เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาเมื่อวันพฤหัสบดี (21) ประกาศไม่ถอยกลับความพยายามปิดค่ายกักกันนักโทษในอ่าวกวนตานาโม แม้เกิดการโต้เถียงเริ่มรุนแรง พร้อมตราหน้าสถานคุมขังแห่งนี้ยุ่งเหยิงและตำหนิยุทธศาสตร์ต่อต้านก่อการร้ายในยุคของบุชว่ามีพื้นฐานจากความกลัว
ในการกล่าวครั้งสำคัญที่มีเจตนาเข้าควบคุมปัญหาการโต้แย้งเกี่ยวกับนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ โอบามายังพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะควบคุมผู้ต้องหาอัลกออิดะห์ที่อันตรายที่สุดอย่างไม่มีกำหนดไว้ในเรือนจำ “ซูเปอร์-แมกซ์” ของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน โอบามายังได้ให้คำมั่นกับชาวอเมริกันว่าจะหลบหนีการสาดโคลนกันภายในรัฐสภาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ต่อต้านก่อการร้ายของอดีตประธานาธิบดีบุช และหันมาร่วมมือกันหาทางคลี่คลายปัญหานี้
อย่างไรก็ตาม โอบามา ยืนกรานว่าเขาทำถูกต้องที่ออกคำสั่งปิดค่ายกักกันนักโทษใน “สงครามต้านก่อการร้าย” ในคิวบาภายใน 1 ปี โดยระบุว่าสถานคุมขังแห่งนี้ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของสหรัฐฯในสายตาต่างชาติแปดเปื้อน ละเมิกคุณค่าชาวอเมริกันและกลายเป็นเครื่องมือที่อัลกออิดะห์ใช้เป็นข้ออ้างในการเกณฑ์สมาชิกใหม่
ประธานาธิบดีรายนี้ยอมรับว่าค่ายกักกัน และนโยบายที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามต้านก่อการร้ายของรัฐบาลบุช ได้ผลักให้รัฐบาลของเขาเผชิญหน้ากับปัญหาหนักหน่วงและเรื่องปวดหัวทางการเมืองรายวัน
โอบามา ได้โจมตีนโยบายต่อต้านก่อการร้ายของรัฐบาลบุชที่นำมาใช้หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 อย่างรุนแรงและให้สัญญาจะบอกความจริงกับอเมริกันชนและสนับสนุนให้มีการตรวจสอบการตัดสินใจของเขาที่พลั้งเผลอไป
“ผมเชื่อว่าบ่อยครั้งเกินไปที่รัฐบาลของเขาได้ตัดสินใจบนพื้นฐานแห่งความกลัวมากกว่าความสุขุมรอบคอบ” โอบามากล่าว ทั้งนี้ประธานาธิบดีรายนี้เป็นคนออกคำสั่งยกเลิกยุทธศาสตร์ไต่สวนทารุณของซีไออี ที่ถูกนักวิจารณ์ตราหน้าว่าเป็นการทรมาน
นอกจากนี้ โอบามาบอกต่อว่า รัฐบาลของเขาจะย้ายนักโทษอัลกออิดะห์ที่อันตรายที่สุดบางส่วนที่ถูกคุมขังที่ค่ายกักกันกวนตานาโมไปยังคุก “ซูเปอร์-แม็กซ์” ที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับแนวหน้า แนวทางที่ก่อความไม่พอใจกับสมาชิกสภาคองเกรสจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน
“เราจะไม่ปล่อยตัวนักโทษรายใดหากมันเป็นภัยต่อความมั่นคงของเรา ไม่มีใครที่ถูกควบขังในสหรัฐฯได้รับการปล่อยตัว หากว่าคนคนนั้นเป็นอันตรายต่อประชาชนชาวอเมริกา” โอบามากล่าว
“ตามคำเรียกร้องด้านความยุติธรรมและความมั่นคงแห่งชาติ เราจะย้ายนักโทษบางรายไปยังสถานคุมขังในแบบเดียวกัน สถานคุมขังที่เราใช้กักขังนักโทษที่ก่อคดีอาชญากรรมอันตรายและร้ายแรงภายในพรมแดนของเรา”
