เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (26 ม.ค.) กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนา ในนามกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร จำนวนประมาณ 1,000 คน นำโดยนายชรินทร์ ดวงดารา ประธานเครือข่ายฯ ได้นำตัวแทนกลุ่มเกษตร 4 ภาค เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล โดยใช้รถ 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ แปลงเป็นเวทีปราศรัยชั่วคราว โดยผู้ชุมนุมบางส่วนได้ล้นทะลักกินพื้นที่บนถนนพิษณุโลก จนทำให้การจราจรติดขัด ตั้งแต่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ยาวไปจนถึงบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เนื่องจากมีผู้ชุมนุมปักหลักประท้วงอยู่
นายชรินทร์ กล่าวว่า ต้องการยื่นหนังสือต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่ออ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 1 โดยเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาที่ทำกินไว้ให้กลุ่มเกษตร ช่วยเหลือดูแลเกษตรที่มีปัญหาหนี้สิน และควรมีการพิจารณาขยายกรอบเวลาการชำระหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะต้องมีการผ่อนผันการเร่งรัดหนี้สินของเกษตร
นอกจากนี้แกนนำกลุ่มเกษตรกร กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่เห็นด้วยกับการแจกที่ดิน ส.ป.ก. ที่รัฐบาลจะนำมาดำเนินการใหม่อีกครั้ง โดยระบุว่านโยบายการจัดสรรที่ดินของรัฐบาลให้แก่เกษตรนั้น แท้จริงแล้วรัฐบาลไม่สามารถรักษาที่ดินผืนเดิมให้สืบทอดไปยังรุ่นหลานได้เลยแม้แต่ผืนเดียว
ต่อมาเวลา14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุม ได้บุกเข้ามาบริเวณข้างทำเนียบฯ ฝั่งที่ติดกับสะพานชมัยมรุเชฐ โดยดึกแผงหล็กที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นเอาไว้ก่อนหน้านี้ออก ทั้งนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 7 คนได้บุกเข้าไปในพื้นที่ทำเนียบฯ ด้านประตู 2 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งเข้าไปสกัดไว้ และขอร้องให้ผู้ชุมนุมถอยออกจากทำเนียบฯ และไปร่วมชุมนุมบริเวณข้างทำเนียบฯ ตรงหน้าประตู 1 แทน ซึ่งผู้ชุมุนมก็เดินออกไปแต่โดยดี ขณะที่แกนนำกลุ่มเกษตรกร ปราศรัยว่าหากยังไม่ได้รับคำตอบจากทางรัฐบาลก็ จะขอปักหลักนอนพักค้างที่ทำเนียบรัฐบาล 1 คืน
รายงานข่าวแจ้งว่า เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย ที่มาชุมนุมครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือจากปัญหาที่ดินติดจำนองถึง 38 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 35 ของพื้นที่การเกษตรทั้งประเทศ และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ มีจำนวนถึง 3 แสนราย โดยพื้นที่ที่ติดจำนองดังกล่าว มีภาวะเสี่ยงต่อการหลุดจำนองกว่า 8 ล้านไร่ จึงขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือ โดยการซื้อหนี้มาเป็นของรัฐบาล และขยายเวลาการผ่อนชำระ ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งจะส่งผลให้สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้โดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูหนี้สินเกษตรกร ออกมารับหนังสือเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม
ซึ่งต่อมาตัวเทนเครือข่ายหนี้สินฯได้เข้าพบเพื่อเจรจาปัญหากับ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง
