ASTVผู้จัดการรายวัน – “อุดม” เดินหน้าปรับลดค่าใช้จ่ายอีลิทการ์ด ประเดิมเจรจาขอส่วนลดเลานจ์ที่สนามบินขอหั่นราคาลงกว่า 50% เหลือรายละ ไม่เกิน 300 บาท พร้อมสั่งครอบครัวและผู้ติดตามงดใช้เลานจ์ จากที่ก่อนหน้านี้ผ่อนผันให้ใช้ได้มาโดยตลอด ด้านคู่ค้า กอล์ฟ สปา ยื่นคำขาดใช้ก่อนจ่ายทีหลัง รายใดไม่ให้ความร่วมมือยกเลิกสัญญา เผยประเด็นปรับลดพนักงานยังไม่ขอแตะถ้าจำเป็นก็จะเปิดโครงการเออร์รี่รีไทร์
นายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ ที่ปรึกษาระดับ 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะรักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยว่า ได้พิจารณาปรับลดรายการค่าใช้จ่ายของทีพีซีแล้ว โดยเบื้องต้นจะปรับลดในส่วนของการใช้บริการเลานจ์ที่สนามบิน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ให้ใช้ได้เฉพาะสมาชิกผู้ถือบัตรเท่านั้น โดยผู้ติดตามและครอบครัวไม่สามารถใช้ได้ จากที่ผ่านมา ทีพีซีได้ผ่อนผันให้คนกลุ่มนี้ใช้ได้ด้วย โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย.52เป็นต้นไป และ 2.ขอลดอัตราค่าบริการจากเลานจ์ โดยให้ฝ่ายสิทธิประโยชน์ไปเจรจาขอลดราคาจากที่เคยคิดค่าบริการที่ 700-800 บาทต่อคน ให้ลดเหลือ 200-300 บาทต่อคน
ทั้งนี้ในประเด็นงดให้ผู้ติดตามและครอบครัวร่วมใช้บริการเลานจ์ที่สนามบินนั้น ได้สั่งการให้ฝ่ายสิทธิประโยชน์ทำหนังสือแจ้งให้สมาชิกได้รับทราบถึงความจำเป็นต้องปรับลดค่าใช้จ่าย เพราะขณะนี้องค์กรอยู่ระหว่างการตรวจสอบไม่สามารถหารรายได้เข้าองค์กรได้ และที่ผ่านมาบริษัทก็อนุโลมให้ผู้ติดตามใช้มาโดยตลอดทั้งที่ในสัญญาไม่ได้มีระบุไว้
ส่วนประเด็นขอลดค่าบริการเลานจ์ที่สนามบินนั้น สืบเนื่องจาก ทีพีซีไม่มีเลานจ์เป็นของตัวเองในการที่จะให้บริการแก่สมาชิกผู้ถือบัตร แต่ได้ส่งลูกค้าไปใช้บริการเลานจ์ที่มีอยู่แล้วที่สนามบิน ซึ่งมีผู้ให้บริการอยู่ 3 ราย ได้แก่ การบินไทย คิงส์เพาเวอร์ และ หลุย ทราเวล ซึ่งรายที่ถูกที่สุดคือ คิงส์เพาเวอร์ คิดค่าบริการที่ 700-800 บาทต่อคน โดยทีพีซีจะชี้แจงว่าบริษัทจำเป็นต้องปรับลดค่าใช้จ่าย โดยทีพีซีเป็นรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการแก่สมาชิกผู้ถือบัตร ไม่ได้ทำธุรกิจสายการบินซึ่งเขาจะบวกค่าใช้จ่ายในส่วนของเลานจ์ไปกับตั๋วโดยสารแล้ว จึงขอความเห็นใจคิดราคาที่สมเหตุสมผลก็เพียงพอ
“ในประเด็นนี้มองว่าจะวินวินทั้ง 2 ฝ่ายคือทีพีซีก็ประหยัดค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายให้เลานจ์ ส่วนเจ้าของเลานจ์ซึ่งต้องเปิดบริการอยู่แล้วก็จะมีลูกค้าเข้าไปใช้บริการต่อเนื่อง เพราะความจริงผู้ที่เข้าไปใช้เลานจ์เพื่อรอจะขึ้นเครื่องบินนั้น บางคนใช้บริการเพียงดื่มกาแฟ ทานแซนวิช และเช็คอีเมลล์เล็กน้อย ซึ่งต้นทุนคงไม่มากนัก ทีพีซีจึงขอความเห็นใจ ประกอบกับสมาชิกบางราย ที่โดยสารเครื่องบินในชั้นเฟิร์สคลาส และ บิสสิเนสคลาส ก็จะได้สิทธิ์ใช้บริการเลานจ์ของสายการบินอยู่แล้วดังนั้นสมาชิกบางรายก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์ของตัวเองในส่วนนี้ ทั้งนี้สถิติการเข้าออกที่สนามบินของสมาชิกอีลิทการ์ดมีประมาณ 800 คนต่อเดือน”
***ยื่นคำขาดเวนเดอร์ใช้ก่อนจ่ายทีหลัง******
นอกจากนั้นจะเจรจากับคู่ค้า(เวนเดอร์)ในส่วนของกอล์ฟ และ สปา ในรายที่ให้ทีพีซีจ่ายเงินล่วงหน้าเป็นรายเดือนก่อนว่าให้ปรับเป็นส่งใบเสร็จมาเรียกเก็บเงินหลังจากที่สมาชิกได้เข้าไปใช้บริการ หากคู่ค้ารายได้ไม่ร่วมมือก็ให้ยกเลิกสัญญา ส่วนสิทธิประโยชน์สมาชิกจะปรับในส่วนของสมาชิกเก่าให้เท่ากับสมาชิกใหม่ จากที่ใช้บริการได้ไม่จำกัด ก็เปลี่ยนเป็นจำกัดการใช้บริการ สปา กอล์ฟ และลีมูซีน ตามเงื่อนไขสัญญาใหม่ โดยใช้ช่องว่างในสัญญาข้อสุดท้ายที่ว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขได้
อย่างไรก็ตามในส่วนของพนักงานทีพีซี ยังไม่มีนโยบายปรับลด แต่อาจปรับเปลี่ยนกำลังคนให้เหมาะสม แต่ทั้งนี้หากพนักงานท่านใดต้องการลาออกแบบสมัครใจทางบริษัทก็จะไม่ดึงไว้ แต่ถ้าในอนาคตจำนวนพนักงานยังเกินเนื้องานที่ทำก็อาจต้องเปิดโครงการเออรี่รีไทร์ได้เช่นกัน
นายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ ที่ปรึกษาระดับ 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะรักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยว่า ได้พิจารณาปรับลดรายการค่าใช้จ่ายของทีพีซีแล้ว โดยเบื้องต้นจะปรับลดในส่วนของการใช้บริการเลานจ์ที่สนามบิน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ให้ใช้ได้เฉพาะสมาชิกผู้ถือบัตรเท่านั้น โดยผู้ติดตามและครอบครัวไม่สามารถใช้ได้ จากที่ผ่านมา ทีพีซีได้ผ่อนผันให้คนกลุ่มนี้ใช้ได้ด้วย โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย.52เป็นต้นไป และ 2.ขอลดอัตราค่าบริการจากเลานจ์ โดยให้ฝ่ายสิทธิประโยชน์ไปเจรจาขอลดราคาจากที่เคยคิดค่าบริการที่ 700-800 บาทต่อคน ให้ลดเหลือ 200-300 บาทต่อคน
ทั้งนี้ในประเด็นงดให้ผู้ติดตามและครอบครัวร่วมใช้บริการเลานจ์ที่สนามบินนั้น ได้สั่งการให้ฝ่ายสิทธิประโยชน์ทำหนังสือแจ้งให้สมาชิกได้รับทราบถึงความจำเป็นต้องปรับลดค่าใช้จ่าย เพราะขณะนี้องค์กรอยู่ระหว่างการตรวจสอบไม่สามารถหารรายได้เข้าองค์กรได้ และที่ผ่านมาบริษัทก็อนุโลมให้ผู้ติดตามใช้มาโดยตลอดทั้งที่ในสัญญาไม่ได้มีระบุไว้
