การจัดงานรำลึก 1 ปี 193 วันแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความชื่นมื่นและประทับใจ
ความร่วมไม้ร่วมมือของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาจากทุกภาคส่วนของประเทศไทย ทั้งการจัดงานและการทำประชามติ นับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการเข้ามามีส่วนร่วมกับการเมืองภาคประชาชนอันยิ่งใหญ่ ชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
พี่น้องซึ่งเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมพรั่งไปด้วยมวลชนคนกล้าที่ไม่เพียงแต่แสดงออกทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังอวดตัวอวดตนด้วยการโชว์ชั้นเชิงที่งดงามล้ำค่าของภูมิปัญญาแต่ละท้องถิ่นในรูปแบบของศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณี
ขณะที่ฉันทามติ คือ ความงดงามทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
แต่ริ้วขบวนพาเหรดของแต่ละภาค แต่ละจังหวัด คือ การแสดงออกถึงวัฒนธรรมเก่าแก่ที่เข้มแข็งหยั่งรากลึกที่หลายๆ คนอาจจะหลงลืม เด็กๆ ของเราอาจจะไม่เคยศึกษา
ทว่าในงาน 1 ปี รำลึก 193 วัน ไม่มีคนไทยคนไหนในโลกนี้ที่ชมการถ่ายทอดสดแล้วจะลืม “ริ้วขบวนวัฒนธรรม” ที่สวยสุดเกินบรรยายไปได้เลย
ท่ามกลางแม่น้ำร้อยสายไหลบ่ามารวมกัน งานครบรอบ 1 ปี 193 วัน จึงเป็นวันที่การเมืองมาบรรจบพบกับวัฒนธรรม ก่อกำเนิดวัฒนธรรมการเมืองใหม่ และฉันทามติจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่
พรรคการเมืองที่มี “ประชาชน” เดินนำหน้าในฐานะเจ้าของอย่างแท้จริง
แต่การก้าวไปสู่จุดกำเนิด การเมืองใหม่ และพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งจะเป็นจริงเป็นจัง เป็นรูปเป็นร่างแค่ไหนประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของพันธมิตรฯ เท่านั้นคือผู้ตัดสินใจ
“เอา” ก็ทำ - “ไม่เอา” ก็ยุติ
ในที่สุดค่ำคืนแห่งความยุ่งยากใจก็ยุติ อาการรักพี่เสียดายน้องค่อยๆ ละลายหายไปในท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ต้นไม้ประชาธิปไตยในนามการเมืองภาคประชาชนก็ก่อกำเนิด “ต้นกล้าการเมืองใหม่” ด้วยฉันทามติ “ตั้งพรรคการเมือง” ซึ่งเป็นพรรคการเมืองแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่อุบัติขึ้นด้วยเสียงสวรรค์จากประชาชน และดำเนินต่อไปในนามกองทัพภาคประชาชน
เอาไง...ก็เอากัน...มันจะสักแค่ไหนเชียว
ไหนๆ ก็เคยเดินฝ่าเปลวแดด สายฝน ลมหนาว ห่ากระสุน ลูกระเบิด และหนีตำรวจมาด้วยกันถึงขนาดนี้แล้ว...น้อยกว่านี้ได้อย่างไร ... ทำน้อยกว่านี้เราไม่ทำ... จะให้นั่งเฉยรอราชรถมาเกย โดยปล่อยให้พี่น้องประชาชนทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญ...ก็ไม่ใช่เรา...พันธมิตรฯ
ข้อสรุปที่ได้จากฉันทามติของพี่น้องประชาชนในค่ำคืนวันนั้น เป็นเสมือนแบบทดสอบแรกที่ท้าทายพลัง และอำนาจของพี่น้องประชาชนเจ้าของประเทศ
พี่น้องที่เคยแต่ถูกนักการเมืองเลวๆ ย่ำยีศักดิ์ศรีและลดทอนสิทธิที่มีอยู่มาโดยตลอด
วันนี้ไม่เหมือนวันวานอีกต่อไป
พี่น้องในวันนี้ ไม่เหมือนพี่น้องในวันวานอีกต่อไป
พี่น้องในวันนี้ ไม่ใช่คนเดิมที่เคยค้อมไหล่ ก้มหัวให้กับกลุ่มการเมืองโกงบ้านกินเมืองอีกต่อไปแล้ว
พี่น้องในวันนี้ ไม่ใช่นักรบข้างถนนที่ทนทุกข์ และถูกดูแคลนอีกต่อไป
