ททท.ส่วนกลางไฟเขียวตลาดไต้หวันปรับลดนักท่องเที่ยวปีนี้ลง 10%ด้านผู้อำนวยการสำนักงานไต้หวันเร่งปรับแผนกู้วิกฤตหันเจาะตลาดนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ จับตลาดกอล์ฟและฮันนีมูน เปิดโปรโมชั่นเด็ด เมดอินไทยแลนด์ มาเที่ยวไทยแล้วท้องมอบแพกเกจเที่ยวฟรีในปีต่อไป ส่วนปีหน้าชูแผน 4R ระเบิดแคมเปญ “บิวตี้ ซีเครท” เจาะสาวไฮโซ
นางสาวกิติกา ลิขิตวศินกูล ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานไทเป ประเทศไต้หวัน เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ทางสำนักงานฯ จะใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท สำหรับจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจากไต้หวันเดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยมีเป้าหมายว่าในสิ้นปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจากไต้หวันจะไม่ลดลงมากนักจากปี 2551 ที่มีชาวไต้หวันเดินทางมาไทย 401,420 คน ลดลงจากปีก่อน2551 ราว6% สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 11 ล้านบาท สำหรับปีนี้ช่วงไตรมาสแรก ตลาดไต้หวันเดินทางมาประเทศไทย 73,000 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22%
ทั้งนี้การลดลงของนักท่องเที่ยวจากตลาดไต้หวันมาจากหลายสาเหตุ เช่น ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเมืองของประเทศไทย และล่าสุดคือการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชะลอการเดินทางออกนอกประเทศประกอบกับรัฐบาลของประเทศไต้หวันก็มีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนกับประเทศไทย เช่นการจัดคอนซูเมอร์แฟร์นำสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวมาลดราคา 30-50% เพื่อกระตุ้นคนให้ท่องเที่ยวภายในประเทศ
ดังนั้น ททท.ส่วนกลางจึงไฟเขียวให้สำนักงานฯปรับลดจำนวนนักท่องเที่ ยวไต้หวันในปีนี้ได้ 10% จากเป้าหมายต้นปีที่ตั้งไว้ว่าตลาดจะโต 10% หรือไม่เติบโต ทำให้ประมาณว่านักท่องเที่ยวไต้หวันปีนี้จะเหลือประมาณ 300,000 คน
ดังนั้นทางสำนักงานไต้หวันจึงปรับแผนเจาะตลาดนักท่องเที่ยวระดับบน(ไฮเอนด์)จากเดิมไต้หวันจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป(แมส) ทั้งนี้เพราะไม่ต้องการให้รายได้จากนักท่องเที่ยวลดลงมากนัก โดยเน้นเจาะตลาด กอล์ฟ ชอปปิ้ง เมดิคัล ความงาม และฮันนีมูน ตั้งเป้าได้กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ 10% ของจำนวนนักท่องเที่ยวไต้หวันที่เดินทางมาไทย เดสติเนชั่นที่นำเสนอขายได้แก่ สมุย ภูเก็ต และกรุงเทพฯ
ล่าสุดออกแคมเปญ “เมด อิน ไทแลนด์” เจาะกลุ่มคู่ฮันนีมูน โดยมีเงื่อนไขว่าคู่ฮันนีมูนที่มาเที่ยวประเทศไทยตั้งแต่ช่วงนี้ถึง มี.ค.53 แล้วตั้งครรภ์จากการได้มาฮันนีมูนที่ประเทศไทย จะได้รับแพกเกจทัวร์เที่ยวประเทศไทยทั้งครอบครัว(พ่อ แม่ ลูก)ในปีถัดไป นอกจากนั้นยังจัดแฟมทริปเชิญสื่อมวลชนจากไต้หวันมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งทางสำนักงานฯได้นำเสนอเส้นทางขี่จักรยานเที่ยวอัมพวา จ.สมุทรสงคราม และ อยุธยาเมืองมรดกโลก เพราะขณะนี้ชาวไต้หวันนิยมท่องเที่ยวในรูปแบบขี่จักรยานเสือภูเขาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งสมาคมจักรยานในไต้หวัน มีสมาชิกรวม 300,000 กว่าคน ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการนำเสนอเส้นทางขี่จักรยานจะได้รับความสนใจจานักท่องเที่ยวไต้หวันเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเพื่อต่อยอดการทำตลาดไฮเอนด์ในปีนี้ ดังนั้นในปีงบประมาณ 2553 ทางสำนักงานฯจะเปิดตัวด้วยแคมเปญ “บิวตี้ ซีเครท” หรือความลับด้านความงาม ทำเสนอ 4 R ได้แก่ 1.รีชาร์จ คือการเชิญชวนให้มารับประทานอาหารไทยที่ประกอบด้วยสมุนไพร 2.รีเฟรช คือการสูดโอโซน เช่น ทะเล และภูเขา 3.รีแร็กซ์ คือ การนวดสปา และ 4.รีทรีท คือการทำโยคะ เพื่อผ่อนคลาย
