นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) แถลงว่า เช้าวานนี้(1มิ.ย.) กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบเช็คเพื่อซื้อหนี้เกษตรกร กรณีเจ้าหนี้หรือบุคคลภายนอกซื้อทรัพย์ไว้ (NPA) จำนวน 1,187 ราย เป็นเงิน 607,583,820 ล้านบาท ให้กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งเป็นผลมาจากการประชุมครม. เมื่อวันที่28 ม.ค.52 เรื่องการแก้ไขหนี้เกษตรกร ให้ซื้อทรัพย์สินจากเจ้าหนี้ หรือบุคคลภายนอกที่ซื้อทรัพย์สินของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูได้ขึ้นทะเบียนไว้ ทางสำนักงานไม่สามารถจะรักษาหนี้ไว้ทัน ถูกขายทอดตลาดไปหมดแล้ว
ทั้งนี้ ที่เป็นหนี้ของ 1. สมาชิกสมาคมธนาคารไทย จำนวน 729 ราย 418,750,000 บาท 2. ของสหกรณ์ 105 ราย เป็นเงิน 26,375,000 บาท 3. ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ 56 ราย เป็นเงิน 353,000,000 บาท 4. ธกส. 251 ราย เป็นเงิน 101,966,361 บาท 5. บุคคลภายนอก 46 รายเป็นเงิน 25,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 607,583,820 บาท ในขณะนี้กองทุนได้รับเป็นเช็คมาเรียบร้อยแล้ว
"กองทุนฯได้รับเงินสดที่จะช่วยเหลือซื้อหนี้เกษตรกร 1,187 ราย ที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนฯ และได้รับอนุมัติจากกรรมการจัดการหนี้ และเมื่อเกษตรกรที่เป็นสมาชิกยื่นเอกสารถูกต้องกับเจ้าหน้าที่ ก็จะซื้อหนี้ได้ทันที"
รายงานข่าวแจ้งว่า งบประมาณ 607,583,820 ล้านบาท กฟก.ขออนุมัติมาตั้งแต่สมัยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทั้ง 2 รัฐบาล กลับไม่ได้นำเข้าหารือใน ครม.แต่อย่างใด ซึ่งงบประมาณมาผ่านในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์
**เตรียมซื้อหนี้บุคคลภายนอกกว่า25ล้าน
นายสังศิต กล่าวด้วยว่าภายในสัปดาห์นี้ ตนจะหารือกับเจ้าหนี้ ที่เป็นสมาชิกธนาคารไทย สหกรณ์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ต่างๆ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และบุคคลภายนอก เพื่อให้ขายหนี้ให้กับกองทุน โดยขณะนี้เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ยินยอมขายหนี้แล้ว ยกเว้นบุคคลภายนอก 46 ราย ที่ยอมขายหนี้เพียง 2 รายเท่านั้น ซึ่งกองทุนจะต้องเจรจาต่อไป อย่างไรก็ตามจะสามารถโอนเงินได้ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้
ขณะที่กองทุนจะดำเนินการซื้อหนี้ NPL 7 ปี ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) กว่า1,580 ล้านบาท ซึ่งมีลูกหนี้ 1,823 ราย และโอนเงินได้ในวันที่ 2 ต.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กฟก.ได้จ่ายเงิน 414.15 ล้านบาท ซื้อหนี้เกษตรกร 1,458 ราย จากธ.ก.ส. โดยเป็นหนี้ที่ถูกฟ้องดำเนินคดี (NPA) และเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ค้างชำระเกิน7 ปี และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติอีก365 ราย มูลหนี้กว่า114 ล้านบาท
แหล่งข่าวจาก กฟก.แจ้งว่า กระบวนการซื้อหนี้จากสถาบันการเงินและบุคคลภายนอก เป็นไปอย่างยากลำบาก ถึงขั้นต้องไปขอขมา และมอบดอกไม้ให้กับเจ้าหนี้ โดยเจ้าหนี้บางรายได้ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้านหรือ อสังหาริมทรัพย์อื่นๆไว้แล้ว จึงขอซื้อหนี้ได้ยาก และบางรายบอกว่า ไม่อยากจะขายให้เกษตรกร เพราะบางคนก็เอาม็อบมาด่า แบบสาดเสียเทเสีย
**สังศิตยันไม่ยึดติดตำแหน่ง
นายสังศิต ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย ไปฟ้องร้องศาลปกครอง ว่าตำแหน่งของตนขัดพ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ มาตรา 42 และ 44 ที่ห้ามข้าราชการรับตำแหน่ง โดยตนเป็นประธานโครงการ ปริญญาโท ม.จันทรเกษม ว่า ตนมาทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการ ไม่ได้มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ จะเป็นข้าราชการไม่ได้ และตนเองมาทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการนั้น ก็เป็นการทำหน้าที่เพื่อเกษตรกร และตนก็เห็นว่า เป็นที่น่ายินดีที่มีผู้ไปร้องศาลปกครองตามกลไกที่จะต้องมีการวินิจฉัย
"ผมประกาศไว้ว่า เมื่อแก้หนี้เสร็จก็จะออกจากตำแหน่ง ผมเป็นเพียงรักษาการไม่ได้เป็นเลขาธิการ"