แต่เป็นพี่น้องในวันนี้ที่พร้อมจะ สู้ สู้ สู้ไม่ถอย และสู้ในกติกาประชาธิปไตย ไม่ยืนประท้วงหน้ารัฐสภาให้ตำรวจชั่วมันไล่ยิงไล่ล่าเหมือนหมูเหมือนหมาอีกต่อไป แต่พี่น้องจะเดินหน้ายาตราทัพเข้าสู่รัฐสภากับการเมืองใหม่ โดยพรรคการเมืองใหม่
เราจะจับมือกัน แล้วเดินไปสู่การเมืองใหม่ที่ไม่ใช่การต่อสู้ข้างถนนอีกต่อไป
เราจะจับมือกันไว้ให้มั่น แล้วเดินไปสู่การเมืองใหม่ เครื่องมือจากเสียงสวรรค์ที่จะนำเราไปสู่ “ถนนการเมือง” และเราใช้ถนนสายสำคัญเส้นนั้นกรุยทางไปสู่การพัฒนาชาติบ้านเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ในสิ่งที่คนดีพึงกระทำ และเราจะจับมือกันทำสิ่งนี้เพื่อลูกและหลานของเรา
พี่น้องวันนี้จึงเป็นคนไทยผู้รู้จักสิทธิ และใช้สิทธิของตัวเองเพื่อกอบบ้านแปงเมืองที่ป่นปี้ด้วยน้ำมือทรามของโจรการเมือง ใจทมิฬหินชาติที่ปล้นชาติ ปล้นประชาฯ มาช้านาน
มาลองดู...กับพี่กู น้องกู กันสักตั้ง...มาทดสอบพลังคนไทย ใจพันธมิตรฯ... ใจที่เคยกล้า เคยแกร่ง หัวใจดวงนี้เข้มแข็งไม่แพ้บรรพบุรุษที่เคยสู้เคยรบ เคยเอาเลือดทาแผ่นดินเพื่อรักษาแผ่นดินให้ลูกไทยหลานไทยได้อยู่ได้กินได้อาศัย
ปู่ย่าตายายเคยทำได้....เราชั้นลูก ชั้นหลาน จะทำไม่ได้...ก็ให้มันรู้กันไป
ดังนั้นพรรคการเมืองใหม่ไม่ว่าจะชื่ออะไร และใครเป็นหัวหน้าก็ตาม ไม่ได้สำคัญไปกว่าการที่เราสามารถบอกใครต่อใครได้เต็มปาก มองใครต่อใครได้เต็มตา อธิบายกับใครต่อใครได้ชัดเจนว่า เราทำเพื่อใคร และเพื่ออะไร เพราะอะไรนักรบข้างถนนอย่างเราๆ จึงกล้าหาญตั้งพรรคการเมืองสู้กับอำนาจการเมืองเก่าทุนหนาที่ฝังรากลึกมายาวนาน
พันธมิตรฯ อุทิศชีวิตทำงานรับใช้ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ด้วยความองอาจกล้าหาญมาระดับหนึ่ง และวันนี้พันธมิตรฯ จะยกระดับความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และพลิกโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง
พร้อมกันนี้ก็จะขุดหลุมฝังศพผีดิบดูดเลือดที่แฝงอยู่ในร่างของนักการเมืองสารเลวทรราชโกงบ้านกินเมืองเหล่านั้นให้สิ้นซาก
พี่น้องทำได้ เราทำได้ และเราต้องร่วมมือกันทำ ทำมันให้เสร็จในวันนี้ เพื่อผดุงรักษาบ้านเมืองดีๆ ไว้ให้ลูกไทยหลานไทยได้เจริญรอยตาม โดยยึดมั่นในแนวทาง “ตามรอยเท้าพ่อ”
นี่จึงมิใช่แนวคิดใหม่ แต่เป็นแนวคิดดั้งเดิม เพียงแต่พวกเรายังไปไม่ได้ และยังไปไม่ถึง ณ บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่มวลมหาประชาชนกลุ่มคนดีจะก้าวเข้ามา เอาน้ำดีไล่น้ำเสีย ส่งเสริมคนดีมาไล่คนเลว และหยุดคนพาลสันดานหยาบช้าที่เรียกตัวเองว่า นักการเมืองผู้ทรงเกียรติ...พอกันที
พอกันที...กับความขมขื่นที่ประชาชนได้รับจากกลุ่มนักการเมืองสามหาวผู้หิวกระหาย แต่ขอบคุณมากที่ความสามานย์ดังกล่าวเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของมวลชนผู้กล้า ที่ประสงค์จะท้าทายอำนาจ และดับรัศมีนักการเมืองโฉดชั่วจอมตระกรุมตะกรามที่เห็นอยู่เกลื่อนกลาดในปัจจุบัน
การก่อกำเนิดพรรคการเมืองใหม่ ที่แม้จะเป็นน้องใหม่ในสารบบ ทว่ามากด้วยประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้ จึงเป็นการตอบโต้ของประชาชน ด้วยมือประชาชน มือเดียวคู่เดิมที่เคย “กา” และ “มอบอำนาจ” ให้กับกลุ่มการเมืองเก่าที่ไม่เคยเห็นหัวประชาชนเลยแม้แต่น้อย
