เอเอฟพี - นางแบบสาววัยรุ่นลูกครึ่งสหรัฐฯ - อินโดนีเซีย หลบหนีพวกองครักษ์จากโรงแรมแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ และกลับมาหาครอบครัวของเธอเองในแดนอิเหนา พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวที่เธอถูกทำร้าย, ข่มขืนและทรมานด้วยน้ำมือของสามี ซึ่งเป็นเจ้าชายชาวมาเลเซีย
มาโนฮารา โอเดเลีย ปีนอต นางแบบสาววัย 17 ปี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เธอถูกปฏิบัติเยี่ยง "ทาสบำเรอกาม" ภายหลังอภิเษกสมรสกับ เติงกู เตเมิงกอง โมฮัมมัด ฟาครี เจ้าชายแห่งรัฐกลันตันของมาเลเซียเมื่อปีที่แล้ว
ไดซี ฟาจารินา แม่ของนางแบบสาว เปิดเผยว่า จะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าชายพระองค์นี้ ซึ่งมีพระชนมายุ 31 ชันษา พร้อมกับตำหนิรัฐบาลมาเลเซียและอินโดนีเซียที่พยายามปกปิดเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว
"มาโนฮาราถูกทำร้ายร่างกาย เธอมีแผลถูกกรีดด้วยใบมีดโกนหลายแห่งตรงหน้าอก" ฟาจารินาบอกกับเอเอฟพีวานนี้ (1) "ไม่มีพ่อแม่คนไหนทนเงียบอยู่ได้ หากลูกของตนเองถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้"
นางแบบสาวผู้นี้ ซึ่งเป็นสาวสังคมที่รู้จักกันดีในกรุงจาการ์ตา บอกว่า ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวัง เธอถูกข่มขืน, ทำร้ายและทรมาน "เป็นกิจวัตรประจำวัน" และบางครั้งถูกจับฉีดยาเสพติด ซึ่งทำให้เธอถึงกับอาเจียนออกมาเป็นเลือด
เธอเล่าอีกว่า ถูกกักขังเป็นประจำโดยที่มีองครักษ์คอยเฝ้าควบคุมตัว ภายในห้องนอนในพระราชวัง และจะถูกจับฉีดยาระงับประสาทเมื่อเธอร้องคร่ำครวญ
"ดิฉันยังคงบอบช้ำกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น และยังคงส่งผลกระทบกับตัวดิฉันอยู่เลย" เธอบอกกับผู้สื่อข่าวในจาการ์ตาเมื่อวันอาทิตย์ (31) ภายหลังผละหนีจากครอบครัวของเจ้าชาย ระหว่างที่กำลังเดินทางเยือนสิงคโปร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
หนังสือพิมพ์จาการ์ตา โกบล รายงานอ้างคำพูดของนางแบบสาวที่กล่าวว่า "การล่วงละเมิดทางเพศและคุกคามทางเพศเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันสำหรับดิฉัน เขาทำเช่นนั้นทุก ๆ ครั้ง เมื่อดิฉันไม่ต้องการจะมีเพศสัมพันธ์กับเขา"
"ดิฉันไม่เคยคิดว่าคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง จะทำถึงขนาดนั้นได้" เธอกล่าว พร้อมกับสำทับว่า "ร่างกายของดิฉันบางแห่งถูกกรีดด้วยมีดโกน"
"ดิฉันถูกปฏิบัติเยี่ยงสัตว์ ดิฉันเป็นเหมือนทรัพย์สินของเขา ดิฉันต้องอยู่ในห้องของเขา และเมื่อเขาอยากจะเล่นกับดิฉัน เขาจะเข้ามาในห้องแล้วเล่นกับดิฉัน ดิฉันเหมือนเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง"
มาโนฮารา ซึ่งเข้าพิธีอภิเษกสมรสดั่งเทพนิยายกับเจ้าชายรัฐกลันตัน เล่าว่า เธอจะถูกทรมาน หากไม่ทำเหมือนกับว่ามีความสุข ขณะร่วมงานสังคมกับเจ้าชายฟาครี
นางแบบสาวเล่าว่า เธอแอบติดต่อกับตำรวจสิงคโปร์ และขอความช่วยเหลือ หลังจากครอบครัวเจ้าชายพาเธอเดินทางมายังสิงคโปร์ด้วย ระหว่างที่พวกเขาติดตามพระบิดาของเจ้าชายฟาครี คือ สุลต่าน อิลมาอิล เปตรา ชาห์ ที่ 2 เพื่อรักษาตัวที่นั่น
