xs
xsm
sm
md
lg

เป็นทั้งพรรค เป็นทั้งพันธมิตรฯ ทำไมจะไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: อุษณีย์ เอกอุษณีษ์

หลังการประกาศตั้งพรรคการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่า มีคนถามไถ่กันเยอะมาก ว่าจะดำรงสถานะกันอย่างไรต่อไปไม่ให้เกิดความสับสนระหว่าง “พรรคการเมือง + ขบวนการการเมืองภาคประชาชน”

ประเด็นเรื่องการทำงานทางการเมืองของ “พรรคการเมืองพรรคใหม่” กับ “ขบวนการภาคประชาชน” จริงๆ แล้ว แกนนำพันธมิตรฯ หลายท่าน ก็ให้สัมภาษณ์ชัดเจนไปแล้วว่า พรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการจะขับเคลื่อนการเมืองใหม่ ขณะที่ขบวนการประชาชนนอกสภาที่มีมาตั้งแต่ปี 2548 – 49 ต่อเนื่องมายังปัจจุบัน ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

แต่ขนาดอธิบายกันขนาดนี้แล้ว ก็ยังมีพวกขี้สงสัยอีกหลายคน ถามวกไปวนมาว่า “อ้าวแล้วจะตั้งพรรคขึ้นมาทำไม ถ้ายังต้องมีการเมืองนอกสภาอยู่” ก็พอดีกับที่ผู้เขียนมีโอกาสเข้าไปติดตามกระทู้ในเว็บบอร์ด serithai.net พบกระทู้ที่มีการพูดคุยในลักษณะเดียวกับคำถามด้านบน แล้วบังเอิญให้ไปสะดุดใจกับข้อความใน Comment ของผู้ที่ใช้ชื่อว่าคุณ “แดง ขาว น้ำเงิน” ที่เข้าไปตอบคำถามถึงเรื่องนี้โดยยกปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวของพรรคกรีนยุโรปเมื่อปี 2526 มาเป็นตัวอย่างในการอธิบายให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน โดยระบุว่า ...

“เช้าตรู่วันที่ 3 กันยายน 2526 ณ บิทเบิร์ก ชายแดนเชื่อมต่อระหว่างเยอรมนีกับลักแซมเบิร์ก กองกำลังตำรวจถูกส่งเข้าเสริมเพื่อตรึงกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการติดตั้งขีปนาวุธครุยส์ชุดใหม่ กลุ่มผู้ประท้วงกว่า 900 คนซึ่งนำโดย ส.ส.จากพรรคกรีนนั่งชุมนุมอย่างสงบท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ประจันหน้ากับแถวตำรวจพร้อมอาวุธเต็มพิกัด ....

ทุกๆ ชั่วโมงที่ผ่านไปผู้คัดค้านจากทุกสารทิศต่างหลั่งไหลมาสมทบจนจำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นเป็นหลายพันคน และทันทีที่ฝูงชนพยายามเคลื่อนตัวเข้าใกล้ประตูฐานยิงขีปนาวุธ ก็ต้องเผชิญกับการสกัดกั้นอย่างรุนแรง หน่วยสุนัขตำรวจบุกทะลวงเข้ากลางวง ตามติดด้วยการฉีดน้ำสลายฝูงชน.... เหตุการณ์วันนั้นจบลงด้วยการที่ผู้ประท้วงจำนวนมากถูกจับกุม หลายคนบาดเจ็บ และกลายเป็นบันทึกอันโหดร้ายหน้าหนึ่งของขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพ

น่าแปลกที่เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นเพียงครึ่งปีหลังจากที่พรรคกรีนได้ก้าวเข้าสู่รัฐสภาเยอรมนีเป็นครั้งแรก การที่พรรคยังคงดำเนินบทบาทการเคลื่อนไหวนอกสภาอย่างจริงจังต่อเนื่องได้ทำให้หลายฝ่ายเกิดข้อสงสัยถึงแนวทางการดำเนินงานของพรรคว่าจะเป็นไปในลักษณะใด...” (คุณแดงขาวน้ำเงินอ้างอิงมาจากหนังสือชื่อ การเมืองสีเขียว วิถีแห่งสังคมและระบบนิเวศโดย นพนันท์ อนุรัตน์)

ช่างบังเอิญคำถามที่ใช้ถามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันนี้ ได้เคยถูกนำมาใช้ถามพรรคกรีนในยุโรปมาแล้วเมื่อ 26 ปีที่แล้ว และก็เป็นโชคดีของพันธมิตรฯ ที่พรรคกรีนเขาก็ช่วยตอบให้แล้วผ่านการทำงานในทั้งสองส่วนตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา จะว่าไปแล้ว ความคล้ายคลึงระหว่างการกำเนิดพรรคกรีนของยุโรปกับพรรคการเมืองใหม่ที่จะชื่ออะไรก็ตามแต่