นักการเมืองมั่งคั่ง ประชาชนตกต่ำ ข้าราชการหวาดกลัว และประเทศชาติดำดิ่ง ... เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วหรือยังสำหรับการเดินไปสู่ก้าวแรกของ “พรรคการเมืองใหม่”
พอกันทีกับวันวนกลโกงของนักการเมืองที่คิดคดทรยศกับชนในชาติ
พอกันทีกับกลุ่มการเมืองปลิ้นปล้อนที่ฉกฉวยขโมยทรัพยากรของเพื่อนร่วมชาติไปจัดสรรปันส่วนกันเองในหมู่พี่น้องตัวเอง
พอกันทีกับทุนสามานย์ที่อาศัยอำนาจการเมืองมาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน
และสิ้นสุดกันทีกับยุคสมัยแห่งการพายเรือให้โจรนั่ง
แม้เรือจะดีเพียงใด แม้ฝีพายบางคน และกัปตันเรือจะซื่อสัตย์เพียงไหน แต่เมื่อโจรมันลงมานั่งในเรือลำเดียวกันแล้ว ไอ้ครั้นจะไม่พายพามันไปปล้นที่โน่นที่นี่ตามคำสั่งโจรเสียก็กระไร
อย่าลืม....ไต้ก๋งเรือเขาเคยลั่นวาจา “ไม่มีเขาเราไม่ได้เป็นรัฐบาล” วาทกรรมนี้เป็นที่ลือเลื่องถึงความกตัญญูพิสดารชนิดที่เกิดแล้วตายสามสี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้ทำนองนี้ และไอ้ประโยคเหตุผลอย่างคนจนตรอกนี่ละ กระตุ้นต่อมน้ำดีพันธมิตรฯ จนคิดโน่นคิดนี่และในที่สุดก็พากันมานั่งคิด “การเมืองใหม่”
เขา และมันต่างมีบุญคุณซึ่งกันและกันถึงขนาดนี้แล้ว ลองสิ!!! ลองฝีพายบางคนและกัปตันทำก๋า หั่นโน่น ตัดนี่ ขวางโน่น ทำตัวเป็นคุณชายชุนละเอียดไม่ตามใจมัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สต๊อกข้าวสารในยุ้งฉางทั่วประเทศ รถเมล์เอ็นจี วี ฝังเพชร ย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปอัดกันที่สุวรรณภูมิ การก่อสร้างสนามบินเฟสสองเพื่อลดความแน่นขนัด หรือโครงการ 3 จี ฯลฯ
ขืนขัดใจมันบ่อยๆ ไอ้พวกจอมโจรขยันแดกห่าประเทศไทย มันอาจหงุดหงิดรำคาญใจ ลุกขึ้นมาฆ่าปาดคอแล้วโยนศพฝีพาย และกัปตันคนดีศรีออกซฟอร์ดทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาโครม!!! แล้วจะว่าไงกัน!!! คนดีๆ ไม่มีวางขายในเซเว่น อีเลฟเว่นนะจ๊ะ กว่าจะหามาได้แต่ละคน แต่ละคน ปั้นกันแทบตาย รอคอย...ลอยคอ จนเกืยบจะถอดใจอยู่แล้ว
อย่าคิดนะว่า จอมโจรจอมโกงบ้านกินเมืองมันจะไม่ทำ ขึ้นอยู่กับว่ามันจะทำเมื่อไรเท่านั้นเอง
ซึ่งดูจากรูปการแล้ว คงไม่พ้นฤดูฝนนี่เป็นแน่แท้ ถ้าคนดีศรีออกซฟอร์ด ลองขัดขวาง “ฤดูเก็บเกี่ยว” ของมันอีกสักหนสองหน มีหวังไอ้พวกโจรใจทรามสันดานหยาบที่กำลังรอ “ลงแขก” ประเทศไทยอยู่ได้กลัดมัน “ฟันคอ” ฝีพายม้วยมรณาคาทำเนียบรัฐบาลเป็นแน่แท้
อีหรอบนี้ “ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี” คงได้เปลี่ยนไปเป็น “ที่ประชุมเพลิง” เป็นการชั่วคราว
...ไม่เชื่อลองดู...ลองตีกลับเรื่องวาระของกระทรวงพาณิชย์อีกทีสิ หรือลองตีกลับวาระด่วนจี๋ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกทีสิ หรือลองตีกลับวาระจรของกระทรวงคมนาคมอีกทีสิ หรือลองตีกลับวาระหลบๆ ซ่อนๆ ของกระทรวงไอซีที ดูอีกหนสิ
เอางี้ดีกว่า...เอากันให้ชัดๆ ไปเลย ถ้าจะลองดีกัน...ลองตีกลับวาระสำคัญมากกกของกระทรวงมหาดไทยสักหนสิ
รัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่ถูก “พรรคร่วม” รุมกระซวกคาที่ประชุม...จะเดินไปให้เหยียบถึงที่เลย!!!
