เอเอฟพี/บีบีซี- ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ระบุไม่ควรมีการ "ยัดเยียด" ค่านิยมแบบอเมริกันให้กับประเทศอื่นๆ แม้ว่าหลักการเรื่องประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมจะเป็นหลักสากลที่ทั่วโลกควรยึดถือปฏิบัติก็ตาม
ประธานาธิบดีโอบามาให้สัมภาษณ์โทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษที่ทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ (1) ก่อนหน้าการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย อียิปต์และยุโรปโดยกล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่สมควร "ยัดเยียด" หรือ"บังคับขู่เข็ญ" ให้ประเทศอื่นในโลกยอมรับค่านิยมของชาวอเมริกัน ในเรื่องหลักการประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และหลักนิติธรรม แม้จะเป็นหลักสากลที่ทั่วโลกพึงยึดถือปฏิบัติก็ตาม
โอบามาระบุว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและอันตรายอย่างยิ่งหากสหรัฐฯ หรือประเทศใดก็ตามบังคับให้ประเทศอื่นยึดถือและยอมรับค่านิยมของตน เนื่องจากทุกประเทศล้วนมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันและยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงยืนยันว่า หลักการเรื่องประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและนับถือศาสนา รวมทั้ง หลักนิติธรรมแบบอเมริกันเป็นหลักการที่ดีที่ควรจะส่งเสริมให้ทั่วโลกยอมรับ แต่การยอมรับควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ และสหรัฐฯ ควรเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ มีโอกาสประยุกต์ค่านิยมแบบอเมริกัน ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของตน โดยค่านิยมแบบอเมริกันจะต้องไม่ไปทำลายความเป็นอัตลักษณ์ของประเทศนั้นๆ
โอบามาชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรเปลี่ยนบทบาทของตนจากการเป็น "ผู้ยัดเยียดที่น่าชัง" มาเป็น "ผู้เป็นแบบอย่างที่ดี" ให้ประเทศต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับค่านิยมแบบอเมริกันมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของเขาได้เริ่มดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว เช่น การสั่งปิดค่ายกักกันนักโทษกลุ่มอัลกออิดะห์ที่อ่าวกวนตานาโมในคิวบาภายในวันที่ 22 มกราคม ปีหน้า
ขณะเดียวกัน โอบามาปฏิเสธที่จะขอโทษชาวโลก จากการกระทำของรัฐบาลสหรัฐฯ สมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งทำให้โลกต้องตกอยู่ในความตึงเครียดจากนโยบายการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย โดยโอบามาระบุเพียงสั้นๆ ว่า "บุชได้ทำดีที่สุดแล้ว" และสิ่งที่เขาสมควรทำไม่ใช่การวิจารณ์บุช แต่ควรจะเป็นการสร้างโอกาสให้มีการเจรจาอย่างเปิดกว้างระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ซึ่งรวมทั้ง เกาหลีเหนือ อิหร่าน และคิวบา มากกว่า
ประธานาธิบดีโอบามาให้สัมภาษณ์โทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษที่ทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ (1) ก่อนหน้าการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย อียิปต์และยุโรปโดยกล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่สมควร "ยัดเยียด" หรือ"บังคับขู่เข็ญ" ให้ประเทศอื่นในโลกยอมรับค่านิยมของชาวอเมริกัน ในเรื่องหลักการประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และหลักนิติธรรม แม้จะเป็นหลักสากลที่ทั่วโลกพึงยึดถือปฏิบัติก็ตาม
โอบามาระบุว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและอันตรายอย่างยิ่งหากสหรัฐฯ หรือประเทศใดก็ตามบังคับให้ประเทศอื่นยึดถือและยอมรับค่านิยมของตน เนื่องจากทุกประเทศล้วนมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันและยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงยืนยันว่า หลักการเรื่องประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและนับถือศาสนา รวมทั้ง หลักนิติธรรมแบบอเมริกันเป็นหลักการที่ดีที่ควรจะส่งเสริมให้ทั่วโลกยอมรับ แต่การยอมรับควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ และสหรัฐฯ ควรเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ มีโอกาสประยุกต์ค่านิยมแบบอเมริกัน ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของตน โดยค่านิยมแบบอเมริกันจะต้องไม่ไปทำลายความเป็นอัตลักษณ์ของประเทศนั้นๆ
โอบามาชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรเปลี่ยนบทบาทของตนจากการเป็น "ผู้ยัดเยียดที่น่าชัง" มาเป็น "ผู้เป็นแบบอย่างที่ดี" ให้ประเทศต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับค่านิยมแบบอเมริกันมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของเขาได้เริ่มดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว เช่น การสั่งปิดค่ายกักกันนักโทษกลุ่มอัลกออิดะห์ที่อ่าวกวนตานาโมในคิวบาภายในวันที่ 22 มกราคม ปีหน้า
ขณะเดียวกัน โอบามาปฏิเสธที่จะขอโทษชาวโลก จากการกระทำของรัฐบาลสหรัฐฯ สมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งทำให้โลกต้องตกอยู่ในความตึงเครียดจากนโยบายการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย โดยโอบามาระบุเพียงสั้นๆ ว่า "บุชได้ทำดีที่สุดแล้ว" และสิ่งที่เขาสมควรทำไม่ใช่การวิจารณ์บุช แต่ควรจะเป็นการสร้างโอกาสให้มีการเจรจาอย่างเปิดกว้างระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ซึ่งรวมทั้ง เกาหลีเหนือ อิหร่าน และคิวบา มากกว่า
