ตลาดน้ำอัดลมเนื้อหอม ผู้ประกอบการเครื่องดื่ม ฉวยเศรษฐกิจซบเซาพาเหรดส่งโลว์คอสท์ โคล่า ชูกลยุทธ์ราคาถูกจูงใจชิงชิ้นเค้กยักษ์ใหญ่น้ำดำ “เป๊ปซี่-โค้ก” ล่าสุดแฮปปี้ โคล่า ลุยจำหน่ายร้านสะดวกซื้อ ด้าน “กระทิงแดง โคล่า” มั่นใจยอดขายโต หลังราคา 10 บาท ตอบโจทย์ผู้บริโภค ส่วน “เป๊ปซี่” ระบุสินค้าแห่เปิดตัวช่วยดันตลาด 3.5 หมื่นล้านบาทโต
นายสานิต หวังวิชา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ผู้ดำเนินการด้านตลาด เครื่องดื่มกระทิงแดง โคล่า เปิดเผยว่า แม้ว่าภาพรวมตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมในปีนี้จะไม่ติดลบหรือไม่มีอัตราการเติบโต แต่เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่มีมูลค่าถึง 3 หมื่นล้านบาท ทำให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มหลายราย พยายามขยายโปรดักส์ไลน์เข้าสู่ตลาดน้ำอัดลมมากขึ้น โดยเฉพาะโลว์คอสท์ โคล่า หรือน้ำอัดลมราคาถูก
ล่าสุดมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ภายใต้แบรนด์ “แฮปปี้ โคล่า” เปิดตัวลงตลาด นำร่องจำหน่ายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น และในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซานมิเกล เปิดตัวน้ำอัดลม ฟรีซ โคล่า เจาะตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก
สำหรับแผนการตลาดกระทิงแดง โคล่า บริษัทเน้นกลยุทธ์ราคา โดยมีเพียงบรรจุภัณฑ์กระป๋องขนาด 325 มล. จำหน่าย 10 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่งโค้ก-เป๊ปซี่ ราคา 14-15 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมาก เพราะมองว่าเป็นราคาที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดี โดยเฉพาะท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย
ทั้งนี้กระทิงแดง โคล่า บริษัทวางไว้เป็นโลว์คอสท์โปรดักส์ โดยในแง่ของการทำตลาดยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก เนื่องจากการแข่งขันในตลาดมีความรุนแรง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่จากโค้กและเป๊ปซี่ อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าผลประกอบการแต่ละปีให้มีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นที่น่าพอใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลพวงจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย พฤติกรรมผู้บริโภคจึงเปลี่ยนแปลงไปโดยปัจจัยตัดสินใจซื้อสินค้าคำนึงถึงราคามากขึ้น ขณะที่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์นับวันยิ่งเหลือน้อยลงหรือแทบไม่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะสินค้าที่สามารถทดแทนกันได้หรือไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาจึงเกิดสินค้าเฮาส์แบรนด์พาเหรดเกิดขึ้นมากมาย และตามด้วยสินค้าโลว์คอสท์ หรือสินค้าที่ใช้กลยุทธ์ราคา เพราะไม่มีต้นทุนด้านการตลาด ที่ได้รับอานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนกลายเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ในเรื่องราคาของผู้บริโภค
ด้านนายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีน้ำอัดลมโลว์คอสมีหลายแบรนด์เปิดตัวสินค้าลงสู่ตลาด โดยเฉพาะการทำตลาดในต่างจังหวัด อาทิ บิ๊ก โคล่า ,ฟรีซ โคล่า สำหรับเป๊ปซี่ผู้นำตลาดน้ำดำ มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะการมีคู่แข่งรายหลายช่วยผลักดันให้ตลาดน้ำอัดลมโดยรวมมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตมากขึ้น
จากปีนี้สภาพตลาดคาดว่าไม่มีการเติบโต นับว่าเป็นปีที่ 2 จากเมื่อปีที่ผ่านมาตลาดไม่มีเติบโตหรือโตอย่างน้อยแค่ 1% เท่านั้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่าย ทั้งนี้พบว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ตลาดน้ำอัดลมไม่เติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายสานิต หวังวิชา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ผู้ดำเนินการด้านตลาด เครื่องดื่มกระทิงแดง โคล่า เปิดเผยว่า แม้ว่าภาพรวมตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมในปีนี้จะไม่ติดลบหรือไม่มีอัตราการเติบโต แต่เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่มีมูลค่าถึง 3 หมื่นล้านบาท ทำให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มหลายราย พยายามขยายโปรดักส์ไลน์เข้าสู่ตลาดน้ำอัดลมมากขึ้น โดยเฉพาะโลว์คอสท์ โคล่า หรือน้ำอัดลมราคาถูก
ล่าสุดมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ภายใต้แบรนด์ “แฮปปี้ โคล่า” เปิดตัวลงตลาด นำร่องจำหน่ายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น และในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซานมิเกล เปิดตัวน้ำอัดลม ฟรีซ โคล่า เจาะตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก
สำหรับแผนการตลาดกระทิงแดง โคล่า บริษัทเน้นกลยุทธ์ราคา โดยมีเพียงบรรจุภัณฑ์กระป๋องขนาด 325 มล. จำหน่าย 10 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่งโค้ก-เป๊ปซี่ ราคา 14-15 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมาก เพราะมองว่าเป็นราคาที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดี โดยเฉพาะท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย
ทั้งนี้กระทิงแดง โคล่า บริษัทวางไว้เป็นโลว์คอสท์โปรดักส์ โดยในแง่ของการทำตลาดยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก เนื่องจากการแข่งขันในตลาดมีความรุนแรง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่จากโค้กและเป๊ปซี่ อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าผลประกอบการแต่ละปีให้มีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นที่น่าพอใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลพวงจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย พฤติกรรมผู้บริโภคจึงเปลี่ยนแปลงไปโดยปัจจัยตัดสินใจซื้อสินค้าคำนึงถึงราคามากขึ้น ขณะที่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์นับวันยิ่งเหลือน้อยลงหรือแทบไม่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะสินค้าที่สามารถทดแทนกันได้หรือไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาจึงเกิดสินค้าเฮาส์แบรนด์พาเหรดเกิดขึ้นมากมาย และตามด้วยสินค้าโลว์คอสท์ หรือสินค้าที่ใช้กลยุทธ์ราคา เพราะไม่มีต้นทุนด้านการตลาด ที่ได้รับอานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนกลายเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ในเรื่องราคาของผู้บริโภค
ด้านนายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีน้ำอัดลมโลว์คอสมีหลายแบรนด์เปิดตัวสินค้าลงสู่ตลาด โดยเฉพาะการทำตลาดในต่างจังหวัด อาทิ บิ๊ก โคล่า ,ฟรีซ โคล่า สำหรับเป๊ปซี่ผู้นำตลาดน้ำดำ มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะการมีคู่แข่งรายหลายช่วยผลักดันให้ตลาดน้ำอัดลมโดยรวมมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตมากขึ้น
จากปีนี้สภาพตลาดคาดว่าไม่มีการเติบโต นับว่าเป็นปีที่ 2 จากเมื่อปีที่ผ่านมาตลาดไม่มีเติบโตหรือโตอย่างน้อยแค่ 1% เท่านั้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่าย ทั้งนี้พบว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ตลาดน้ำอัดลมไม่เติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