"ตำรวจสิงคโปร์ขู่เจ้าชายฟาครีว่า เขาจะถูกจับเข้าคุก หากไม่ยอมปล่อยให้ดิฉันไป ในสิงคโปร์ไม่มีใครจะบังคับไม่ให้ดิฉันทำตามความปรารถนาได้ และดิฉันรู้ว่าดิฉันโอกาสหลบหนีแล้ว" นางแบบสาวกล่าว
ขณะที่ตำรวจสิงคโปร์ปฏิเสธจะแสดงความเห็นเรื่องการกล่าวหาของมาโนฮารา
เว็บไซต์ข่าวเดติกคอม ในอินโดนีเซีย รายงานอ้างคำพูด "เพื่อนคนหนึ่ง"ของเจ้าชายฟาครีที่อ้างว่า อดีตนางแบบรายนี้ได้รับอนุญาตให้ออกมาอย่างเต็มใจ พร้อมกับตำหนิแม่ของมาโนฮาราที่ยุให้ลูกสาวปั้นแต่งเรื่องดังกล่าว
โมฮัมมัด โซเบอรี ชาฟีอี เพื่อนของเจ้าชายกลันตันบอกด้วยว่า มาโนฮารา ควรได้รับการตรวจสอบจาก "แพทย์ที่เป็นกลางในออสเตรเลีย, สิงคโปร์ หรือลอนดอน" เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาของเธอ
อดีตนางแบบสาวรายนี้ ซึ่งเคยได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน "100 สุดยอดผู้หญิง" ของอินโดนีเซียกล่าวโจมตีสถานทูตอินโดนีเซียในมาเลเซีย โดยบอกว่า "พวกเขาทำให้เรื่องเลวร้ายลง ด้วยการพูดปด โดยบอกว่า ดิฉันมีความสุขดีในขณะที่ดิฉันทนทุกข์อยู่ในกลันตัน"
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียยืนกรานว่า ทางสถานทูตได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะพอช่วยเหลือมาโนฮารา และบอกอีกว่า ทางรัฐบาลยินดีช่วยเหลือ หากเธอต้องการฟ้องร้องสามี
ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดีน ยัสสิน ของมาเลเซียบอกว่า รัฐบาลจะไม่สอบสวนเรื่องดังกล่าว
"ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า จนถึงวันนี้เรายังไม่ถูกลากให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ดังนั้นเราต้องการจะปล่อยเรื่องนี่เป็นอย่างที่มันเป็น" รองนายกฯ บอกกับผู้สื่อข่าวที่กัวลาลัมเปอร์
มาโนฮารา โอเดเลีย ปีนอต นางแบบสาววัย 17 ปี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เธอถูกปฏิบัติเยี่ยง "ทาสบำเรอกาม" ภายหลังอภิเษกสมรสกับ เติงกู เตเมิงกอง โมฮัมมัด ฟาครี เจ้าชายแห่งรัฐกลันตันของมาเลเซียเมื่อปีที่แล้ว
ไดซี ฟาจารินา แม่ของนางแบบสาว เปิดเผยว่า จะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าชายพระองค์นี้ ซึ่งมีพระชนมายุ 31 ชันษา พร้อมกับตำหนิรัฐบาลมาเลเซียและอินโดนีเซียที่พยายามปกปิดเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว
"มาโนฮาราถูกทำร้ายร่างกาย เธอมีแผลถูกกรีดด้วยใบมีดโกนหลายแห่งตรงหน้าอก" ฟาจารินาบอกกับเอเอฟพีวานนี้ (1) "ไม่มีพ่อแม่คนไหนทนเงียบอยู่ได้ หากลูกของตนเองถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้"
นางแบบสาวผู้นี้ ซึ่งเป็นสาวสังคมที่รู้จักกันดีในกรุงจาการ์ตา บอกว่า ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวัง เธอถูกข่มขืน, ทำร้ายและทรมาน "เป็นกิจวัตรประจำวัน" และบางครั้งถูกจับฉีดยาเสพติด ซึ่งทำให้เธอถึงกับอาเจียนออกมาเป็นเลือด
เธอเล่าอีกว่า ถูกกักขังเป็นประจำโดยที่มีองครักษ์คอยเฝ้าควบคุมตัว ภายในห้องนอนในพระราชวัง และจะถูกจับฉีดยาระงับประสาทเมื่อเธอร้องคร่ำครวญ