ส่วนประเด็นขอลดค่าบริการเลานจ์ที่สนามบินนั้น สืบเนื่องจาก ทีพีซีไม่มีเลานจ์เป็นของตัวเองในการที่จะให้บริการแก่สมาชิกผู้ถือบัตร แต่ได้ส่งลูกค้าไปใช้บริการเลานจ์ที่มีอยู่แล้วที่สนามบิน ซึ่งมีผู้ให้บริการอยู่ 3 ราย ได้แก่ การบินไทย คิงส์เพาเวอร์ และ หลุย ทราเวล ซึ่งรายที่ถูกที่สุดคือ คิงส์เพาเวอร์ คิดค่าบริการที่ 700-800 บาทต่อคน โดยทีพีซีจะชี้แจงว่าบริษัทจำเป็นต้องปรับลดค่าใช้จ่าย โดยทีพีซีเป็นรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการแก่สมาชิกผู้ถือบัตร ไม่ได้ทำธุรกิจสายการบินซึ่งเขาจะบวกค่าใช้จ่ายในส่วนของเลานจ์ไปกับตั๋วโดยสารแล้ว จึงขอความเห็นใจคิดราคาที่สมเหตุสมผลก็เพียงพอ
“ในประเด็นนี้มองว่าจะวินวินทั้ง 2 ฝ่ายคือทีพีซีก็ประหยัดค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายให้เลานจ์ ส่วนเจ้าของเลานจ์ซึ่งต้องเปิดบริการอยู่แล้วก็จะมีลูกค้าเข้าไปใช้บริการต่อเนื่อง เพราะความจริงผู้ที่เข้าไปใช้เลานจ์เพื่อรอจะขึ้นเครื่องบินนั้น บางคนใช้บริการเพียงดื่มกาแฟ ทานแซนวิช และเช็คอีเมลล์เล็กน้อย ซึ่งต้นทุนคงไม่มากนัก ทีพีซีจึงขอความเห็นใจ ประกอบกับสมาชิกบางราย ที่โดยสารเครื่องบินในชั้นเฟิร์สคลาส และ บิสสิเนสคลาส ก็จะได้สิทธิ์ใช้บริการเลานจ์ของสายการบินอยู่แล้วดังนั้นสมาชิกบางรายก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์ของตัวเองในส่วนนี้ ทั้งนี้สถิติการเข้าออกที่สนามบินของสมาชิกอีลิทการ์ดมีประมาณ 800 คนต่อเดือน”
***ยื่นคำขาดเวนเดอร์ใช้ก่อนจ่ายทีหลัง******
นอกจากนั้นจะเจรจากับคู่ค้า(เวนเดอร์)ในส่วนของกอล์ฟ และ สปา ในรายที่ให้ทีพีซีจ่ายเงินล่วงหน้าเป็นรายเดือนก่อนว่าให้ปรับเป็นส่งใบเสร็จมาเรียกเก็บเงินหลังจากที่สมาชิกได้เข้าไปใช้บริการ หากคู่ค้ารายได้ไม่ร่วมมือก็ให้ยกเลิกสัญญา ส่วนสิทธิประโยชน์สมาชิกจะปรับในส่วนของสมาชิกเก่าให้เท่ากับสมาชิกใหม่ จากที่ใช้บริการได้ไม่จำกัด ก็เปลี่ยนเป็นจำกัดการใช้บริการ สปา กอล์ฟ และลีมูซีน ตามเงื่อนไขสัญญาใหม่ โดยใช้ช่องว่างในสัญญาข้อสุดท้ายที่ว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขได้
อย่างไรก็ตามในส่วนของพนักงานทีพีซี ยังไม่มีนโยบายปรับลด แต่อาจปรับเปลี่ยนกำลังคนให้เหมาะสม แต่ทั้งนี้หากพนักงานท่านใดต้องการลาออกแบบสมัครใจทางบริษัทก็จะไม่ดึงไว้ แต่ถ้าในอนาคตจำนวนพนักงานยังเกินเนื้องานที่ทำก็อาจต้องเปิดโครงการเออรี่รีไทร์ได้เช่นกัน