ส่วนข้อเท็จจริงที่แกนนำเกษตรกร ถูกตนร้องให้จับกุม เหตุพบว่า เป็นแกนนำเรียกเก็บหัวคิวจากเกษตรกรในการมาเรียกร้องนั้น นายสังศิต กล่าวว่า มีเพียงนายเสน่ห์ เขื่อนทา แกนนำเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย เพียงคนเดียว ที่ถูกจับกุมที่เรือนจำ จ.สุโขทัย และเชื่อว่ายังมีอีกหลายคน ส่วนกรณีที่นายชรินทร์ ดวงดารา ที่ปรึกษาเครือข่ายฯ ระบุว่า นายเสน่ห์ ดำเนินการเองในกลุ่มของเขา โดยไม่เกี่ยวข้องเครือข่ายฯนั้น นายสังศิต กล่าวว่า ตนไม่ทราบต้องไปถามนายชรินทร์เอง
ทั้งนี้ ที่เป็นหนี้ของ 1. สมาชิกสมาคมธนาคารไทย จำนวน 729 ราย 418,750,000 บาท 2. ของสหกรณ์ 105 ราย เป็นเงิน 26,375,000 บาท 3. ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ 56 ราย เป็นเงิน 353,000,000 บาท 4. ธกส. 251 ราย เป็นเงิน 101,966,361 บาท 5. บุคคลภายนอก 46 รายเป็นเงิน 25,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 607,583,820 บาท ในขณะนี้กองทุนได้รับเป็นเช็คมาเรียบร้อยแล้ว
"กองทุนฯได้รับเงินสดที่จะช่วยเหลือซื้อหนี้เกษตรกร 1,187 ราย ที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนฯ และได้รับอนุมัติจากกรรมการจัดการหนี้ และเมื่อเกษตรกรที่เป็นสมาชิกยื่นเอกสารถูกต้องกับเจ้าหน้าที่ ก็จะซื้อหนี้ได้ทันที"
รายงานข่าวแจ้งว่า งบประมาณ 607,583,820 ล้านบาท กฟก.ขออนุมัติมาตั้งแต่สมัยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทั้ง 2 รัฐบาล กลับไม่ได้นำเข้าหารือใน ครม.แต่อย่างใด ซึ่งงบประมาณมาผ่านในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์
**เตรียมซื้อหนี้บุคคลภายนอกกว่า25ล้าน
นายสังศิต กล่าวด้วยว่าภายในสัปดาห์นี้ ตนจะหารือกับเจ้าหนี้ ที่เป็นสมาชิกธนาคารไทย สหกรณ์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ต่างๆ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และบุคคลภายนอก เพื่อให้ขายหนี้ให้กับกองทุน โดยขณะนี้เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ยินยอมขายหนี้แล้ว ยกเว้นบุคคลภายนอก 46 ราย ที่ยอมขายหนี้เพียง 2 รายเท่านั้น ซึ่งกองทุนจะต้องเจรจาต่อไป อย่างไรก็ตามจะสามารถโอนเงินได้ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้
ขณะที่กองทุนจะดำเนินการซื้อหนี้ NPL 7 ปี ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) กว่า1,580 ล้านบาท ซึ่งมีลูกหนี้ 1,823 ราย และโอนเงินได้ในวันที่ 2 ต.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กฟก.ได้จ่ายเงิน 414.15 ล้านบาท ซื้อหนี้เกษตรกร 1,458 ราย จากธ.ก.ส. โดยเป็นหนี้ที่ถูกฟ้องดำเนินคดี (NPA) และเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ค้างชำระเกิน7 ปี และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติอีก365 ราย มูลหนี้กว่า114 ล้านบาท
แหล่งข่าวจาก กฟก.แจ้งว่า กระบวนการซื้อหนี้จากสถาบันการเงินและบุคคลภายนอก เป็นไปอย่างยากลำบาก ถึงขั้นต้องไปขอขมา และมอบดอกไม้ให้กับเจ้าหนี้ โดยเจ้าหนี้บางรายได้ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้านหรือ อสังหาริมทรัพย์อื่นๆไว้แล้ว จึงขอซื้อหนี้ได้ยาก และบางรายบอกว่า ไม่อยากจะขายให้เกษตรกร เพราะบางคนก็เอาม็อบมาด่า แบบสาดเสียเทเสีย
**สังศิตยันไม่ยึดติดตำแหน่ง
นายสังศิต ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย ไปฟ้องร้องศาลปกครอง ว่าตำแหน่งของตนขัดพ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ มาตรา 42 และ 44 ที่ห้ามข้าราชการรับตำแหน่ง โดยตนเป็นประธานโครงการ ปริญญาโท ม.จันทรเกษม ว่า ตนมาทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการ ไม่ได้มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ จะเป็นข้าราชการไม่ได้ และตนเองมาทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการนั้น ก็เป็นการทำหน้าที่เพื่อเกษตรกร และตนก็เห็นว่า เป็นที่น่ายินดีที่มีผู้ไปร้องศาลปกครองตามกลไกที่จะต้องมีการวินิจฉัย
"ผมประกาศไว้ว่า เมื่อแก้หนี้เสร็จก็จะออกจากตำแหน่ง ผมเป็นเพียงรักษาการไม่ได้เป็นเลขาธิการ"
ส่วนข้อเท็จจริงที่แกนนำเกษตรกร ถูกตนร้องให้จับกุม เหตุพบว่า เป็นแกนนำเรียกเก็บหัวคิวจากเกษตรกรในการมาเรียกร้องนั้น นายสังศิต กล่าวว่า มีเพียงนายเสน่ห์ เขื่อนทา แกนนำเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย เพียงคนเดียว ที่ถูกจับกุมที่เรือนจำ จ.สุโขทัย และเชื่อว่ายังมีอีกหลายคน ส่วนกรณีที่นายชรินทร์ ดวงดารา ที่ปรึกษาเครือข่ายฯ ระบุว่า นายเสน่ห์ ดำเนินการเองในกลุ่มของเขา โดยไม่เกี่ยวข้องเครือข่ายฯนั้น นายสังศิต กล่าวว่า ตนไม่ทราบต้องไปถามนายชรินทร์เอง