"ดิฉันยังคงบอบช้ำกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น และยังคงส่งผลกระทบกับตัวดิฉันอยู่เลย" เธอบอกกับผู้สื่อข่าวในจาการ์ตาเมื่อวันอาทิตย์ (31) ภายหลังผละหนีจากครอบครัวของเจ้าชาย ระหว่างที่กำลังเดินทางเยือนสิงคโปร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
หนังสือพิมพ์จาการ์ตา โกบล รายงานอ้างคำพูดของนางแบบสาวที่กล่าวว่า "การล่วงละเมิดทางเพศและคุกคามทางเพศเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันสำหรับดิฉัน เขาทำเช่นนั้นทุก ๆ ครั้ง เมื่อดิฉันไม่ต้องการจะมีเพศสัมพันธ์กับเขา"
"ดิฉันไม่เคยคิดว่าคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง จะทำถึงขนาดนั้นได้" เธอกล่าว พร้อมกับสำทับว่า "ร่างกายของดิฉันบางแห่งถูกกรีดด้วยมีดโกน"
"ดิฉันถูกปฏิบัติเยี่ยงสัตว์ ดิฉันเป็นเหมือนทรัพย์สินของเขา ดิฉันต้องอยู่ในห้องของเขา และเมื่อเขาอยากจะเล่นกับดิฉัน เขาจะเข้ามาในห้องแล้วเล่นกับดิฉัน ดิฉันเหมือนเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง"
มาโนฮารา ซึ่งเข้าพิธีอภิเษกสมรสดั่งเทพนิยายกับเจ้าชายรัฐกลันตัน เล่าว่า เธอจะถูกทรมาน หากไม่ทำเหมือนกับว่ามีความสุข ขณะร่วมงานสังคมกับเจ้าชายฟาครี
นางแบบสาวเล่าว่า เธอแอบติดต่อกับตำรวจสิงคโปร์ และขอความช่วยเหลือ หลังจากครอบครัวเจ้าชายพาเธอเดินทางมายังสิงคโปร์ด้วย ระหว่างที่พวกเขาติดตามพระบิดาของเจ้าชายฟาครี คือ สุลต่าน อิลมาอิล เปตรา ชาห์ ที่ 2 เพื่อรักษาตัวที่นั่น
"ตำรวจสิงคโปร์ขู่เจ้าชายฟาครีว่า เขาจะถูกจับเข้าคุก หากไม่ยอมปล่อยให้ดิฉันไป ในสิงคโปร์ไม่มีใครจะบังคับไม่ให้ดิฉันทำตามความปรารถนาได้ และดิฉันรู้ว่าดิฉันโอกาสหลบหนีแล้ว" นางแบบสาวกล่าว
ขณะที่ตำรวจสิงคโปร์ปฏิเสธจะแสดงความเห็นเรื่องการกล่าวหาของมาโนฮารา
เว็บไซต์ข่าวเดติกคอม ในอินโดนีเซีย รายงานอ้างคำพูด "เพื่อนคนหนึ่ง"ของเจ้าชายฟาครีที่อ้างว่า อดีตนางแบบรายนี้ได้รับอนุญาตให้ออกมาอย่างเต็มใจ พร้อมกับตำหนิแม่ของมาโนฮาราที่ยุให้ลูกสาวปั้นแต่งเรื่องดังกล่าว
โมฮัมมัด โซเบอรี ชาฟีอี เพื่อนของเจ้าชายกลันตันบอกด้วยว่า มาโนฮารา ควรได้รับการตรวจสอบจาก "แพทย์ที่เป็นกลางในออสเตรเลีย, สิงคโปร์ หรือลอนดอน" เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาของเธอ
อดีตนางแบบสาวรายนี้ ซึ่งเคยได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน "100 สุดยอดผู้หญิง" ของอินโดนีเซียกล่าวโจมตีสถานทูตอินโดนีเซียในมาเลเซีย โดยบอกว่า "พวกเขาทำให้เรื่องเลวร้ายลง ด้วยการพูดปด โดยบอกว่า ดิฉันมีความสุขดีในขณะที่ดิฉันทนทุกข์อยู่ในกลันตัน"
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียยืนกรานว่า ทางสถานทูตได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะพอช่วยเหลือมาโนฮารา และบอกอีกว่า ทางรัฐบาลยินดีช่วยเหลือ หากเธอต้องการฟ้องร้องสามี
ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดีน ยัสสิน ของมาเลเซียบอกว่า รัฐบาลจะไม่สอบสวนเรื่องดังกล่าว
"ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า จนถึงวันนี้เรายังไม่ถูกลากให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ดังนั้นเราต้องการจะปล่อยเรื่องนี่เป็นอย่างที่มันเป็น" รองนายกฯ บอกกับผู้สื่อข่าวที่กัวลาลัมเปอร์