หลังการหารือ นายกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลตระหนักถึงปัญหาหนี้สินชาวนา และเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะช่วยเหลือ ตั้งแต่สมัยที่ประชาธิปัตย์ก่อตั้งกองทุนฟื้นฟู เพื่อแก้ไขภาระหนี้สินของเกษตรกร และเพื่อปกป้องทรัพย์สินที่เป็นที่ดินทำกินของเกษตรกร
ทั้งนี้เกษตรกรได้มาชี้แจงถึงปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า การบังคับขายที่ดินทำกิน ซึ่งจำเป็นต้องจัดหางบประมาณมาซื้อหนี้สินตรงส่วนนี้กลับคืน โดยได้หารือกับนายกรัฐมนตรี และนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งนายกฯได้กำชับต้องหาทุกวิถีทางในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยจะนำงบประมาณ 600 ล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ เพื่อซื้อหนี้ของเกษตรกรที่กำลังถูกขายทอดตลาด และในอีก 2 สัปดาห์ จะดำเนินการหาวิธีการซื้อหนี้ส่วนอื่นคืน จะอยู่ในส่วนของงบประมาณการฟื้นฟูอาชีพ งบประมาณ 17,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีงบประมาณอยู่อย่างจำกัด จึงจำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่การหารือใน ครม. ว่าจะจัดหางบประมาณส่วนนี้มาจากแหล่งใด ทั้งนี้งบประมาณที่อาจจะนำมาใช้ได้ก็คือ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาฯ ที่คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จในเดือนกันยายน
นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า บทบาทของกองทุนฟื้นฟูฯล้มลุกคลุกคลานมาตลอด เนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวเลขาฯกองทุนฟื้นฟูฯบ่อยครั้ง จึงทำให้กลายเป็นสาเหตุของปัญหา และจากนี้ไปเชื่อว่าการบริหารจัดการกองทุนฟื้นฟูฯ ภายใต้การดูแลของนายสังศิตน่าจะดีขึ้น
ด้านนายชรินทร์ ดวงดารา แกนนำเครือข่ายหนี้สินฯ กล่าวว่า ในเบื้องต้นในการประชุมครม.วันพุธนี้ จะมีการเสนออนุมัติในที่ประชุมครม. 600 ล้านบาท เพื่อซื้อหนี้ของเกษตรกร หลังจากนั้นในการประชุมครม.วันที่ 10 ก.พ. จะมีการเสนอจ ะดำเนินการพิจารณางบประมาณ 18,000 ล้าน ซึ่งจะเป็นการซื้อหนี้ให้กับกลุ่มเกษตรกรกองทุนฟื้นฟูฯ ทุกกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะแต่กลุ่มของตนแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมจะสลายตัวออกจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 17.00 น. โดยไปรวมตัวที่หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อรอฟังผลการประชุมครม.ในวันที่ 28 ม.ค.
ด้านนายสังศิต กล่าวถึงภาพรวมของปัญหานี้สินกลุ่มเกษตรกร ว่า จนถึงขณะนี้ที่ได้มีการดำเนินการซื้อหนี้สินเกษตรกรไปแล้ว 700 ล้านบาท และจะพยายามเร่งรัดซื้อหนี้สินให้หมดภายในเดือนมี.ค.นี้ ส่วนเงินที่จะมาฟื้นฟูมีทั้งหมด 430 ล้านบาท หากได้เงินจำนวนนี้มา จะสามารถซื้อหนี้สินเกษตรกรได้จำนวนมาก ภายในปีนี้ ที่สำคัญที่สุดเป็นการนำเงินมาใช้ในการฟื้นฟู เรื่องของเงินจำนวนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ก็เป็นคำถามว่า รัฐบาลจะเอาเงินมาจากส่วนไหน หาก ครม.มีมติให้ค้ำประกันหนี้ สามารถไปเอาเงินจากสถาบันการเงิน เช่น ธกส. หรือออมสิน แล้วรัฐบาลก็ค้ำประกันหนี้ให้เรา ก็สามารถไปซื้อหนี้ฟื้นฟูเกษตรกรได้ รวมทั้งให้เป็นเงินกู้ยืมเกษตรกร โดยหลักการแล้ว ธกส.และออมสินน่าจะมีส่วนร่วมพิจารณาเงินดังกล่าวด้วย
