ศูนย์ข่าวขอนแก่น-องค์กรเครือข่ายต้านค้าปลีกยักษ์เมืองหมอแคน รุกเปิดเวทีเตือนภัยผลกระทบการขยายสาขาห้างยักษ์ตามย่านตลาดชุมชน ประเดิมเวทีแรกหน้าตลาดชุมชนหนองใหญ่ หวังกระตุ้นให้ตื่นตัวรับมือ-ปรับพัฒนาการบริการให้ได้ใจลูกค้าในชุมชนอุดหนุนร้านค้าใกล้บ้าน ขณะที่สมาคมคุ้มครองผู้ทำกินฯล่าชื่อผู้ค้ารายย่อยไทยดันร่างกฎหมายค้าปลีกของตัวเอง ไม่หวังพึ่งร่างกระทวงพาณิชย์
เมื่อเร็วๆนี้ที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าตลาดชุมชนหนองใหญ่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น คณะทำงานติดตามกรณีปัญหาค้าปลีกรายย่อยของหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับชมรมผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระจังหวัดขอนแก่นและโฮมเคเบิลทีวีขอนแก่น ได้เปิดเวทีให้ข้อมูลความรู้ผลกระทบจากการรุกขยายเปิดสาขาของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่และการปรับตัวของพ่อค้าแม่ค้า ร้านค้าปลีกย่อยท้องถิ่นเพื่อรับกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น การเปิดเวทีครั้งนี้ได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยเป็นจำนวนมาก
นายวุฒิไกร สุวรรณวานิช หนึ่งในคณะทำงานติดตามกรณีปัญหาค้าปลีกรายย่อย หอการค้าจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า การจัดเวทีเผยแพร่ความรู้ผลกระทบค้าปลีกฯครั้งนี้ ถือเป็นเวทีนำร่องในการรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ร้านค้าปลีกรายย่อยท้องถิ่นจะได้รับจากการเปิดสาขาของค้าปลีกรายใหญ่ โดยเฉพาะ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ( TESCO Lotus Express )ของบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารเทสโก้ โลตัส ซึ่งมีเป้าหมายขยายสาขาตามย่านตลาดชุมชนทั้งในตัวจังหวัดและต่างอำเภอ ร้านค้าย่อยต้องเตรียมรับกับผลกระทบที่จะตามมาเพื่อจะได้ปรับตัวรับกับการแข่งขันที่จะรุนแรงมากขึ้น
ที่สำคัญนอกจากเผยแพร่ข้อมูลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากการเข้ามารุกขยายสาขาค้าปลีกรายใหญ่แล้ว ทางคณะทำงานต้องการรณรงค์ให้ร้านค้าปลีกท้องถิ่นปรับตัวในการทำการค้าให้สามารถเข้าถึงใจผู้บริโภคท้องถิ่นเกิดความประทับใจในการใช้บริการร้านค้าท้องถิ่นใกล้บ้าน อยากให้มีความรู้สึกว่าท้องถิ่นต้องพึ่งพาเกื้อกูลกัน สำนึกนิยมท้องถิ่น เงินทองไม่ไหลไปไหน ต่างจากซื้อของกับห้างต่างชาติ ท้ายสุดเงินก็ไหลออกนอกประเทศ
“เราคาดหวังให้ร้านค้าท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง สามัคคีกัน หากร้านค้าเข้มแข็ง ชุมชนเข้มแข็งไม่ว่าห้างต่างชาติจะมาเปิดสาขาใกล้บ้าน ก็ไม่สามารถอยู่ได้ การเปิดเวทีลักษณะนี้จะช่วยให้ร้านค้าและผู้บริโภคในชุมชนมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันร้านค้าชุมชนได้อีกทางหนึ่ง และในครั้งต่อๆไปก็จะขยายโครงการเปิดเวทีให้ความรู้ในย่านตลาดชุมชนอื่นๆ”นายวุฒิไกรกล่าว