ความโลภไม่เคยปรานีใคร และนักการเมืองส่วนใหญ่ในรอบ 30 ปีมานี้ รุมโทรมประเทศไทย จนเราเหมือน “ห่าน” ถูกรีดไข่ทองคำ หนำซ้ำยามไข่ไม่ออก มันก็จับเราขังกรงแคบๆ แล้วกรอกอาหารเช้า-ค่ำ กระทุ้งๆๆๆ ลงคอให้กระเดือกลง แถมบังคับขู่เข็ญเราสารพัดไม่ให้เราเดิน ไม่ให้เราวิ่ง ไม่ให้เราเห็นเดือน เห็นตะวัน
สุดท้ายพอได้ที่ มันก็จับเรา “ฆ่า” แล้วล้วง “ตับ” ของเราที่พิการจนโตบวมเป่งไปทำ “ฟัวร์ กราส์” หรือตับห่านทอด...อาหารจานเลิศ เพื่อขายให้กับเหล่าเศรษฐีผู้มีอัฐ
ครั้นเราตายแน่นิ่ง...โจรปล้นชาติยังไม่หนำใจ มือสกปรกและใจสามานย์ของมัน ยังเอื้อมมาถอนขนห่านทองคำของเราไม่เหลือหรอ แล้วโยนซากศพเปลือยเปล่า ท้องไส้เหวอะหวะของเราทิ้งทะเล นอนลอยคอขึ้นอืดตายเคียงข้าง “รัฐนาวา” คว่ำที่จอมโจรแก๊งนรกปล้นชาติเพิ่ง “ล่ม” เพราะไม่สมใจมัน
การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ คงมีให้เห็นในอีกไม่กี่ทิวาราตรีนี้เป็นแน่แท้ เพราะยุคนี้ สมัยนี้ จะมีใครหน้าไหนกล้าขัดใจ เดอะ ซัน ของพ่อชัยได้เล่า บอกหน่อยสิ ... ผู้หญิงคนนี้อยากรู้
แล้วอย่าคิดน่ะว่า เรื่องอย่างนี้จะไม่เกิด หรือไม่เคยเกิด... เคยมี และเคยเห็นมานักต่อนักแล้วในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่เต็มไปด้วยแนวคิดโสมม และถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ....จากพ่อสู่ลูก...จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง...เป็นวังวนของกลุ่มคนชั่วรุมทึ้งประเทศไทย
เพียงแต่ในอดีต...ฝีพาย กัปตัน และจอมโจรรู้ไส้รู้พุงซึ่งกันและกัน ก็อารีอารอบ มึงมั่ง กูมั่ง ตามอัธยาศัย
แต่ไม่ใช่ฝีพายบางคน และกัปตันคนปัจจุบันที่ถือดี ถือเกียรติยศ และละอายต่อการทำชั่ว ทำบาป กล้าเอาชื่อเสียงตัวเอง และของบรรพบุรุษเป็นเดิมพัน เอาความรู้ ความสามารถที่เรียนมาจากสำนักตักศิลาของโลกเป็นต้นทุน แต่การพายเรือที่เต็มไปด้วยขุนโจรปล้นชาติระดับพระกาฬ ไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัย
พอดีพอร้าย...ขืนขัดใจโจรปล้นชาติมากๆ เข้า ไม่เพียงแต่จะกุดหัวฝีพาย และฆ่ากัปตันเสีย แต่มันจะถีบหัวเรือส่งด้วยนะสิไม่ว่า
เคยโดนมาแล้ว รสชาติถูกถีบหัวส่งเนี่ย...ขมขื่น และคับแค้นใจมาก ขอบอก.
