ASTVผู้จัดการรายวัน – รีเทลลิงค์ ปรับกลยุทธ์ควักอุปกรณ์อาหาร-เครื่องดื่มมือสองหั่นราคา 50% รับมือธุรกิจค้าปลีกชะลอตัว 2 ปีต่อเนื่อง หวังทะลวงกลุ่มเอสเอ็มอี-คนตกงาน เดินหน้าเสนอนวัตกรรมใหม่ พร้อมผุดศูนย์บริการหลังการขาย 24 ชั่วโมง 31 จุด สร้างความต่างสินค้าคู่แข่งงัดสงครามราคา สิ้นปีโตไม่ต่ำกว่า 30% จากรายได้ 1,300 ล้านบาท
นายนริศ ธรรมเกื้อกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รีเทลลิงค์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าและอุปกรณ์สำหรับธุรกิจค้าปลีก เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทมุ่งเสนอนวัตกรรมอุปกรณ์อาหารและเครื่องดื่มสำหรับธุรกิจค้าปลีกใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากกว่าเน้นกลยุทธ์ราคา
อีกทั้งยังได้ปรับกลยุทธ์โดยนำสินค้าโชว์หรือทดลองในระยะ 6 เดือนออกมาจำหน่ายในราคาถูก 50% เพื่อรองรับการแข่งขันสงครามราคา และขยายฐานลูกค้าเอสเอ็มอีหรือผู้ที่ตกงานหลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ และสนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจของตนเอง
ขณะเดียวกันบริษัทให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย โดยได้เปิดศูนย์บริการ 31 แห่งทั่วประเทศ และให้บริการ 24 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ ภายใต้การมีหน่วยรถบริการ 400 คัน และเปิดอบรมวิธีการใช้อุปกรณ์เพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าคู่แข่ง นอกจากนี้บริษัทเดินหน้าลดต้นทุนต่างๆ ที่เกิดขึ้น หลังจากธุรกิจค้าปลีกในช่วงปี 2551-2552 มีการเติบโตจากการขยายสาขาไม่มากนัก โดยได้ตัดกิจกรรมที่ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม อาทิ ลดขั้นตอนกระบวนการส่งสินค้า เป็นต้น
แนวโน้มธุรกิจอุปกรณ์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้หลายบริษัทปิดกิจการไป โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้กลยุทธ์ราคา สำหรับรายได้ของบริษัท ยังคงมีการเติบโตมากกว่า 20% ต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และกำไรเติบโต 30% ปีนี้บริษัทจึงตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตอย่างต่ำ 30% จากการมีรายได้ 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากกลุ่มเครื่องกาแฟ 40% อุปกรณ์ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 25% จากการขยายสาขา 400 แห่งต่อปี และเครื่องปรับอากาศอุตสาหกรรม 20%
นายนริศ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาดการจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับธุรกิจค้าปลีก โดยครองส่วนแบ่ง 60% ซึ่งในตลาดมีผู้ประกอบการรายใหญ่ 6 ราย ที่เหลือเป็นดีลเลอร์ 1,000 ราย สำหรับบริษัทมีลูกค้าระดับองค์กรใหญ่ 300 ราย อาทิ ร้านสุกี้ พิซซ่า ไอศกรีม และร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน และอื่นๆ รวมแล้ว 1,000 ราย
นายนริศ ธรรมเกื้อกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รีเทลลิงค์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าและอุปกรณ์สำหรับธุรกิจค้าปลีก เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทมุ่งเสนอนวัตกรรมอุปกรณ์อาหารและเครื่องดื่มสำหรับธุรกิจค้าปลีกใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากกว่าเน้นกลยุทธ์ราคา
อีกทั้งยังได้ปรับกลยุทธ์โดยนำสินค้าโชว์หรือทดลองในระยะ 6 เดือนออกมาจำหน่ายในราคาถูก 50% เพื่อรองรับการแข่งขันสงครามราคา และขยายฐานลูกค้าเอสเอ็มอีหรือผู้ที่ตกงานหลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ และสนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจของตนเอง
ขณะเดียวกันบริษัทให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย โดยได้เปิดศูนย์บริการ 31 แห่งทั่วประเทศ และให้บริการ 24 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ ภายใต้การมีหน่วยรถบริการ 400 คัน และเปิดอบรมวิธีการใช้อุปกรณ์เพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าคู่แข่ง นอกจากนี้บริษัทเดินหน้าลดต้นทุนต่างๆ ที่เกิดขึ้น หลังจากธุรกิจค้าปลีกในช่วงปี 2551-2552 มีการเติบโตจากการขยายสาขาไม่มากนัก โดยได้ตัดกิจกรรมที่ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม อาทิ ลดขั้นตอนกระบวนการส่งสินค้า เป็นต้น
แนวโน้มธุรกิจอุปกรณ์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้หลายบริษัทปิดกิจการไป โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้กลยุทธ์ราคา สำหรับรายได้ของบริษัท ยังคงมีการเติบโตมากกว่า 20% ต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และกำไรเติบโต 30% ปีนี้บริษัทจึงตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตอย่างต่ำ 30% จากการมีรายได้ 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากกลุ่มเครื่องกาแฟ 40% อุปกรณ์ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 25% จากการขยายสาขา 400 แห่งต่อปี และเครื่องปรับอากาศอุตสาหกรรม 20%
นายนริศ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาดการจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับธุรกิจค้าปลีก โดยครองส่วนแบ่ง 60% ซึ่งในตลาดมีผู้ประกอบการรายใหญ่ 6 ราย ที่เหลือเป็นดีลเลอร์ 1,000 ราย สำหรับบริษัทมีลูกค้าระดับองค์กรใหญ่ 300 ราย อาทิ ร้านสุกี้ พิซซ่า ไอศกรีม และร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน และอื่นๆ รวมแล้ว 1,000 ราย