นายวิเชียร ตั้งธรรมสถิต นายกสมาคมคุ้มครองผู้ทำกินแห่งประเทศไทย หนึ่งในวิทยากรที่ขึ้นเวทีให้ความรู้กับชาวตลาดหนองใหญ่ครั้งนี้ด้วย กล่าวว่าอยากให้ผู้ประกอบการคนไทยช่วยกันรณรงค์ให้คนไทยซื้อสินค้าจากร้านค้าของคนไทยด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่นคงเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของไทย กิจการร้านค้าปลีกไม่ควรจะผูกขาดจากนายทุนต่างชาติเหมือนอย่างที่กำลังเป็นอยู่ หากคนไทยไม่ช่วยกัน ท้ายสุดก็จะถูกนายทุนค้าปลีกต่างชาติครอบงำผูกขาด เศรษฐกิจฐานรากของไทยก็จะอ่อนแอ
สำหรับสมาคมคุ้มครองผู้ทำกินแห่งประเทศไทยเพิ่งตั้งขึ้นได้ราว 2-3 เดือนที่ผ่านมา เป็นการรวมกลุ่มจากผู้ประกอบการคนไทยรายย่อยทุกประเภทไม่จำกัดเฉพาะกิจการค้าปลีก ทั้งที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดสาขาของห้างต่างชาติไปแล้วและกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ ที่ยังไม่มีการเปิดแต่อยู่ในเป้าหมายการขยายสาขา ดังนั้นผู้ประกอบการคนไทยทุกประเภทควรหันมารวมพลังเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันผลกระทบที่เกิดขึ้นร่วมกัน การเปิดเวทีให้ความรู้เหมือนที่จัดขึ้นในตลาดชุมชนหนองใหญ่ จ.ขอนแก่นครั้งนี้มีความสำคัญมาก อย่างน้อยเป็นการสร้างความตื่นตัวหาทางออกให้แก่ผู้ค้ารายย่อยในแต่ละพื้นที่เตรียมรับมือกับกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามนายวิเชียรกล่าวว่า แม้ ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่งของไทยยังไม่ประกาศบังคับใช้ เพราะติดปัญหาในขั้นตอนรัฐสภา ซึ่งสมาคมฯเองกำลังรณรงค์ล่ารายชื่อผู้ประกอบการรายย่อย หรือค้าส่งค้าปลีกทุกประเภททั่วประเทศให้ได้สัก 2-3 หมื่นราย เพื่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกขึ้นมาอีกฉบับ หลังจากร่างเสร็จเรียบร้อยก็จะเสนอต่อรัฐบาลเพื่อให้นำเข้าสู่การพิจารณาของสภา เชื่อว่าร่างฯที่จัดทำขึ้นเองนี้น่าจะเข้าถึงสภาพปัญหาของผู้ประกอบการไทยได้ดีกว่า เพราะผู้ที่ประสบปัญหาเป็นผู้ร่างเอง
หลังจากนี้ราวหนึ่งเดือน สมาคมฯจะเช็กยอดว่าสามารถล่าชื่อได้สักเท่าไหร่แล้ว โดยผู้ประกอบการไทยรายใดต้องการลงชื่อสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้จาก www.Retail Thai.com เมื่อกรอกเสร็จจัดส่งได้ที่เครือข่ายกลุ่มหรือชมรมค้าปลีกรายย่อยในแต่ละจังหวัดที่มีการรวมกลุ่มกัน
ด้านนายนริศ จรรยานิทัศน์ เลขาธิการชมรมผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ชมรมพร้อมที่จะประสานกับสมาชิกหรือเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อร่วมลงชื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกที่สมาคมคุ้มครองผู้ทำกินฯกำลังดำเนินการ อย่างน้อยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่น่าจะช่วยลดผลกระทบค้าปลีกรายย่อยท้องถิ่น ดีกว่าไม่ได้ดิ้นรนต่อสู้ใดๆ
สำหรับโครงการเปิดเวทีให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบค้าปลีกท้องถิ่น จากการขยายสาขาของค้าปลีกรายใหญ่ทุนหนานั้น ทางชมรมฯพร้อมให้ความร่วมมือส่งตัวแทนร่วมกิจกรรมทุกเวทีที่มีการจัด ซึ่งหลังจากได้เปิดเผยข้อมูลในวงกว้างในแต่ละพื้นที่แล้ว ผู้ประกอบการร้านค้าย่อยท้องถิ่นนั้นๆจะผนึกพลังออกมาต่อสู้ต่อต้านนายทุนค้าปลีกใหญ่หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของร้านค้าย่อยแต่ละพื้นที่ จะไม่มีการชี้นำแต่อย่างใด