ความร่วมไม้ร่วมมือของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาจากทุกภาคส่วนของประเทศไทย ทั้งการจัดงานและการทำประชามติ นับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการเข้ามามีส่วนร่วมกับการเมืองภาคประชาชนอันยิ่งใหญ่ ชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
พี่น้องซึ่งเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมพรั่งไปด้วยมวลชนคนกล้าที่ไม่เพียงแต่แสดงออกทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังอวดตัวอวดตนด้วยการโชว์ชั้นเชิงที่งดงามล้ำค่าของภูมิปัญญาแต่ละท้องถิ่นในรูปแบบของศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณี
ขณะที่ฉันทามติ คือ ความงดงามทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
แต่ริ้วขบวนพาเหรดของแต่ละภาค แต่ละจังหวัด คือ การแสดงออกถึงวัฒนธรรมเก่าแก่ที่เข้มแข็งหยั่งรากลึกที่หลายๆ คนอาจจะหลงลืม เด็กๆ ของเราอาจจะไม่เคยศึกษา
ทว่าในงาน 1 ปี รำลึก 193 วัน ไม่มีคนไทยคนไหนในโลกนี้ที่ชมการถ่ายทอดสดแล้วจะลืม “ริ้วขบวนวัฒนธรรม” ที่สวยสุดเกินบรรยายไปได้เลย
ท่ามกลางแม่น้ำร้อยสายไหลบ่ามารวมกัน งานครบรอบ 1 ปี 193 วัน จึงเป็นวันที่การเมืองมาบรรจบพบกับวัฒนธรรม ก่อกำเนิดวัฒนธรรมการเมืองใหม่ และฉันทามติจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่
พรรคการเมืองที่มี “ประชาชน” เดินนำหน้าในฐานะเจ้าของอย่างแท้จริง
แต่การก้าวไปสู่จุดกำเนิด การเมืองใหม่ และพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งจะเป็นจริงเป็นจัง เป็นรูปเป็นร่างแค่ไหนประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของพันธมิตรฯ เท่านั้นคือผู้ตัดสินใจ
“เอา” ก็ทำ - “ไม่เอา” ก็ยุติ
ในที่สุดค่ำคืนแห่งความยุ่งยากใจก็ยุติ อาการรักพี่เสียดายน้องค่อยๆ ละลายหายไปในท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ต้นไม้ประชาธิปไตยในนามการเมืองภาคประชาชนก็ก่อกำเนิด “ต้นกล้าการเมืองใหม่” ด้วยฉันทามติ “ตั้งพรรคการเมือง” ซึ่งเป็นพรรคการเมืองแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่อุบัติขึ้นด้วยเสียงสวรรค์จากประชาชน และดำเนินต่อไปในนามกองทัพภาคประชาชน
เอาไง...ก็เอากัน...มันจะสักแค่ไหนเชียว
ไหนๆ ก็เคยเดินฝ่าเปลวแดด สายฝน ลมหนาว ห่ากระสุน ลูกระเบิด และหนีตำรวจมาด้วยกันถึงขนาดนี้แล้ว...น้อยกว่านี้ได้อย่างไร ... ทำน้อยกว่านี้เราไม่ทำ... จะให้นั่งเฉยรอราชรถมาเกย โดยปล่อยให้พี่น้องประชาชนทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญ...ก็ไม่ใช่เรา...พันธมิตรฯ
ข้อสรุปที่ได้จากฉันทามติของพี่น้องประชาชนในค่ำคืนวันนั้น เป็นเสมือนแบบทดสอบแรกที่ท้าทายพลัง และอำนาจของพี่น้องประชาชนเจ้าของประเทศ
พี่น้องที่เคยแต่ถูกนักการเมืองเลวๆ ย่ำยีศักดิ์ศรีและลดทอนสิทธิที่มีอยู่มาโดยตลอด
วันนี้ไม่เหมือนวันวานอีกต่อไป
พี่น้องในวันนี้ ไม่เหมือนพี่น้องในวันวานอีกต่อไป
พี่น้องในวันนี้ ไม่ใช่คนเดิมที่เคยค้อมไหล่ ก้มหัวให้กับกลุ่มการเมืองโกงบ้านกินเมืองอีกต่อไปแล้ว
พี่น้องในวันนี้ ไม่ใช่นักรบข้างถนนที่ทนทุกข์ และถูกดูแคลนอีกต่อไป
