เอเจนซี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ พยายามหาจุดสมดุลระหว่างการให้ความหวังกับชาวอเมริกัน และการพูดถึงสภาพความเป็นจริง ในการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมของรัฐสภาครั้งแรกของเขา และมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ในช่วงไพรม์ไทม์เมื่อคืนวันอังคาร (24) โดยที่เขากล่าวเน้นให้ความเชื่อมั่นอีกครั้งแก่ชาวอเมริกันซึ่งกำลังติดหล่มจมปลักวิกฤตเศรษฐกิจว่า พวกเขาจะสามารถอยู่รอดผ่านพ้น “วันแห่งการพิพากษา” มาได้
ถึงแม้ผลการหยั่งเสียงประชามติ แสดงว่า เขายังคงได้รับคะแนนนิยมสูงมาก แต่โอบามาก็กล่าวคำปราศรัยสำคัญของเขาคราวนี้ด้วยท่าทีระมัดระวัง โดยที่มีการประเมินอย่างจริงจังตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจซึ่งยังคงมืดมน ตลอดจนความพยายามมุ่งมั่นของเขาที่แก้ไขปัญหานี้
นักการเมืองเจ้าของคำขวัญ “yes, we can” (เราทำได้) และได้ชื่อว่าเป็น “คนกล้าฝัน” ในระหว่างการหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว ยังได้ลดท่าทีแสดงความมาดมั่นให้น้อยลง ในระหว่างที่กล่าวให้กำลังใจชาวอเมริกันว่า อนาคตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
“ในขณะที่เศรษฐกิจของเราอาจจะอ่อนแอลง และความเชื่อมั่นของเราอาจสั่นไหว และแม้ว่าเรากำลังมีชีวิตที่ต้องฝ่าฟันข้ามให้พ้นห้วงเวลาอันยากลำบาก และไร้ความแน่นอน แต่คืนนี้ผมขอเรียกร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนรับรู้ว่า เราจะสร้างประเทศขึ้นใหม่ เราจะฟื้นตัวขึ้นมาให้ได้” โอบามา กล่าวทางโทรทัศน์หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศได้ห้าสัปดาห์
“และสหรัฐอเมริกาจะผงาดขึ้นมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม” เขาพูดโดยที่ได้รับเสียงปรบมือกึกก้องในห้องประชุมที่แน่นขนัด ทั้งนี้ โอบามา ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงปรบมือกว่า 60 ครั้ง ในระหว่างที่เขากล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งพรรคเดโมแครตของเขาครองเสียงข้างมากอยู่ในทั้งวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร
คำปราศรัยของเขาคราวนี้ บังเกิดขึ้นท่ามกลางความหวั่นวิตกเพิ่มมากขึ้นทุกในทั่วทั้งประเทศ เมื่อต้องเผชิญกับภาวะหลอมละลายทางการเงินครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี และถึงแม้โอบามาจะได้รับเสียงสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากสาธารณชน แต่คนในวอลล์สตรีทก็เคลือบแคลงใจมาตลอดว่าแผนกอบกู้เศรษฐกิจของเขาจะสัมฤทธิ์ผลได้หรือไม่
นักลงทุนที่อยู่ในความหวั่นหวาดไม่มั่นใจ ดึงให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปีเมื่อวันจันทร์ (23) ยังดีที่สามารถดีดตัวกลับขึ้นมาในวันอังคาร เมื่อเบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาให้ความมั่นใจว่า พวกแบงก์มีปัญหาทั้งหลายจะสามารถฝ่าข้ามผ่านพ้นความยากลำบากได้ โดยรัฐบาลไม่ต้องเข้ายึดกิจการธนาคารที่กำลังประสบปัญหามาเป็นของรัฐ
**ปัญหาแบงก์และอุตฯรถยนต์**
ในการแถลงนโยบายคราวนี้ โอบามา กล่าวว่า อาจจำเป็นต้องใช้เงินมากขึ้นอีกเพื่อแก้ไขปัญหาที่พวกแบงก์ยังแบกหนี้สินหนักอึ้ง และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาได้ แต่เขากล่าวเตือนด้วยว่า “ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของการปฏิบัติการแก้ปัญหานี้จะอยู่ในระดับที่สูงมาก ผมก็ขอให้มั่นใจด้วยเช่นกันว่าค่าใช้จ่ายในการไม่ลงมือทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาจะยิ่งสูงกว่า”
แต่กลับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังประสบปัญหาหนักหน่วง เขามีท่าทีใช้ไม้แข็งยิ่งกว่า โดยเขาบอกว่าถึงแม้เขาจะสนับสนุนให้บริษัทรถยนต์ทั้งหลายมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น แต่รัฐบาลจะไม่เข้าไปอุ้มกิจการที่เกิดปัญหาเพราะการตัดสินใจผิดพลาดของตนเอง
โอบามา ยังพยายามชี้ด้วยว่า เขาจะรักษาคำมั่นสัญญาที่จะมีความรับผิดชอบด้านการคลัง โดยกล่าวว่า เขาได้ระบุออกมาแล้วว่าสามารถตัดลดงบประมาณส่วนใดบ้าง เพื่อให้มีการตัดงบประมาณลงราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า
นอกจากนั้น เขายังประกาศจะลดยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงถึงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดก่อนด้วย โดยจะลดลงให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในสี่ปีที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
**บอกลานโยบายบุช**
คำแถลงของโอบามายังเน้นถึงนโยบายด้านอื่นๆ ที่แตกต่างจากของรัฐบาลบุชด้วย เขาย้ำว่าสหรัฐฯ “จะไม่ทรมานผู้อื่น” และเขาได้สั่งปิดค่ายกักกันผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายที่อ่าวกวนตานาโมแล้ว
เขายังกล่าวถึงการเปลี่ยนเป้าหมายทางการทหารจากอิรักไปยังอัฟกานิสถานแทน และในเร็วๆ นี้ เขาจะเปิดเผยแผนการที่จะ “ยุติอย่างมีความรับผิดชอบ” ต่อสงครามในอิรักที่เริ่มต้นเมื่อปี 2003
เขายังย้ำถึงแนวทางของการเน้นความร่วมมือแทนที่นโยบายแบบฉายเดี่ยวของรัฐบาลชุดก่อน “ขอย้ำด้วยความจริงใจว่า เราจะแสดงให้โลกรู้ว่ายุคใหม่แห่งการประสานความร่วมมือกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว”