เชียงราย-ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานเชียงรายคนใหม่ จัดกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนใน จ.เชียงราย ย้ำนโยบายการทำงาน นอกจากจะปฏิบัติตามนโยบายของบริษัทแม่อย่างเคร่งครัดแล้ว ยังจะเน้นให้สนามบินเชียงรายเป็นของชุมชนโดยจะจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชนต่างๆ มากขึ้น ขณะที่การดำเนินงานของสนามบินขาดทุนกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อเร็วๆนี้ นายยุทธนา จิตรอบอารีย์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานเชียงรายคนใหม่ ซึ่งย้ายมาจากท่าอากาศยานภูเก็ตได้จัดกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนใน จ.เชียงราย ในโอกาสย้ายสลับตำแหน่งกับ นายประเทือง ศรขำ อดีตผู้อำนวยการที่ย้ายไปประจำที่จังหวัดภูเก็ตแทน ซึ่งนายยุทธนาได้แจ้งถึงนโยบายในการทำงานว่า นอกจากจะปฏิบัติตามนโยบายของบริษัทแม่อย่างเคร่งครัดแล้ว ยังจะเน้นให้สนามบินเชียงรายเป็นของชุมชนโดยจะจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชนต่างๆ มากขึ้น
นายยุทธนา กล่าวว่า สนามบินเชียงรายมีเนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่ ใหญ่กว่าสนามบิน จ.เชียงใหม่ ที่มีประมาณ 1,600 ไร่ และภูเก็ตที่มีประมาณ 1,300 ไร่ และมีศักยภาพสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละกว่า 3 ล้านบาท มีหลุมจอดสำหรับเครื่องบินจำนวน 5 หลุมสามารถรองรับเครื่องบินโบอิ้งขนาดใหญ่ได้ถึง 5 ลำในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตที่ผ่านมาได้ทำให้จำนวนผู้โดยสารลดน้อยลง โดยในปี 2551 มีจำนวนผู้โดยสารไปใช้บริการตลอดทั้งปีประมาณ 800,000 คน แต่ในปี 2552 เนื่องจากยังมีวิกฤตทางเศรษฐกิจ ทำให้คาดว่าจะมีผู้โดยสารไม่ถึง 7 แสนคน
นายยุทธนา กล่าวอีกว่า ในส่วนของรายได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550-มกราคม 2551 สนามบินมีรายได้จากการไปใช้บริการของสายการบินต่างๆ รวมจำนวนประมาณ 35 ล้านบาท แต่ในเดือนตุลาคม 2551-มกราคม 2552 รายได้ได้ลดลงเหลือเพียงประมาณ 25 ล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลงไปประมาณ 10 ล้าบาทหรือเฉลี่ยเดือนละ 2 ล้านกว่าบาทเศษ ดังนั้น ในปัจจุบันสนามบินจึงได้ลดค่าใช้จ่ายให้กับสายการบินต่างๆ จากเดิมลด 20% ก็เพิ่มเป็น 30% แล้ว ขณะเดียวกัน ค่าเช่าจอดก็จะไม่เก็บแม้จะจอดนาน 24 ชั่วโมงก็ตาม
“สำหรับอนาคตของสนามบินเชียงราย เชื่อว่า ยังมีอนาคตที่ดี เพราะมีศักยภาพที่จะสามารถรองรับการบินทั้งภายในและนานาชาติแม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีเครื่องบินนานาชาติก็ตาม แต่หากว่าการก่อสร้างอาคารในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแล้วเสร็จก็จะทำให้มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากขึ้น และทำให้มีสายการบินระหว่างไทย-จีน เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารในประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าว ตั้งอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำฝั่ง สปป.ลาว โดยกลุ่มบริษัท “ดอกงิ้วคำ” ได้สัมปทานเช่าที่ดินประมาณ 5,168.75 ไร่ ในเขตเมืองต้นผึ้งติดแม่น้ำโขงเป็นเวลา 75 ปี โดยมีกระแสว่ามีการทุ่มเงินลงทุนมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจการค้าและบริการอย่างครบวงจรสำหรับรองรับเขตการค้าเสรีจีนกับอาเซียน