แต่เป็นพี่น้องในวันนี้ที่พร้อมจะ สู้ สู้ สู้ไม่ถอย และสู้ในกติกาประชาธิปไตย ไม่ยืนประท้วงหน้ารัฐสภาให้ตำรวจชั่วมันไล่ยิงไล่ล่าเหมือนหมูเหมือนหมาอีกต่อไป แต่พี่น้องจะเดินหน้ายาตราทัพเข้าสู่รัฐสภากับการเมืองใหม่ โดยพรรคการเมืองใหม่
เราจะจับมือกัน แล้วเดินไปสู่การเมืองใหม่ที่ไม่ใช่การต่อสู้ข้างถนนอีกต่อไป
เราจะจับมือกันไว้ให้มั่น แล้วเดินไปสู่การเมืองใหม่ เครื่องมือจากเสียงสวรรค์ที่จะนำเราไปสู่ “ถนนการเมือง” และเราใช้ถนนสายสำคัญเส้นนั้นกรุยทางไปสู่การพัฒนาชาติบ้านเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ในสิ่งที่คนดีพึงกระทำ และเราจะจับมือกันทำสิ่งนี้เพื่อลูกและหลานของเรา
พี่น้องวันนี้จึงเป็นคนไทยผู้รู้จักสิทธิ และใช้สิทธิของตัวเองเพื่อกอบบ้านแปงเมืองที่ป่นปี้ด้วยน้ำมือทรามของโจรการเมือง ใจทมิฬหินชาติที่ปล้นชาติ ปล้นประชาฯ มาช้านาน
มาลองดู...กับพี่กู น้องกู กันสักตั้ง...มาทดสอบพลังคนไทย ใจพันธมิตรฯ... ใจที่เคยกล้า เคยแกร่ง หัวใจดวงนี้เข้มแข็งไม่แพ้บรรพบุรุษที่เคยสู้เคยรบ เคยเอาเลือดทาแผ่นดินเพื่อรักษาแผ่นดินให้ลูกไทยหลานไทยได้อยู่ได้กินได้อาศัย
ปู่ย่าตายายเคยทำได้....เราชั้นลูก ชั้นหลาน จะทำไม่ได้...ก็ให้มันรู้กันไป
ดังนั้นพรรคการเมืองใหม่ไม่ว่าจะชื่ออะไร และใครเป็นหัวหน้าก็ตาม ไม่ได้สำคัญไปกว่าการที่เราสามารถบอกใครต่อใครได้เต็มปาก มองใครต่อใครได้เต็มตา อธิบายกับใครต่อใครได้ชัดเจนว่า เราทำเพื่อใคร และเพื่ออะไร เพราะอะไรนักรบข้างถนนอย่างเราๆ จึงกล้าหาญตั้งพรรคการเมืองสู้กับอำนาจการเมืองเก่าทุนหนาที่ฝังรากลึกมายาวนาน
พันธมิตรฯ อุทิศชีวิตทำงานรับใช้ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ด้วยความองอาจกล้าหาญมาระดับหนึ่ง และวันนี้พันธมิตรฯ จะยกระดับความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และพลิกโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง
พร้อมกันนี้ก็จะขุดหลุมฝังศพผีดิบดูดเลือดที่แฝงอยู่ในร่างของนักการเมืองสารเลวทรราชโกงบ้านกินเมืองเหล่านั้นให้สิ้นซาก
พี่น้องทำได้ เราทำได้ และเราต้องร่วมมือกันทำ ทำมันให้เสร็จในวันนี้ เพื่อผดุงรักษาบ้านเมืองดีๆ ไว้ให้ลูกไทยหลานไทยได้เจริญรอยตาม โดยยึดมั่นในแนวทาง “ตามรอยเท้าพ่อ”
นี่จึงมิใช่แนวคิดใหม่ แต่เป็นแนวคิดดั้งเดิม เพียงแต่พวกเรายังไปไม่ได้ และยังไปไม่ถึง ณ บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่มวลมหาประชาชนกลุ่มคนดีจะก้าวเข้ามา เอาน้ำดีไล่น้ำเสีย ส่งเสริมคนดีมาไล่คนเลว และหยุดคนพาลสันดานหยาบช้าที่เรียกตัวเองว่า นักการเมืองผู้ทรงเกียรติ...พอกันที
พอกันที...กับความขมขื่นที่ประชาชนได้รับจากกลุ่มนักการเมืองสามหาวผู้หิวกระหาย แต่ขอบคุณมากที่ความสามานย์ดังกล่าวเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของมวลชนผู้กล้า ที่ประสงค์จะท้าทายอำนาจ และดับรัศมีนักการเมืองโฉดชั่วจอมตระกรุมตะกรามที่เห็นอยู่เกลื่อนกลาดในปัจจุบัน
การก่อกำเนิดพรรคการเมืองใหม่ ที่แม้จะเป็นน้องใหม่ในสารบบ ทว่ามากด้วยประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้ จึงเป็นการตอบโต้ของประชาชน ด้วยมือประชาชน มือเดียวคู่เดิมที่เคย “กา” และ “มอบอำนาจ” ให้กับกลุ่มการเมืองเก่าที่ไม่เคยเห็นหัวประชาชนเลยแม้แต่น้อย