เมื่อถามว่าคิดว่าจะสามารถแก้ไขได้ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ เพราะปัญหายืดยื้อมานาน นายสังศิต กล่าวว่า หากรัฐบาลให้การค้ำประกัน คิดว่าจะสามารถแก้ไขหนี้ขนาดใหญ่ ได้เป็นจำนวนมาก โดยวิธีการคือ รัฐบาลต้องออกมติ ครม.เพราะเป็นเงินจำนวนมาก เป็นเงินกว่าแสนล้านบาท ตอนนี้เงินกองทุนที่มีอยู่เหลือ ไม่กี่ร้อยล้าน
นายชรินทร์ กล่าวว่า ต้องการยื่นหนังสือต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่ออ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 1 โดยเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาที่ทำกินไว้ให้กลุ่มเกษตร ช่วยเหลือดูแลเกษตรที่มีปัญหาหนี้สิน และควรมีการพิจารณาขยายกรอบเวลาการชำระหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะต้องมีการผ่อนผันการเร่งรัดหนี้สินของเกษตร
นอกจากนี้แกนนำกลุ่มเกษตรกร กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่เห็นด้วยกับการแจกที่ดิน ส.ป.ก. ที่รัฐบาลจะนำมาดำเนินการใหม่อีกครั้ง โดยระบุว่านโยบายการจัดสรรที่ดินของรัฐบาลให้แก่เกษตรนั้น แท้จริงแล้วรัฐบาลไม่สามารถรักษาที่ดินผืนเดิมให้สืบทอดไปยังรุ่นหลานได้เลยแม้แต่ผืนเดียว
ต่อมาเวลา14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุม ได้บุกเข้ามาบริเวณข้างทำเนียบฯ ฝั่งที่ติดกับสะพานชมัยมรุเชฐ โดยดึกแผงหล็กที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นเอาไว้ก่อนหน้านี้ออก ทั้งนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 7 คนได้บุกเข้าไปในพื้นที่ทำเนียบฯ ด้านประตู 2 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งเข้าไปสกัดไว้ และขอร้องให้ผู้ชุมนุมถอยออกจากทำเนียบฯ และไปร่วมชุมนุมบริเวณข้างทำเนียบฯ ตรงหน้าประตู 1 แทน ซึ่งผู้ชุมุนมก็เดินออกไปแต่โดยดี ขณะที่แกนนำกลุ่มเกษตรกร ปราศรัยว่าหากยังไม่ได้รับคำตอบจากทางรัฐบาลก็ จะขอปักหลักนอนพักค้างที่ทำเนียบรัฐบาล 1 คืน
รายงานข่าวแจ้งว่า เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย ที่มาชุมนุมครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือจากปัญหาที่ดินติดจำนองถึง 38 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 35 ของพื้นที่การเกษตรทั้งประเทศ และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ มีจำนวนถึง 3 แสนราย โดยพื้นที่ที่ติดจำนองดังกล่าว มีภาวะเสี่ยงต่อการหลุดจำนองกว่า 8 ล้านไร่ จึงขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือ โดยการซื้อหนี้มาเป็นของรัฐบาล และขยายเวลาการผ่อนชำระ ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งจะส่งผลให้สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้โดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูหนี้สินเกษตรกร ออกมารับหนังสือเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม
ซึ่งต่อมาตัวเทนเครือข่ายหนี้สินฯได้เข้าพบเพื่อเจรจาปัญหากับ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง
หลังการหารือ นายกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลตระหนักถึงปัญหาหนี้สินชาวนา และเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะช่วยเหลือ ตั้งแต่สมัยที่ประชาธิปัตย์ก่อตั้งกองทุนฟื้นฟู เพื่อแก้ไขภาระหนี้สินของเกษตรกร และเพื่อปกป้องทรัพย์สินที่เป็นที่ดินทำกินของเกษตรกร