ข้อเหมือนก็คือทั้งสองกลุ่มล้วนผ่านการต่อสู้บนท้องถนนกันมาแล้ว เป็นการต่อสู้บนอุดมการณ์ที่ไม่ได้ยึดมั่นผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่งแต่ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ล้วนเป็นการต่อต้านการเมืองที่เห็นแก่ตัวโดยพรรคกรีนก็ต่อต้านนายทุนที่ฉกฉวยผลประโยชน์เบียดบังธรรมชาติ และทำร้ายโลก สร้างขยะพิษกับสภาพแวดล้อม ก็เหมือนกับที่พันธมิตรฯ ต่อต้านกลุ่มการเมืองที่เบียดบังชาติ ทำร้ายประชาชน และทำตัวเป็นขยะสังคมไม่มีอะไรต่างกัน ทั้งสองกระบวนการล้วนผ่านการขับเคลื่อนกันด้วยมือเปล่าๆ ของประชาชนกันมาทั้งสิ้น ก่อนจะได้พัฒนามาเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นอุดมการณ์ และหันมาสู้กันบนสนามใหม่ เพิ่มเติมอีกสนาม นั่นคือสนามการเลือกตั้ง

สำหรับพรรคกรีนในยุโรป แม้จะก่อพรรคตั้งขึ้นมา และเดินหน้าเข้าไปต่อสู้ทางการเมืองในระบบก็ใช่ว่า สมาชิกพรรคที่ปัจจุบันมีครอบคลุมกว่า 60 ประเทศทั่วโลก จะยุติขบวนการเคลื่อนไหว ตรงกันข้ามการเคลื่อนไหวภาคประชาชนของเขากลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ สอดรับกับความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมและสันติภาพที่ได้กลายเป็นมาตรฐานคุณธรรมทางสากลที่คนให้การยอมรับกันทั่วโลก พรรคกรีนเองก็วางบทบาทงานการเมืองในระบบเป็นเพียงการหนุนช่วย หรือเป็นเครื่องมือหนึ่งสู่ กระบวนการการเปลี่ยนแปลงขององค์กรประชาชนเท่านั้น

จึงเปล่าประโยชน์ที่พรรคพันธมิตรฯ จะต้องมาสร้างเส้นแบ่งระหว่างความเป็นพรรคการเมืองกับกระบวนการภาคประชาชนให้ยุ่งยากเสียเวลา เส้นแบ่งที่ว่าควรมีไว้กั้นกลางระหว่างความดีความเลว ระหว่างการเมืองใหม่กับการเมืองเก่า และต้องขีดย้ำให้เส้นนั้นเด่นชัดขึ้นทุกวี่ทุกวันเพื่อว่าจะไม่ได้หลงลืม ว่าพรรคการเมืองใหม่ของเราสร้างขึ้นบนต้นทุนที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อ และชีวิตของผู้ร่วมอุดมการณ์ที่หวังจะเห็นการเมืองใหม่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเขา

อีกประเด็นที่ดิฉันชื่นชอบมากจากกระทู้ในเว็บเสรีชน ที่พูดถึงเป้าหมายของพรรคการเมืองแนวทางใหม่ระหว่าง “พรรคกรีน” และ “พรรคพันธมิตรฯ” ซึ่งพรรคกรีนไม่ได้ตั้งเป้าไปที่การสะสมเก้าอี้ ส.ส.ในสภา

แต่เป้าหมายสำคัญคือการเผยแพร่แนวคิดเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและสันติภาพ จนกระทั่งเขาประสบความสำเร็จในการทำให้กระแสสีเขียวได้เข้าไปผลิดอกออกผล ถูกจัดเป็นหนึ่งในนโยบายอันดับต้นของพรรคการเมืองอาชีพทั้งหลายอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ใครไม่ทำก็เท่ากับตกยุคขายไม่ได้ประชาชนไม่ยอมรับ เช่นนี้ก็เท่ากับอาจจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ถึงเวลาที่พรรคเขียว – เหลืองจะได้เข้าไปชูนโยบายสร้างการเมืองที่โปร่งใส มีคุณธรรม ขจัดการคอร์รัปชัน ฉ้อฉล และเล่นพรรคเล่นพรรค แต่มุ่งเน้นสรรหาความดีมีความสามารถมาปกครองบ้านเมืองบ้าง...
กำลังโหลดความคิดเห็น