นักการเมืองมั่งคั่ง ประชาชนตกต่ำ ข้าราชการหวาดกลัว และประเทศชาติดำดิ่ง ... เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วหรือยังสำหรับการเดินไปสู่ก้าวแรกของ “พรรคการเมืองใหม่”
พอกันทีกับวันวนกลโกงของนักการเมืองที่คิดคดทรยศกับชนในชาติ
พอกันทีกับกลุ่มการเมืองปลิ้นปล้อนที่ฉกฉวยขโมยทรัพยากรของเพื่อนร่วมชาติไปจัดสรรปันส่วนกันเองในหมู่พี่น้องตัวเอง
พอกันทีกับทุนสามานย์ที่อาศัยอำนาจการเมืองมาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน
และสิ้นสุดกันทีกับยุคสมัยแห่งการพายเรือให้โจรนั่ง
แม้เรือจะดีเพียงใด แม้ฝีพายบางคน และกัปตันเรือจะซื่อสัตย์เพียงไหน แต่เมื่อโจรมันลงมานั่งในเรือลำเดียวกันแล้ว ไอ้ครั้นจะไม่พายพามันไปปล้นที่โน่นที่นี่ตามคำสั่งโจรเสียก็กระไร
อย่าลืม....ไต้ก๋งเรือเขาเคยลั่นวาจา “ไม่มีเขาเราไม่ได้เป็นรัฐบาล” วาทกรรมนี้เป็นที่ลือเลื่องถึงความกตัญญูพิสดารชนิดที่เกิดแล้วตายสามสี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้ทำนองนี้ และไอ้ประโยคเหตุผลอย่างคนจนตรอกนี่ละ กระตุ้นต่อมน้ำดีพันธมิตรฯ จนคิดโน่นคิดนี่และในที่สุดก็พากันมานั่งคิด “การเมืองใหม่”
เขา และมันต่างมีบุญคุณซึ่งกันและกันถึงขนาดนี้แล้ว ลองสิ!!! ลองฝีพายบางคนและกัปตันทำก๋า หั่นโน่น ตัดนี่ ขวางโน่น ทำตัวเป็นคุณชายชุนละเอียดไม่ตามใจมัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สต๊อกข้าวสารในยุ้งฉางทั่วประเทศ รถเมล์เอ็นจี วี ฝังเพชร ย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปอัดกันที่สุวรรณภูมิ การก่อสร้างสนามบินเฟสสองเพื่อลดความแน่นขนัด หรือโครงการ 3 จี ฯลฯ
ขืนขัดใจมันบ่อยๆ ไอ้พวกจอมโจรขยันแดกห่าประเทศไทย มันอาจหงุดหงิดรำคาญใจ ลุกขึ้นมาฆ่าปาดคอแล้วโยนศพฝีพาย และกัปตันคนดีศรีออกซฟอร์ดทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาโครม!!! แล้วจะว่าไงกัน!!! คนดีๆ ไม่มีวางขายในเซเว่น อีเลฟเว่นนะจ๊ะ กว่าจะหามาได้แต่ละคน แต่ละคน ปั้นกันแทบตาย รอคอย...ลอยคอ จนเกืยบจะถอดใจอยู่แล้ว
อย่าคิดนะว่า จอมโจรจอมโกงบ้านกินเมืองมันจะไม่ทำ ขึ้นอยู่กับว่ามันจะทำเมื่อไรเท่านั้นเอง
ซึ่งดูจากรูปการแล้ว คงไม่พ้นฤดูฝนนี่เป็นแน่แท้ ถ้าคนดีศรีออกซฟอร์ด ลองขัดขวาง “ฤดูเก็บเกี่ยว” ของมันอีกสักหนสองหน มีหวังไอ้พวกโจรใจทรามสันดานหยาบที่กำลังรอ “ลงแขก” ประเทศไทยอยู่ได้กลัดมัน “ฟันคอ” ฝีพายม้วยมรณาคาทำเนียบรัฐบาลเป็นแน่แท้
อีหรอบนี้ “ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี” คงได้เปลี่ยนไปเป็น “ที่ประชุมเพลิง” เป็นการชั่วคราว
...ไม่เชื่อลองดู...ลองตีกลับเรื่องวาระของกระทรวงพาณิชย์อีกทีสิ หรือลองตีกลับวาระด่วนจี๋ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกทีสิ หรือลองตีกลับวาระจรของกระทรวงคมนาคมอีกทีสิ หรือลองตีกลับวาระหลบๆ ซ่อนๆ ของกระทรวงไอซีที ดูอีกหนสิ
เอางี้ดีกว่า...เอากันให้ชัดๆ ไปเลย ถ้าจะลองดีกัน...ลองตีกลับวาระสำคัญมากกกของกระทรวงมหาดไทยสักหนสิ
รัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่ถูก “พรรคร่วม” รุมกระซวกคาที่ประชุม...จะเดินไปให้เหยียบถึงที่เลย!!!