นอกจากนี้ มีโรงแรม สนามกอล์ฟ ท่าเรือ เขตการค้าเสรี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม สิ่งปลูกสร้างที่เห็นอยู่ตรงกันข้ามสามเหลี่ยมทองคำในฝั่งไทยได้ชัดเจนที่สุด และติดกับเกาะดอนซาวคือบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดในเดือน ส.ค.2552 นี้
เมื่อเร็วๆนี้ นายยุทธนา จิตรอบอารีย์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานเชียงรายคนใหม่ ซึ่งย้ายมาจากท่าอากาศยานภูเก็ตได้จัดกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนใน จ.เชียงราย ในโอกาสย้ายสลับตำแหน่งกับ นายประเทือง ศรขำ อดีตผู้อำนวยการที่ย้ายไปประจำที่จังหวัดภูเก็ตแทน ซึ่งนายยุทธนาได้แจ้งถึงนโยบายในการทำงานว่า นอกจากจะปฏิบัติตามนโยบายของบริษัทแม่อย่างเคร่งครัดแล้ว ยังจะเน้นให้สนามบินเชียงรายเป็นของชุมชนโดยจะจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชนต่างๆ มากขึ้น
นายยุทธนา กล่าวว่า สนามบินเชียงรายมีเนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่ ใหญ่กว่าสนามบิน จ.เชียงใหม่ ที่มีประมาณ 1,600 ไร่ และภูเก็ตที่มีประมาณ 1,300 ไร่ และมีศักยภาพสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละกว่า 3 ล้านบาท มีหลุมจอดสำหรับเครื่องบินจำนวน 5 หลุมสามารถรองรับเครื่องบินโบอิ้งขนาดใหญ่ได้ถึง 5 ลำในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตที่ผ่านมาได้ทำให้จำนวนผู้โดยสารลดน้อยลง โดยในปี 2551 มีจำนวนผู้โดยสารไปใช้บริการตลอดทั้งปีประมาณ 800,000 คน แต่ในปี 2552 เนื่องจากยังมีวิกฤตทางเศรษฐกิจ ทำให้คาดว่าจะมีผู้โดยสารไม่ถึง 7 แสนคน
นายยุทธนา กล่าวอีกว่า ในส่วนของรายได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550-มกราคม 2551 สนามบินมีรายได้จากการไปใช้บริการของสายการบินต่างๆ รวมจำนวนประมาณ 35 ล้านบาท แต่ในเดือนตุลาคม 2551-มกราคม 2552 รายได้ได้ลดลงเหลือเพียงประมาณ 25 ล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลงไปประมาณ 10 ล้าบาทหรือเฉลี่ยเดือนละ 2 ล้านกว่าบาทเศษ ดังนั้น ในปัจจุบันสนามบินจึงได้ลดค่าใช้จ่ายให้กับสายการบินต่างๆ จากเดิมลด 20% ก็เพิ่มเป็น 30% แล้ว ขณะเดียวกัน ค่าเช่าจอดก็จะไม่เก็บแม้จะจอดนาน 24 ชั่วโมงก็ตาม
“สำหรับอนาคตของสนามบินเชียงราย เชื่อว่า ยังมีอนาคตที่ดี เพราะมีศักยภาพที่จะสามารถรองรับการบินทั้งภายในและนานาชาติแม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีเครื่องบินนานาชาติก็ตาม แต่หากว่าการก่อสร้างอาคารในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแล้วเสร็จก็จะทำให้มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากขึ้น และทำให้มีสายการบินระหว่างไทย-จีน เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารในประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าว ตั้งอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำฝั่ง สปป.ลาว โดยกลุ่มบริษัท “ดอกงิ้วคำ” ได้สัมปทานเช่าที่ดินประมาณ 5,168.75 ไร่ ในเขตเมืองต้นผึ้งติดแม่น้ำโขงเป็นเวลา 75 ปี โดยมีกระแสว่ามีการทุ่มเงินลงทุนมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจการค้าและบริการอย่างครบวงจรสำหรับรองรับเขตการค้าเสรีจีนกับอาเซียน
นอกจากนี้ มีโรงแรม สนามกอล์ฟ ท่าเรือ เขตการค้าเสรี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม สิ่งปลูกสร้างที่เห็นอยู่ตรงกันข้ามสามเหลี่ยมทองคำในฝั่งไทยได้ชัดเจนที่สุด และติดกับเกาะดอนซาวคือบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดในเดือน ส.ค.2552 นี้
