xs
xsm
sm
md
lg

คลังสั่งปิด"สัมพันธ์ประกันภัย"ธนสิน-ฟินันซ่าจ่อคิวลูกผีลูกคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คลังสั่งถอนใบอนุญาตสัมพันธ์ประกันภัย หลังมีปัญหาฐานะการเงินนานเกือบ 2 ปี ส่วนผู้เอาประกันภัย ยื่นขอรับการชำระหนี้ได้จากผู้ชำระบัญชี และเงินกองทุนประกันวินาศภัย ขณะที่เจ้าหนี้อื่นๆ ขอรับการชำระหนี้จากผู้ชำระบัญชีเท่านั้น ส่วนธนสิน คาดแก้ปัญหาเสร็จเร็วๆ นี้ ฟินันซ่า ยังลูกผีลูกคน คปภ. คาดปีนี้ ธุรกิจประกันภัยโตต่ำแค่ 6.9% จากปีก่อน

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงานคปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด หลังจากบริษัทไม่สามารถแก้ไขฐานะทางการเงินให้มั่นคง โดยมีหนี้เกินกว่าสินทรัพย์ 748.15 ล้านบาท มีค่าสินไหมทดแทนค้างจ่ายให้ผู้เอาประกันภัย 16,585 ราย รวมเป็นเงิน 701.41 ล้านบาท และมีการกระทำที่ฝ่าฝืนพ.ร.บ.ประกันวินาศภัยพ.ศ.2535

“คปภ. ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และได้ให้เวลาบริษัทนี้ แก้ไขฐานะทางการเงินมานานถึง 1 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่ที่ได้สั่งให้หยุดรับประกันภัยชั่วคราวเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2550 แต่บริษัทก็ไม่สามารถแก้ไขฐานะการเงินได้ เพียงแต่ได้จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัย 1,757 ราย เป็นเงิน 12.78 ล้านบาท รมว.คลังจึงใช้อำนาจตามมาตรา 59 แห่งพ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 สั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตของบริษัท” นางจันทรากล่าว

พร้อมกันนี้ ได้แต่งตั้งผู้ชำระบัญชี เพื่อนำเงินของบริษัทมาชดใช้หนี้ให้กับผู้เอาประกันภัย รวมถึงพนักงานบริษัท และเจ้าหนี้รายอื่นๆ

สำหรับผู้เอาประกันภัยยังจะได้รับความคุ้มครองจากเงินกองทุนประกันวินาศภัย ที่ให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยกรณีบริษัทที่ซื้อกรมธรรม์ไว้ถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยผู้เอาประกันภัย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย สามารถยื่นขอรับชำระหนี้ต่อผู้ชำระบัญชี และกองทุนประกันวินาศภัยได้ภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้

โดยสามารถยื่นได้ที่สำนักงานคปภ. กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี สำนักงานคปภ.เขต 1 เลขที่ 8/8 ซ.วิภาวดี 44 ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ และสำนักงานคปภ.เขต 2 เลขที่ 287 ซ.รัชดาภิเษก 6 ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัด ยื่นได้ที่สำนักงานคปภ.ภาค และสำนักงานคปภ.จังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้นจ.สมุทรสงคราม ลำพูน แม่ฮ่องสอน และนนทบุรี)

ส่วนเจ้าหนี้อื่น เช่น พนักงาน อู่ที่มีสัญญาจ้างกับบริษัท ให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้ชำระบัญชีภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้เช่นกัน ตามสถานที่ดังกล่าวข้างต้น หรือหากมีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติม และขอรับความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186

นางจันทรากล่าวว่า ขณะเดียวกัน คปภ.อยู่ระหว่างการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารของบริษัทต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะพบว่า ผู้บริหารมีความผิดตามพ.ร.บ.ประกันวินาศภัย ในฐานฝ่าฝืนการปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ ประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน รวมถึงยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในฐานยักยอกทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร เป็นต้น

“ยืนยันว่า การเพิกถอนใบอนุญาตบริษัทดังกล่าว ไม่ใช่เป็นผลจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และการเงินของโลก รวมถึงของไทย แต่เกิดจากการบริหารภายในของบริษัท ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาฐานะทางการเงินได้ รวมทั้งไม่สามารถหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ต่อผู้เอาประกันภัย และเจ้าหนี้อื่นๆ ได้ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันวินาศภัยโดยรวม” นางจันทรากล่าว

สำหรับบริษัทอื่นๆ ที่มีปัญหาฐานะทางการเงิน อย่างบริษัท ธนสินประกันภัย นั้น ขณะนี้ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท ยูเนียน อินเตอร์ ประกันภัย จำกัด และได้เปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่ทั้งหมด รวมถึงได้นำเงินเข้ามาเพิ่มทุนแล้ว 120 ล้านบาท เพื่อจ่ายหนี้ค้างชำระแทนผู้บริหารชุดเดิม แต่ยังขาดเงินกองทุนอีก 430 ล้านบาท และมีหนี้อีกกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะนำเงินเข้ากองทุนได้ภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ จากนั้นจึงจะชำระหนี้ เมื่อมีเงินกองทุนครบ และชำระหนี้หมดแล้ว ก็สามารถเปิดขายกรมธรรม์ใหม่ได้ทันที

ส่วนบริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิต นั้น ขณะนี้ขาดเงินกองทุนจำนวนมากพอสมควร แต่มีกองทุนจากประเทศเยอรมนีสนใจเข้าร่วมทุนด้วย อย่างไรก็ตาม สำนักงานคปภ.จะเร่งรัดให้บริษัทแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้เอาประกันภัยเดือดร้อน

นางจันทรากล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันภัยในปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราเติบโต 6.9% จากปี 2551 ที่เติบโต 12% โดยมีเบี้ยรับโดยตรง 352,354 ล้านบาท จากปี 2551 ที่มีเบี้ยรับโดยตรง 329,608 ล้านบาท โดยในปีนี้ ธุรกิจประกันชีวิตจะเติบโต 7.54% มีเบี้ยรับโดยตรง 240,200 ล้านบาท และธุรกิจประกันวินาศภัยเติบโต 5.60% มีเบี้ยรับโดยตรง 112,154 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจประกันภัยของไทยมีสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 3.64% เพิ่มขึ้นจากปี 51 ที่มีสัดส่วน 3.62%
กำลังโหลดความคิดเห็น