ความโลภไม่เคยปรานีใคร และนักการเมืองส่วนใหญ่ในรอบ 30 ปีมานี้ รุมโทรมประเทศไทย จนเราเหมือน “ห่าน” ถูกรีดไข่ทองคำ หนำซ้ำยามไข่ไม่ออก มันก็จับเราขังกรงแคบๆ แล้วกรอกอาหารเช้า-ค่ำ กระทุ้งๆๆๆ ลงคอให้กระเดือกลง แถมบังคับขู่เข็ญเราสารพัดไม่ให้เราเดิน ไม่ให้เราวิ่ง ไม่ให้เราเห็นเดือน เห็นตะวัน
สุดท้ายพอได้ที่ มันก็จับเรา “ฆ่า” แล้วล้วง “ตับ” ของเราที่พิการจนโตบวมเป่งไปทำ “ฟัวร์ กราส์” หรือตับห่านทอด...อาหารจานเลิศ เพื่อขายให้กับเหล่าเศรษฐีผู้มีอัฐ
ครั้นเราตายแน่นิ่ง...โจรปล้นชาติยังไม่หนำใจ มือสกปรกและใจสามานย์ของมัน ยังเอื้อมมาถอนขนห่านทองคำของเราไม่เหลือหรอ แล้วโยนซากศพเปลือยเปล่า ท้องไส้เหวอะหวะของเราทิ้งทะเล นอนลอยคอขึ้นอืดตายเคียงข้าง “รัฐนาวา” คว่ำที่จอมโจรแก๊งนรกปล้นชาติเพิ่ง “ล่ม” เพราะไม่สมใจมัน
การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ คงมีให้เห็นในอีกไม่กี่ทิวาราตรีนี้เป็นแน่แท้ เพราะยุคนี้ สมัยนี้ จะมีใครหน้าไหนกล้าขัดใจ เดอะ ซัน ของพ่อชัยได้เล่า บอกหน่อยสิ ... ผู้หญิงคนนี้อยากรู้
แล้วอย่าคิดน่ะว่า เรื่องอย่างนี้จะไม่เกิด หรือไม่เคยเกิด... เคยมี และเคยเห็นมานักต่อนักแล้วในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่เต็มไปด้วยแนวคิดโสมม และถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ....จากพ่อสู่ลูก...จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง...เป็นวังวนของกลุ่มคนชั่วรุมทึ้งประเทศไทย
เพียงแต่ในอดีต...ฝีพาย กัปตัน และจอมโจรรู้ไส้รู้พุงซึ่งกันและกัน ก็อารีอารอบ มึงมั่ง กูมั่ง ตามอัธยาศัย
แต่ไม่ใช่ฝีพายบางคน และกัปตันคนปัจจุบันที่ถือดี ถือเกียรติยศ และละอายต่อการทำชั่ว ทำบาป กล้าเอาชื่อเสียงตัวเอง และของบรรพบุรุษเป็นเดิมพัน เอาความรู้ ความสามารถที่เรียนมาจากสำนักตักศิลาของโลกเป็นต้นทุน แต่การพายเรือที่เต็มไปด้วยขุนโจรปล้นชาติระดับพระกาฬ ไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัย
พอดีพอร้าย...ขืนขัดใจโจรปล้นชาติมากๆ เข้า ไม่เพียงแต่จะกุดหัวฝีพาย และฆ่ากัปตันเสีย แต่มันจะถีบหัวเรือส่งด้วยนะสิไม่ว่า
เคยโดนมาแล้ว รสชาติถูกถีบหัวส่งเนี่ย...ขมขื่น และคับแค้นใจมาก ขอบอก.