คำแถลงครั้งนี้ของโอบามา มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากแผนปิดค่ายกักกันนักโทษก่อการร้ายในอ่าวกวนตานาโมของเขาต้องชะงัก หลังวุฒิสมาชิกเดโมแครตส่วนหนึ่งปฏิเสธอนุมัติงบฯ อ้างไม่มีแผนรองรับดีพอ และเอฟบีไอเตือนอย่างหนักแน่นว่าไม่ควรนำนักโทษเหล่านั้นเข้าสู่แผ่นดินของสหรัฐฯ
พันธมิตรเดโมแครตของโอบามาได้กลับลำเข้าร่วมกับรีพับลิกัน ปฏิเสธการอนุมัติงบประมาณ 80 ล้านดอลลาร์สำหรับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงยุติธรรมที่จะนำไปใช้ในการย้ายนักโทษ 240 คน ที่ค่ายกวนตานาโมไปยังสถานที่ใหม่ พวกเขายังจะสั่งห้ามรัฐบาลในการย้ายนักโทษจากสถานที่คุมขังแห่งนี้เข้ามาในสหรัฐฯ แม้ว่าคำสั่งห้ามนี้จะสามารถผ่อนคลายได้ด้วยการออกกฎหมายใหม่ในภายหลัง
ขณะที่แนวร่วมทางการเมืองบางส่วน เช่น วุฒิสมาชิกดิ๊ก เดอร์บิน จากรัฐอิลลินอยส์หมายเลข 2 ของเดโมแครตในวุฒิสภา ระบุว่า แผนการของโอบามาจะถูกเลื่อนออกไปช้ากว่ากำหนดเพียงไม่กี่เดือน แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตรายอื่นๆ เช่น วุฒิสมาชิกแฮร์รี รีด จากรัฐเนวาดา ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้บอกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่ต้องการให้มีการส่งนักโทษจากค่ายกวนตานาโมเข้ามาพิจารณาคดีหรือคุมขังในสหรัฐฯ
ท่าทีของวุฒิสภาสอดรับกับย่างก้าวของสภาผู้แทนราษฎรที่ขู่จะทำให้แผนการที่จะปิดค่ายกักกันกวนตานาโมของโอบามาภายในเดือนมกราคมปีหน้าเป็นอัมพาต โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เอริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรียุติธรรมได้พยายามทำความเข้าใจกับสมาชิกสภานิติบัญญัติที่ยังกังขาในแผนการของโอบามา แต่สภาคองเกรสยังคงไม่มั่นใจและอาจจะบีบให้ค่ายกักกันกวนตานาโมยังต้องเปิดใช้งานอยู่ต่อไป
นอกจากนี้ยังเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าความพยายามในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาของรีพับลิกันที่จะต่อต้านคำสั่งปิดค่ายกวนตานาโมของโอบามากำลังเห็นผล โดยวุฒิสมาชิกมิตช์ แมคคอร์เนล จากรัฐเคนตักกี ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภากล่าวว่า “กวนตานาโมเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับผู้ก่อการร้ายเหล่านี้”
สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันหลายราย รวมถึงจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกรัฐอริโซนา พรรครีพับลิกันคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของโอบามาเมื่อปีที่แล้วระบุว่าถึงเวลาที่จะต้องปิดกวนตานาโมแล้ว แต่แมคเคนกล่าวในวันเดียวกันนี้ว่า โอบามาพลาดท่าเสียทีในกรณีนี้ จากความเข้าใจที่ไม่เพียงพอและแผนการที่ไม่ได้มีการคิดให้รอบคอบในทุกด้านทำให้เรื่องนี้มีจุดอ่อนที่ถูกยกมาเป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง