ราคาทองจะไปทางไหน คงเป็นคำถามในใจของใครหลาย ๆ คน ที่ต้องการลงทุนซื้อ/ขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) นะคะ เพราะถ้านักลงทุนทราบว่าทองจะขึ้น ท่านก็คงเลือกซื้อล่วงหน้า (Long Position) หรือถ้าทราบว่า ทองจะลง ท่านก็คงเลือกขายล่วงหน้า ( Short Position ) ใช่ไหมคะ วันนี้ดิฉันคงมิบังอาจชี้ชะตาราคาทองคำนะคะ เพียงต้องการจะนำเสนอถึงปัจจัยที่มีผลกระทบกับราคาทองคำค่ะ เพื่อเป็นแนวทางในการหาคำตอบของทุกท่านค่ะ
จากภาพสถิติ Demand มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ( แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Demand ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ก็ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ) ตรงข้ามกับ Supply ที่มีแนวโน้มถดถอยลง นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องนะคะ
ถ้าลงลึกไปถึงสัดส่วนของ Demand ว่ามาจากส่วนใดมากที่สุด จะพบว่า ยังคงเป็นเรื่อง Jewelry and Consumer นะคะ จึงทำให้ราคาทองมีลักษณะเป็น Seasonal คือ ขึ้นลงเป็นฤดูกาล โดยมาก ช่วงไตรมาส 1 และ 4 จะเป็นช่วงที่ราคาทองคึกคัก ในขณะที่ไตรมาศ 2 และ 3 จะซบเซาและถ้าย้อนหลังไป 2 – 3 ปีที่ผ่านมา Demand ในส่วน Investment ก็เพิ่มขึ้นสูงมาก บุคคลทั่วไปเริ่มสนใจลงทุนในทองคำมากขึ้น เมื่อเทียบกับการนำมาเป็นเครื่องประดับสวยงาม สังเกตได้จากสัดส่วนที่ลดลงของ Demand ในส่วน Jewelry and Consumer และสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของ Demand ในส่วน Investment นั่นเอง
บางท่านอาจกำลังสงสัยว่า แล้วราคาทองคำในประเทศไทย มีปัจจัยใดบ้าง ขออนุญาตกล่าวถึงสูตรการคำนวณราคาทองคำที่ใช้เป็น Final Settlement Price ของ TFEX นะคะ
จากสูตร จะเห็นได้ว่ามีตัวแปรอยู่ 2 ตัวที่ยังไม่ทราบค่านะคะ นั่นคือ ค่าเงินบาท และราคาทองคำในตลาดโลกที่อ้างอิงจากราคาที่ London นอกจากนี้เราควรทราบด้วยว่า ปัจจัยใดที่มีผลกระทบให้ราคาทองคำในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งดิฉันได้สรุปเป็นแผนภาพให้แล้วดังนี้ค่ะ
จากข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดนี้ คงจะช่วยให้ท่านสามารถหาคำตอบของคำถามในใจได้บ้างแล้วนะคะว่า "ราคาทองคำจะไปทางไหน ? "
ถ้าท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการเสริมความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น ท่านสามารถลงทะเบียนอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่เกี่ยวกับอนุพันธ์ของบมจ. หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) ได้ที่ www.poems.in.th หรือสอบถามโดยตรงกับดิฉัน (ณภัทร์ ภัทรานิตฐ์ ผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์) โดยส่งคำถามของท่าน มาที่ Futures@phillip.co.th ค่ะ
จากภาพสถิติ Demand มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ( แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Demand ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ก็ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ) ตรงข้ามกับ Supply ที่มีแนวโน้มถดถอยลง นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องนะคะ
ถ้าลงลึกไปถึงสัดส่วนของ Demand ว่ามาจากส่วนใดมากที่สุด จะพบว่า ยังคงเป็นเรื่อง Jewelry and Consumer นะคะ จึงทำให้ราคาทองมีลักษณะเป็น Seasonal คือ ขึ้นลงเป็นฤดูกาล โดยมาก ช่วงไตรมาส 1 และ 4 จะเป็นช่วงที่ราคาทองคึกคัก ในขณะที่ไตรมาศ 2 และ 3 จะซบเซาและถ้าย้อนหลังไป 2 – 3 ปีที่ผ่านมา Demand ในส่วน Investment ก็เพิ่มขึ้นสูงมาก บุคคลทั่วไปเริ่มสนใจลงทุนในทองคำมากขึ้น เมื่อเทียบกับการนำมาเป็นเครื่องประดับสวยงาม สังเกตได้จากสัดส่วนที่ลดลงของ Demand ในส่วน Jewelry and Consumer และสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของ Demand ในส่วน Investment นั่นเอง
บางท่านอาจกำลังสงสัยว่า แล้วราคาทองคำในประเทศไทย มีปัจจัยใดบ้าง ขออนุญาตกล่าวถึงสูตรการคำนวณราคาทองคำที่ใช้เป็น Final Settlement Price ของ TFEX นะคะ
จากสูตร จะเห็นได้ว่ามีตัวแปรอยู่ 2 ตัวที่ยังไม่ทราบค่านะคะ นั่นคือ ค่าเงินบาท และราคาทองคำในตลาดโลกที่อ้างอิงจากราคาที่ London นอกจากนี้เราควรทราบด้วยว่า ปัจจัยใดที่มีผลกระทบให้ราคาทองคำในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งดิฉันได้สรุปเป็นแผนภาพให้แล้วดังนี้ค่ะ
จากข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดนี้ คงจะช่วยให้ท่านสามารถหาคำตอบของคำถามในใจได้บ้างแล้วนะคะว่า "ราคาทองคำจะไปทางไหน ? "
ถ้าท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการเสริมความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น ท่านสามารถลงทะเบียนอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่เกี่ยวกับอนุพันธ์ของบมจ. หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) ได้ที่ www.poems.in.th หรือสอบถามโดยตรงกับดิฉัน (ณภัทร์ ภัทรานิตฐ์ ผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์) โดยส่งคำถามของท่าน มาที่ Futures@phillip.co.th ค่ะ