ทั้งนี้เกษตรกรได้มาชี้แจงถึงปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า การบังคับขายที่ดินทำกิน ซึ่งจำเป็นต้องจัดหางบประมาณมาซื้อหนี้สินตรงส่วนนี้กลับคืน โดยได้หารือกับนายกรัฐมนตรี และนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งนายกฯได้กำชับต้องหาทุกวิถีทางในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยจะนำงบประมาณ 600 ล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ เพื่อซื้อหนี้ของเกษตรกรที่กำลังถูกขายทอดตลาด และในอีก 2 สัปดาห์ จะดำเนินการหาวิธีการซื้อหนี้ส่วนอื่นคืน จะอยู่ในส่วนของงบประมาณการฟื้นฟูอาชีพ งบประมาณ 17,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีงบประมาณอยู่อย่างจำกัด จึงจำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่การหารือใน ครม. ว่าจะจัดหางบประมาณส่วนนี้มาจากแหล่งใด ทั้งนี้งบประมาณที่อาจจะนำมาใช้ได้ก็คือ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาฯ ที่คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จในเดือนกันยายน
นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า บทบาทของกองทุนฟื้นฟูฯล้มลุกคลุกคลานมาตลอด เนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวเลขาฯกองทุนฟื้นฟูฯบ่อยครั้ง จึงทำให้กลายเป็นสาเหตุของปัญหา และจากนี้ไปเชื่อว่าการบริหารจัดการกองทุนฟื้นฟูฯ ภายใต้การดูแลของนายสังศิตน่าจะดีขึ้น
ด้านนายชรินทร์ ดวงดารา แกนนำเครือข่ายหนี้สินฯ กล่าวว่า ในเบื้องต้นในการประชุมครม.วันพุธนี้ จะมีการเสนออนุมัติในที่ประชุมครม. 600 ล้านบาท เพื่อซื้อหนี้ของเกษตรกร หลังจากนั้นในการประชุมครม.วันที่ 10 ก.พ. จะมีการเสนอจ ะดำเนินการพิจารณางบประมาณ 18,000 ล้าน ซึ่งจะเป็นการซื้อหนี้ให้กับกลุ่มเกษตรกรกองทุนฟื้นฟูฯ ทุกกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะแต่กลุ่มของตนแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมจะสลายตัวออกจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 17.00 น. โดยไปรวมตัวที่หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อรอฟังผลการประชุมครม.ในวันที่ 28 ม.ค.
ด้านนายสังศิต กล่าวถึงภาพรวมของปัญหานี้สินกลุ่มเกษตรกร ว่า จนถึงขณะนี้ที่ได้มีการดำเนินการซื้อหนี้สินเกษตรกรไปแล้ว 700 ล้านบาท และจะพยายามเร่งรัดซื้อหนี้สินให้หมดภายในเดือนมี.ค.นี้ ส่วนเงินที่จะมาฟื้นฟูมีทั้งหมด 430 ล้านบาท หากได้เงินจำนวนนี้มา จะสามารถซื้อหนี้สินเกษตรกรได้จำนวนมาก ภายในปีนี้ ที่สำคัญที่สุดเป็นการนำเงินมาใช้ในการฟื้นฟู เรื่องของเงินจำนวนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ก็เป็นคำถามว่า รัฐบาลจะเอาเงินมาจากส่วนไหน หาก ครม.มีมติให้ค้ำประกันหนี้ สามารถไปเอาเงินจากสถาบันการเงิน เช่น ธกส. หรือออมสิน แล้วรัฐบาลก็ค้ำประกันหนี้ให้เรา ก็สามารถไปซื้อหนี้ฟื้นฟูเกษตรกรได้ รวมทั้งให้เป็นเงินกู้ยืมเกษตรกร โดยหลักการแล้ว ธกส.และออมสินน่าจะมีส่วนร่วมพิจารณาเงินดังกล่าวด้วย
เมื่อถามว่าคิดว่าจะสามารถแก้ไขได้ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ เพราะปัญหายืดยื้อมานาน นายสังศิต กล่าวว่า หากรัฐบาลให้การค้ำประกัน คิดว่าจะสามารถแก้ไขหนี้ขนาดใหญ่ ได้เป็นจำนวนมาก โดยวิธีการคือ รัฐบาลต้องออกมติ ครม.เพราะเป็นเงินจำนวนมาก เป็นเงินกว่าแสนล้านบาท ตอนนี้เงินกองทุนที่มีอยู่เหลือ ไม่กี่ร้อยล้าน