นางสาวกิตติกา กล่าวว่า ทุกแคมเปญที่กล่าวมา จะร่วมกับบริษัทนำเที่ยวและสายการบินทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านพรีเซนเตอร์ที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง(เซเรเบอร์ตี้) เช่น ศิลปิน ดารา บุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคม
นางสาวกิติกา ลิขิตวศินกูล ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานไทเป ประเทศไต้หวัน เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ทางสำนักงานฯ จะใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท สำหรับจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจากไต้หวันเดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยมีเป้าหมายว่าในสิ้นปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจากไต้หวันจะไม่ลดลงมากนักจากปี 2551 ที่มีชาวไต้หวันเดินทางมาไทย 401,420 คน ลดลงจากปีก่อน2551 ราว6% สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 11 ล้านบาท สำหรับปีนี้ช่วงไตรมาสแรก ตลาดไต้หวันเดินทางมาประเทศไทย 73,000 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22%
ทั้งนี้การลดลงของนักท่องเที่ยวจากตลาดไต้หวันมาจากหลายสาเหตุ เช่น ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเมืองของประเทศไทย และล่าสุดคือการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชะลอการเดินทางออกนอกประเทศประกอบกับรัฐบาลของประเทศไต้หวันก็มีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนกับประเทศไทย เช่นการจัดคอนซูเมอร์แฟร์นำสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวมาลดราคา 30-50% เพื่อกระตุ้นคนให้ท่องเที่ยวภายในประเทศ
ดังนั้น ททท.ส่วนกลางจึงไฟเขียวให้สำนักงานฯปรับลดจำนวนนักท่องเที่ ยวไต้หวันในปีนี้ได้ 10% จากเป้าหมายต้นปีที่ตั้งไว้ว่าตลาดจะโต 10% หรือไม่เติบโต ทำให้ประมาณว่านักท่องเที่ยวไต้หวันปีนี้จะเหลือประมาณ 300,000 คน
ดังนั้นทางสำนักงานไต้หวันจึงปรับแผนเจาะตลาดนักท่องเที่ยวระดับบน(ไฮเอนด์)จากเดิมไต้หวันจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป(แมส) ทั้งนี้เพราะไม่ต้องการให้รายได้จากนักท่องเที่ยวลดลงมากนัก โดยเน้นเจาะตลาด กอล์ฟ ชอปปิ้ง เมดิคัล ความงาม และฮันนีมูน ตั้งเป้าได้กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ 10% ของจำนวนนักท่องเที่ยวไต้หวันที่เดินทางมาไทย เดสติเนชั่นที่นำเสนอขายได้แก่ สมุย ภูเก็ต และกรุงเทพฯ
ล่าสุดออกแคมเปญ “เมด อิน ไทแลนด์” เจาะกลุ่มคู่ฮันนีมูน โดยมีเงื่อนไขว่าคู่ฮันนีมูนที่มาเที่ยวประเทศไทยตั้งแต่ช่วงนี้ถึง มี.ค.53 แล้วตั้งครรภ์จากการได้มาฮันนีมูนที่ประเทศไทย จะได้รับแพกเกจทัวร์เที่ยวประเทศไทยทั้งครอบครัว(พ่อ แม่ ลูก)ในปีถัดไป นอกจากนั้นยังจัดแฟมทริปเชิญสื่อมวลชนจากไต้หวันมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งทางสำนักงานฯได้นำเสนอเส้นทางขี่จักรยานเที่ยวอัมพวา จ.สมุทรสงคราม และ อยุธยาเมืองมรดกโลก เพราะขณะนี้ชาวไต้หวันนิยมท่องเที่ยวในรูปแบบขี่จักรยานเสือภูเขาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งสมาคมจักรยานในไต้หวัน มีสมาชิกรวม 300,000 กว่าคน ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการนำเสนอเส้นทางขี่จักรยานจะได้รับความสนใจจานักท่องเที่ยวไต้หวันเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเพื่อต่อยอดการทำตลาดไฮเอนด์ในปีนี้ ดังนั้นในปีงบประมาณ 2553 ทางสำนักงานฯจะเปิดตัวด้วยแคมเปญ “บิวตี้ ซีเครท” หรือความลับด้านความงาม ทำเสนอ 4 R ได้แก่ 1.รีชาร์จ คือการเชิญชวนให้มารับประทานอาหารไทยที่ประกอบด้วยสมุนไพร 2.รีเฟรช คือการสูดโอโซน เช่น ทะเล และภูเขา 3.รีแร็กซ์ คือ การนวดสปา และ 4.รีทรีท คือการทำโยคะ เพื่อผ่อนคลาย
นางสาวกิตติกา กล่าวว่า ทุกแคมเปญที่กล่าวมา จะร่วมกับบริษัทนำเที่ยวและสายการบินทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านพรีเซนเตอร์ที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง(เซเรเบอร์ตี้) เช่น ศิลปิน ดารา บุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคม