎการณ์ภาคกลางวัน ที่มีความงดงาม
ทั้ง 3 รูปแบบดังกล่าวจึงนับว่าเป็นการสร้างกระแสการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่เพื่อให้คนไทยตื่นตัวและออกมาเดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น เพราะการท่องเที่ยวคือการช่วยกระตุ้นเศรษบกิจของประเทศและกระจายรายได้เข้าถึงชุมชนได้โดยตรง ขณะที่โครงการนี้จะช่วยตอกย้ำให้ททท.ประสบความสำเร็จกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่า ตลาดในประเทศปีนี้จะต้องได้ 87 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนภายในประเทศ 407,000 ล้านบาท
