นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุมเตรียมการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลี สมัยพิเศษ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอาเซียน ระหว่างวันที่ 30พ.ค.-2มิ.ย. ซึ่งเป็นการประชุมในโอกาสครบรอบ 20 ปีความสัมพันธ์อาเซียนกับเกาหลี โดยในการประชุม นายอภิสิทธิ์ จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พร้อมกับจะมีการออกแถลงการณ์ทวิภาคีร่วมกันด้วย
โอกาสนี้ไทยจะมีการหารือในเรื่องการค้า การลงทุน และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค อาทิ เรื่องของการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ โดยนายกฯจะมีโอกาสแถลงข่าวกับสื่อต่างประเทศหลายแขนงด้วย
นอกจากนี้ จะมีการชี้แจงสถานการณ์ในประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจ โดยเฉพาะความชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง กระบวนการปฏิรูปการเมืองซึ่งถือเป็นความสำคัญลำดับต้นๆ และเมื่อเราได้เดินทางไปเขาได้เห็นความพร้อมของคณะที่เดินทางไป ซึ่งประกอบด้วยภาคธุรกิจหลายสิบคนจากหลายภาคส่วน เขาจะมีความเข้าใจมากขึ้น ว่าสถานการณ์ในเมืองไทยกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
"หนึ่ง สิ่งที่เราจะยืนยันว่าประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติแล้ว วิกฤติการทางเมืองได้คลี่คลายด้วยกระบวนการทางรัฐสภา มีการปฏิรูปทางการเมืองผ่านทางคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา และขณะนี้รัฐบาลก็รอให้กระบวนการนี้มีความก้าวหน้าจนนำไปสู่แนวทางที่เราอาจจะต้องเข้าไปสู่การเลือกตั้ง เมื่อมีการปฏิรูปการเมือง เมื่อมีการแก้ไขกฎเกณฑ์ต่างๆ รวมทั้งอาจจะมีการแก้รัฐธรรมนูญ และฟังประชาพิจารณ์หรือมีประชามติ ก็จะสามารถที่จะคลี่คลาย ฉะนั้นกระบวนการนี้เราก็จะชี้แจงให้เขาเห็น" นายปณิธานกล่าว
นอกจากนี้ เราจะชี้แจงให้เข้าใจว่าในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ก็ควบคู่กันไป ซึ่งการแก้ไขปัญหาทางการเมืองไม่ได้กระทบการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้มีความพยายามเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สอง เพียงแต่รอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องของพระราชกำหนดกู้เงินให้เสร็จสิ้น และเมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็จะเดินหน้าต่อไปเพื่อที่จะลงทุน โน้มน้าว ชักชวนผลักดันให้นักลงทุนรายใหญ่ของเกาหลีใต้กลับมาลงทุนในด้านต่างๆ
เมื่อถามว่าจะใช้โอกาสนี้สร้างความมั่นใจเพื่อเชิญมาร่วมประชุมอาเซียนบวกสามบวกหกในปลายปีหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า เราก็มีการให้ความมั่นใจนอกจากการให้เห็นว่ากระบวนการพัฒนาทางการเมืองมันเดินหน้า ส่วนการดำเนินคดีต่างๆยังคั่งค้างของทุกฝ่ายที่มีการตั้งข้อสังเกตุกันว่าเกิดความไม่เท่าเทียมก็จะได้รับการยืนยันจากเราว่าเราปฏิบัติต่อทุกกลุ่มเท่าเทียมกัน
"และเราเดินหน้าในการแก้ปัญหาในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยในการประชุม จะมีคณะทำงาน มาตรการขึ้นมาเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประชุมที่ไม่เหมือนที่พัทยาอีก เพราะฉะนั้นส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนให้ความมั่นใจกับเขา และสุดท้ายการที่เราสามารถเดินทางออกนอกประเทศไปร่วมเป็นประธานการประชุมก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า เรากลับสู่สภาวะปกติแล้ว เพราะฉะนั้นสถานการณ์ภายในประเทศเขาก็จะเห็นว่ามีเสถียรภาพมากขึ้นตามที่เขาเห็น น่าจะเป็นเครื่องจูงใจให้เขาเข้ามาร่วมประชุมกับเราได้ ตรงนี้ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร" นายปณิธานกล่าว
โอกาสนี้ไทยจะมีการหารือในเรื่องการค้า การลงทุน และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค อาทิ เรื่องของการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ โดยนายกฯจะมีโอกาสแถลงข่าวกับสื่อต่างประเทศหลายแขนงด้วย
นอกจากนี้ จะมีการชี้แจงสถานการณ์ในประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจ โดยเฉพาะความชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง กระบวนการปฏิรูปการเมืองซึ่งถือเป็นความสำคัญลำดับต้นๆ และเมื่อเราได้เดินทางไปเขาได้เห็นความพร้อมของคณะที่เดินทางไป ซึ่งประกอบด้วยภาคธุรกิจหลายสิบคนจากหลายภาคส่วน เขาจะมีความเข้าใจมากขึ้น ว่าสถานการณ์ในเมืองไทยกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
"หนึ่ง สิ่งที่เราจะยืนยันว่าประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติแล้ว วิกฤติการทางเมืองได้คลี่คลายด้วยกระบวนการทางรัฐสภา มีการปฏิรูปทางการเมืองผ่านทางคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา และขณะนี้รัฐบาลก็รอให้กระบวนการนี้มีความก้าวหน้าจนนำไปสู่แนวทางที่เราอาจจะต้องเข้าไปสู่การเลือกตั้ง เมื่อมีการปฏิรูปการเมือง เมื่อมีการแก้ไขกฎเกณฑ์ต่างๆ รวมทั้งอาจจะมีการแก้รัฐธรรมนูญ และฟังประชาพิจารณ์หรือมีประชามติ ก็จะสามารถที่จะคลี่คลาย ฉะนั้นกระบวนการนี้เราก็จะชี้แจงให้เขาเห็น" นายปณิธานกล่าว
นอกจากนี้ เราจะชี้แจงให้เข้าใจว่าในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ก็ควบคู่กันไป ซึ่งการแก้ไขปัญหาทางการเมืองไม่ได้กระทบการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้มีความพยายามเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สอง เพียงแต่รอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องของพระราชกำหนดกู้เงินให้เสร็จสิ้น และเมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็จะเดินหน้าต่อไปเพื่อที่จะลงทุน โน้มน้าว ชักชวนผลักดันให้นักลงทุนรายใหญ่ของเกาหลีใต้กลับมาลงทุนในด้านต่างๆ
เมื่อถามว่าจะใช้โอกาสนี้สร้างความมั่นใจเพื่อเชิญมาร่วมประชุมอาเซียนบวกสามบวกหกในปลายปีหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า เราก็มีการให้ความมั่นใจนอกจากการให้เห็นว่ากระบวนการพัฒนาทางการเมืองมันเดินหน้า ส่วนการดำเนินคดีต่างๆยังคั่งค้างของทุกฝ่ายที่มีการตั้งข้อสังเกตุกันว่าเกิดความไม่เท่าเทียมก็จะได้รับการยืนยันจากเราว่าเราปฏิบัติต่อทุกกลุ่มเท่าเทียมกัน
"และเราเดินหน้าในการแก้ปัญหาในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยในการประชุม จะมีคณะทำงาน มาตรการขึ้นมาเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประชุมที่ไม่เหมือนที่พัทยาอีก เพราะฉะนั้นส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนให้ความมั่นใจกับเขา และสุดท้ายการที่เราสามารถเดินทางออกนอกประเทศไปร่วมเป็นประธานการประชุมก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า เรากลับสู่สภาวะปกติแล้ว เพราะฉะนั้นสถานการณ์ภายในประเทศเขาก็จะเห็นว่ามีเสถียรภาพมากขึ้นตามที่เขาเห็น น่าจะเป็นเครื่องจูงใจให้เขาเข้ามาร่วมประชุมกับเราได้ ตรงนี้ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร" นายปณิธานกล่าว